Introvert แบบหมาป่าเดียวดาย ปรับตัวยังไงให้เข้ากับสังคมฝูงแกะ

สังคมตอนนี้ใคร ๆ ก็มีชื่อเรียกบุคลิกกันหมดแล้ว งั้นเรามาเช็กกันหน่อยดีกว่าว่าเราเป็น Introvert จริงมั้ย หรือแท้จริงแล้ว เราคือ Ambivert บุคลิกกึ่งกลางสุดเจ๋ง ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้อย่างไม่ยาก เพื่อน ๆ คงได้ยินคำว่าIntrovert กับ Extrovert มาเยอะแล้วใช่มั้ยเอ่ย แต่เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่าคำจำแนกบุคลิกยังมีอีกคำนึง นั่นก็คือ Ambivert นั่นเองง

Ambivert คือบุคลิกที่อยู่กึ่งกลางระหว่างIntrovert กับ Extrovert ชาว Ambivert จะเป็นคนที่สามารถทำงานเข้ากับคนหมู่มากได้ดีเยี่ยม หรือถ้าอยู่ในกลุ่มสนทนาก็จะเป็นคนที่สร้างความสนุกสนานได้ดี แต่! ชาวAmbivert ก็ยังต้องการมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองเหมือนกัน แล้วเพื่อน ๆ มีลักษณะตามนี้บ้างมั๊ย ถ้าใช่เราก็ยินดีด้วยสุด ๆ เลย เพราะคุณจะเป็นคนที่เป็นที่ไว้วางใจและเป็นที่รักของคนรอบข้าง ปัญหาเรื่องการเข้าสังคมใหม่ ๆ ไม่ยากสำหรับคุณแน่นอน

แต่ แต่ แต่ ถ้าใครไม่มีลักษณะเป็น Ambivert และ Extrovert หรือมั่นใจแล้วว่าเราเป็นเจ้าหมาป่าเดียวดายจริง ๆ ที่มีความกังวลใจในการที่ต้องเข้าสังคม และอยากรู้วิธีปรับตัวอย่างแนบเนียนล่ะก็ ก็ตามเราส่องข้อแนะนำที่เราเอาฝากได้เลยย

ชาว introvert หลายคนอาจจะเคยเจอการปฏิบัติตัวของคนในสังคมเก่า ๆ ที่เราไม่ถูกใจหรือรู้สึกว่านี้ไม่ใช่สังคมที่เราอยากอยู่ จนทำให้หลาย ๆ คนติดภาพจำคนหมู่มากในทางลบ เราขอให้เพื่อน ๆ รีเซตความคิดนั้นใหม่ทั้งหมดน้าา เพราะการที่เราไปในสังคมใหม่ นั่นก็แปลว่าเราจะเจอคนนิสัยใหม่ ๆ คนที่เราอาจจะสบายในกว่าในสังคมเก่า ๆ การที่เรารีเซตตัวเองให้พร้อมเรียนรู้ Culture ใหม่ ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้เราสามารถเปิดรับพลังงานใหม่ ๆ และการที่เราเคยเจอคนที่มีนิสัยไม่เข้ากับเรา เราก็จะสามารถเรียนรู้วิธีอยู่ร่วมและปรับตัวที่จะไม่ทำให้เราและเขารู้สึกอึดอัดที่จำเป็นจะต้องมีการเข้าสังคมร่วมกับเราได้เหมือนกัน

การชวนคุยหรือการ Make Friend นั้นเป็นเรื่องปกติและเป้นเรื่องที่ดีอย่างมากในการเข้าสังคมใหม่ ๆ เลยนะคะ แต่พอเป็นชาวIntrovert แล้ว ขั้นตอนการำความรู้จักนี้อาจจะทำให้กดดันพอสมควรเลยใช่มั๊ยเอ่ยย แต่เราอยากเชียร์อัพให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำดูนะคะ ตั้งเป้าหมายแรกที่คนนั่งข้าง ๆ เลย อาจจะไม่ต้องทำทันทีที่นั่งลงก็ได้น้า ให้ลองสังเกตสิ่งรอบตัวของเป้าหมายของเป้าหมายเราก่อน แล้วลองชวนคุยเรื่องที่คิดว่าเขาน่าจะสนใจด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรและรูปประโยคที่ดี ๆ เช่น ชอบศิลปินวงนี้หรอ? เราก็ติดตามผลงานเขาอยู่นะ เพียงแค่ประโยคสั้น ๆ แค่นี้ก็สามารถทำให้เราดูเป็นคนที่น่าพูดคุยด้วยแล้ววว แต่! ทุกการสังเกตก็ขอให้อยู่ในขอบเขตพอประมาณและไม่คุกคามเพื่อน ๆ เป้าหมายของเราด้วยน้า

