ประเภทชา มีอะไรบ้าง ? รู้จักชา 7 ชนิด ดูแลหุ่นและสุขภาพด้วยการดื่มชา

สวัสดีค่าาา สาว ๆ ชาวซิสส วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดีจะมาแนะนำตัวช่วยที่ทำให้สุขภาพเราดีขึ้นแบบธรรมชาติสุด ๆ กัน อย่างที่เรารู้กันว่าช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อย และในวันส่วนใหญ่พอฝนตกก็ทำให้อากาศเย็นขึ้น เพราะแบบนั้นเราถึงต้องหาอะไรดื่มอุ่น ๆ ท้อง ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ ประเภทชา ทั้งหมด 7 ชนิดให้สาว ๆ ลองไปดูกันว่ามีตัวไหนน่าสนใจกันบ้างดีกว่าา

ช่วยพัฒนาสุขภาพจิต: เพราะชาหลายชนิดนั้นมีสารสกัดที่ช่วยลดความเครียดและสร้างความผ่อนคลายให้กับจิตใจ ช่วยทำให้จิตใจเรามีความสงบและช่วยเสริมสร้างสมดุลให้กับร่างกาย

สร้างภูมิคุ้มกัน: ชามีสารต้านอนุมูลอิสระและแอนติออกซิแดนต์ที่ช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ และยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น หัวใจและเส้นเลือด โรคเบาหวาน และมะเร็ง

เรามาเริ่มกันที่ชาตัวแรก ที่เรียกได้ว่าเป็นชาสุดฮอตฮิตในวงการของการดื่มชากันเลยทีเดียว เชื่อว่าหลายคนคงบริโภคชาเขียวเพราะว่ารสชาติและกลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์ แต่ทุกคนรู้ไหมคะว่า ชาเขียวนั้นเป็นชาที่ช่วยระบบเผาผลาญของเราได้ดีทีเดียว ซึ่งชาเขียวนั้นมีประวัติยาวนานมามากกว่า 4,000 ปีและต้นกำเนิดของชาชนิดนี้ก็ได้เริ่มขึ้นที่ประเทศจีน ในสมัยจักรพรรดิเสินหนง ที่ได้บังเอิญไปนั่งพักที่ใต้ต้นชาในป่า และมีใบชาร่วงหล่นลงมาในน้ำที่ตนกำลังดื่ม และเมื่อได้ดื่มแล้วก็รู้สึกสดชื่นและกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที !!! หลังจากนั้นจึงได้มีการพัฒนาและเพิ่มความนิยมไปอย่างมากหลายจนถึงทุกวันนี้นั่นเองค่าา

นอกจากนั้นแล้ว ประโยชน์ของชาเขียวเองก็มีอยู่มากมาย แต่ที่เรามักจะรู้กันก็คือ มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน เพราะในชาเขียวมีสารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต ช่วยต้านอนุมูลอิสระและยังช่วยเผาผลาญไขมันส่งผลต่อการคุมน้ำหนักให้ดีขึ้น ช่วยให้สดชื่นเพราะในชาเขียวมีสารคาเฟอีนและธิโอฟิลลีน กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท และยังช่วยกระตุ้นต่อมรับรสในการรับประทานอาหารอีกด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังมีข้อเสีย เพราะหากบริโภคชาเขียวมากจนเกินไป อาจก่อให้เกิดโรคโลหิตจาง เพราะในชาเขียวนั้นมีสารแทนนินผสมอยู่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย และก่อให้เกิดโรคโลหิตจางได้

เราจะมาต่อกันที่ชาดำกันเลยดีกว่าา ทุกคนรู้ไหมคะว่าชาดำนั้นมีวิธีการผลิตที่ซับซ้อนและปราณีต เพราะ ชาดำ ทำมาจากใบชาสายพันธุ์ Camellia Sinensis ซึ่งมีวิธีการหมักด้วยแบคทีเรียเสมือนการทำไวน์ รสชาติจะขมเล็กน้อยแต่ก็กลมกล่อม และเป็นชาที่มีปริมาณคาเฟอีนมากที่สุดเมื่อนำมาเทียบกับชาประเภทอื่น ๆ ถึง 40 มิลลิกรัมต่อถ้วย

นอกจากนั้นชาดำยังช่วยในการต่อการต้านอนุมูลอิสระ ชาดำ เป็นชาที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงที่สุดในหมู่ชาด้วยกัน มีฤทธิช่วยล้างสารพิษในร่างกาย และยังมีช่วยชะลอวัย ช่วยทำหน้าที่แทนอินซูลินในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยให้ความจำดีขึ้นด้วยค่ะ เพราะในชาดำมีสารที่ไปยับยั้ง“เอนไซม์ Butylyncholinesterase และ Amyloid Beta ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคอัลไซเมอร์นั่นเองค่ะ

ต่อมาเอาใจสายคนรักกุหลาบกันหน่อย เพราะนอกจากจะมีกลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์แล้วนั้น ชากุหลาบยังส่วนช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร และช่วยอาการท้องผูกได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและยังช่วยให้หลับง่ายขึ้นอีกด้วย ! โดยแนะนำให้สาว ๆ ดื่มก่อนที่จะเข้านอนเป็นระยะเวลาล่วงหน้าสักประมาณ 1 - 2 ชั่วโมงนะคะ

ต่อมากับชาที่มาจากดอกไม้กันอีกที อย่างที่ทุกคนน่าจะพอทราบคุณสมบัติคร่าว ๆ ของชาดอกคาโมมายล์กันอยู่แล้ว เพราะมีฤทธิช่วยในการผ่อนคลาย ลดความเครียด และช่วยให้สามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น เพียงดื่มอุ่น ๆ ก่อนนอนสัก 30 - 45 นาที ก็จะช่วยให้สาว ๆ หลับสบายทั้งคืนเลยค่ะ นอกจากนั้นชาชนิดนี้ยังสามารถบรรเทาอาการปวดประจำเดือนและรักษาโรคกระเพาะได้ด้วยน้าา

เราจะต่อกันที่ชาสุดฮิตสำหรับสายคาเฟ่ เชื่อว่าหลายคนคงอาจเคยได้ลิ้มรสชาผลไม้รวมกันมาบ้าง ก็ในเมื่อเลือกไม่ได้ว่าจะเอาอะไร งั้นก็สั่งแบบผลไม้รวมไปเลยละกัน ! ใช่ค่ะ เพราะชาผลไม้รวมนั้นยังมัดรวมเอาสรรพคุณของผลไม้ในด้านต่าง ๆ มาไว้ในแก้วเดียว !

นอกจากนั้นหากเป็นชาผลไม้ที่ได้จากการทำผลไม้ไปอบแห้ง ก็แทบจะไม่มีคาเฟอีนผสมอยู่เลย ช่างเป็นชาที่เหมาะกับคนที่แพ้คาเฟอีนจริง ๆ

ซึ่งชาผลไม้รวมนั้นสามารถช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ช่วยลดความเครียด และยังมีสารกระตุ้นโปรไบโอติกส์ ทำให้ลำไส้เราสามารถทำงานได้ดีขึ้น ช่วยในระบบเผาผลาญ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วยน้าาา