วันนี้เรารวบรวมกลุ่ม โรคแปลกๆ ที่มีอยู่จริงมาแชร์ต่อให้ชาวซิส ลองสังเกตตัวเองดูซิว่าตัวเราเองมีอาการเข้าข่ายกับโรคไหนบ้างรึเปล่า!? เพราะยิ่งพบเร็วก็ยิ่งหาทางรักษาตัวได้เร็วด้วย

เลือกอ่านตามหัวข้อ
เช็กหน่อยก็ดี! เรามีอาการเข้าข่าย โรคแปลกๆ แต่มีอยู่จริง เหล่านี้ไหม ?
โรคแปลกๆ ที่ 1. โรคนอนมากเกินไป (hypersomnia)
โรคแปลกที่ 2. โรคศพเดินดิน (Walking corpse Syndome)
โรคแปลกที่ 3. โรคอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ (Alice in Wonderland syndrome)
โรคแปลกที่ 4. โรคกลัวการถูกสัมผัส (Aphenphosmphobia)
โรคแปลกที่ 5. โรคกลัวเชื้อโรค (Mysophobia)
โรคแปลกๆที่ 6. โรคคิดว่าตัวเองไม่เก่ง (Impostor Syndrome)
โรคแปลกๆที่ 7. โรคกลัวรู (Trypophobia)
โรคแปลกที่ 8. โรคกลัวความรัก (Philophobia)
โรคแปลกๆที่ 9. โรคลืมใบหน้า (Prosopagnosia)
โรคแปลกๆที่ 10. โรคกลัวทะเลลึก (Thalassophobia)
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เช็กหน่อยก็ดี! เรามีอาการเข้าข่าย โรคแปลกๆ แต่มีอยู่จริง เหล่านี้ไหม ?
โรคแปลกๆ ที่ 1. โรคนอนมากเกินไป (hypersomnia)
สาเหตุ
1. อดนอนเป็นเวลานาน และบ่อยครั้ง จนทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ
2. นาฬิกาชีวิตแปรปรวน ปรับเวลาผิด เช่น ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศที่มีช่วงเวลาต่างกันมาก
3. ฮอร์โมนในร่างกายหรือสารเคมีในสมองผิดปกติ ทำให้นอนมากเกินไป
4. นอนกรน มีภาวะหยุดหายใจในช่วงหลับ ทำให้ร่างกายรับออกซิเจนไม่เพียงพอ
5. สมองได้รับการบาดเจ็บ หรือเป็นโรคเกี่ยวกับสมอง
*** กรณีการวินิจฉัยของคุณหมอ ถ้าเพื่อนๆ มีอาการรนอนหลับเพิ่มในวันเดียวกัน ระยะเวลาการนอนหลับยาวนานมากขึ้น และมีอาการอ่อนเพลียหลังจากตื่นนอนแล้ว รวมไปถึงตื่นยาก ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น เอะอะจะนอนมันอย่างเดียว นอนมากกว่า 10 ชั่วโมง หากมีอาการดังกล่าวอยู่อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกันในช่วง 3 เดือน มีโอกาสที่จะเป็นโรคนอนหลับมากเกินไปได้
วิธีการรักษา
แบ่งเป็น 2 วิธี วิธีแรกคือ การใช้ยา หากเราไปพบแพทย์ หลังจากคุณหมอมีการวินิจฉันออกมาแล้ว ว่าเราเป็นโรคนี้ การรักษาจะแบ่งเป็น 2 วิธี หนึ่งในนั้นคือการใช้ยาช่วย และอีกหนึ่งวิธีคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยปรับการนอนให้เป็นเวลา บรรยากาศห้องต้องเหมาะสมกับการนอนหลับ งดดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนตอนบ่าย งดออกกำลังกายหนักหรือกินมื้อใหญ่ก่อนเวลาเข้านอน งดนอนกลางวันใกล้เวลานอน เป็นต้น
โรคแปลกที่ 2. โรคศพเดินดิน (Walking corpse Syndome)
อาการของโรคนี้ สังเกตได้ว่าผู้ที่เป็นโรคศพเดินได้มักจะเข้าสังคมน้อยลง บางคนจะได้ยินเสียงที่บอกว่าตนเองกำลังจะตายหรือตายไปแล้ว หรืออาจไม่กินอะไร และบางคนอาจพยายามทำร้ายตนเอง นอกจากนี้ยังมีอาการวิตกกังวล หมกมุ่นอยู่กับความตายและการสูญสลายของชีวิต ซึ่งโรคนี้จะมีความใกล้เคียงกับโรคซึมดเศร้าอยู่ ว่ากันว่าคนที่ป่วยเป็นโรคศพเดินได้ส่วนใหญ่นั้น มีอาการซึมเศร้าร่วมอยู่ด้วย