ในสังคมใหม่ ๆ ที่มีคนเป็น 10 หรือเป็น 100 แน่นอนว่าจะต้องมีซักคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ เราอยู่บ้าง ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเลย ให้เพื่อน ๆ มองหาคนที่มีความชอบคล้ายกัน โดยใช้สื่อกลางจากสิ่งที่ชอบเป็นเครื่องมือ เพราะคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ เรา เชาก็มักจะมีมุมอารมณ์ ความรู้สึกแบบเดียวกับเราแน่นอน แล้วจะดีแค่ไหนล่ะถ้าในสังคมที่มีคนเยอะและเราที่ยังไม่กล้าที่จะเปิดใจคุยกับคนหมู่มากจะมีเซฟโซนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน มีความรู้สึกที่จูนติดกัน หาเขาคนนั้นให้เจอและ Make Friend เขาไว้เป็นเซฟโซนพักใจของเรานะคะ  

เรื่องพื้นฐานของชาวIntrovert เกือบทุกคนที่เมื่อมีใครซักคนมาเล่าเรื่องส่วนตัวหรือระบายความในใจเรื่องไหน ๆ ให้ฟังก็แล้วแต่ ชาวIntrovert คงจะมีเพียงปฏิกิริยาการพยักหน้า และเสียงอืม อ่าในลำคอใช่มั๊ยเอ่ยย ซึ่งเรื่องการมีปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีน้า เราเข้าใจว่าเพื่อน ๆ ก็คงจะไม่อยาก judge ใครในบทสนทนาที่มีคนมาเล่าให้ฟังใช่มั๊ยล้า แต่ครั้งนี้เราอยากลองให้เพื่อน ๆ ลองเปลี่ยนมุมมองว่าการที่มีคนมาเล่าเรื่องราวที่บางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวด้วยซ้ำ แต่เขาก็ตัดสินใจมาเล่าหรือขอความคิดเห็นจากเรานั่นก็เป็นเพราะเขาไว้ใจและมั่นใจว่าเพื่อน ๆ จะสามารถให้คำปรึกษาและทำให่เขาสบายใจได้ ในกรณีนี้เราก็อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองแสดงความคิดเห็นเล็ก ๆ และเป็นกลางลงไปในบทสนทนาดูนะคะ เพียงแค่คำแนะนำเล็กน้อยก็ทำให้คู่สนทนาของเราใจฟู และวางใจที่จะคุยกับเพื่อน ๆ มากขั้นแล้วว

เรื่องส่วนตัวที่ไม่ส่วนตัวในที่นี้คืออะไร? เรื่องส่วนตัวที่เราพูดถึงนี้หมายถึงเรื่องราวของเราที่อยู่ในประเภทเรื่องส่วนตัวที่สามารถเล่าได้ ชาวIntrovert ส่วนใหม่อาจจะไม่ชอบที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง ยิ่งเป็นการเล่าเรื่องส่วนตัวในสังคมใหม่ ๆ ที่อาจะรู้จักกันได้ไม่นานแล้วล่ะก็ คงเป็นไปไม่ได้เลยใช่มั๊ยคะ แต่เราอยากให้เพื่อน ๆ ลองเปิดใจและหยิบยกเรื่องปัญหาที่ไม่ใช่ Top Secret ของเพื่อน ๆ ลงไปในบทสนทนาดูน้า ปัญหานั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่อะไรก็ได้ค่ะ เพียงแค่ประโยคที่ว่า “รสชาติน้ำปั่นร้านนี้หวานไปหน่อยเนอะ ว่ามั๊ย” ในวงสนทนาที่มี่หลายคนอาจจะมีซักคนที่รู้สึกว่าน้ำปั่นหวานเกินไปเหมือนเราก็ได้น้าา

พอเป็นเรื่องที่ชาวIntrovert หลายคนต้องการที่จะปรับตัวให้เข้ากับสังคมจนมากเกินไป นั่นก็อาจจะทำให้เพื่อน ๆ หลงลืมไปว่าสิ่งที่เราต้องการคือ “การอยู่ร่วมกับสังคมไม่ใช่การเปลี่ยนตัวเราเป็นสังคม” เราขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ไปที่เรื่องของการนินทาว่าร้ายที่หลายคนอาจจะมองเป็นเรื่องสนุกปากแต่เราเชื่อว่าชาวIntrovert เกือบทุกคนไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นมากจนออกหน้าออกตาแน่อน แต่เรื่องคำพูดหรือการนินทาของคนก็คงเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ใช่มั๊ยคะ เพราะฉะนั้นแล้ว หากรู้สึกว่าเรื่องในวงสนทนาเป็นเรื่องที่เราหรืออึดอัดก็ขอให้เพื่อน ๆ เพียงแค่ไม่ต้องแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกใด ๆ ร่วมในวง และปล่อยผ่านบทสนทนาเหล่านั้นพร้อมไม่หยิบยกเรื่องหยุมหยิมเหล่านั้นมาคิดเพราะเมื่อไหร่จะเพื่อน ๆ เริ่มมีความคิดเอนเอียงตามบรรยากาศในวงสนทนาของเรื่องนั้นแล้ว เพื่อน ๆ ก็จะสามารถเข้าสังคมได้ดี แต่! เพื่อน ๆ จะเสียความเป็นตัวเองหรือที่เรียกว่า “การถูกสังคมกลืนกิน”