สาเหตุ
สาเหตุหลักๆ ของโรคศพเดินได้นั้น อาจจะมีสาเหตุมาจากการกระทบกระเทือนทางจิตใจหรือสมอง เรื่องที่ทำให้รู้สึกกลัวหรือฝังใจ จนทำให้เกิดการหลงผิด ทั้งนี้โรคศพเดินได้ ยังมีผลพวงมาจากโรคทางจิตเวชและโรคอื่นๆ อีกด้วยนะ ยิ่งถ้าผู้ป่วยมีอาการของโรคไบโพลาร์ ซึมเศร้า การติดเชื้อในสมอง และอื่นๆ ก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ เพราะโรคศพเดินได้นั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดจากอาการของปัญหาที่เกี่ยวกับภาวะทางระบบประสาท หรือภาวะสุขภาพจิตนั่นเอง
วิธีรักษา
แม้จะเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่เอาจริงๆ ก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะ แต่ว่าโรคนี้มีวิธีการรักษาอยู่ค่ะ ใครที่พบว่าคนใกล้ชิดมีอาการน่าเป็นห่วง ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที ซึ่งแพทย์จะใช้การรักษาด้วยยา เช่น ยาต้านโรคซึมเศร้า ยาต้านอาการทางจิต หรือยาควบคุมอารมณื เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากการใช้ยาแล้ว ยังมีการบำบัดควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยค้นหาวิธีการคิดที่ถูกต้องและช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตต่อไปอย่างดีมากยิ่งขึ้น
โรคแปลกที่ 3. โรคอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ (Alice in Wonderland syndrome)
สาเหตุ
จริงๆ แล้วการวินิจฉัยแบบชัดๆ ยังไม่ค่อยมี แต่ว่ากันว่า มีกลุ่มอาการบางอย่าง ที่อาจจะส่งผลให้เราสามารถป่วยเป็นโรคของอลิซในแดนมหัศจรรย์ได้ นั่นก็คือ การปวดศีรษะไมเกรนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งอาการของโรคจิตเภท การติดเชื้อ mononucleosis ซึ่งมีผลต่อส่วนต่างๆ ของสมองอาการชักลมชัก พร้อมกับสภาวะประสาทหลอน และเนื้องอก มะเร็งในสมอง เป็นต้น ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงอีกหนึ่งอย่าง ที่อาจส่งผลให้เป็นโรคนี้ได้ก็คือ การใช้ยาเสพติด รวมไปถึงความเครียดที่ฝังลึก ก็อาจทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
วิธีรักษา
วิธีการรักษาที่เริ่มจากตัวเอง คือการลดความตึงเครียดและอย่าใช้สารเสพติด รวมทั้งต้องใส่ใจและดูแลตัวเองให้ดีๆ แต่ถ้าหากพบว่า เราเริ่มมีอาการแปลกๆ แล้ว ควรรีบไปพบแพทย์ ซึ่งแนวทางรักษาก็จะมีทั้งการบำบัดด้วยความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรม การให้ผู้ป่วยได้เข้าบรับการพักฟื้น รวมไปถึงการทำความเข้าใจกับคนรอบข้าง ให้เข้าใจในตัวของผู้ป่วย นอกจากนี้ ก็ยังมีการใช้ยาในการรักษาร่วมด้วย
โรคแปลกที่ 4. โรคกลัวการถูกสัมผัส (Aphenphosmphobia)

สาเหตุ
สาเหตุของโรคนี้ อาจเกิดผู้ป่วยเจอกับเหตุการณ์สะเทือนจิตใจ เช่น การถูกลวนลาม การถูกละเมิดทางเพศ การใช้ความรุนแรง การทำร้ายร่างกายและการถูกกักขัง นอกจากนี้ การโดนบูลลี่ โดนดูถูกเรื่องรูปร่าง หน้าตา ก็มีส่วนที่ก่อให้เกิดโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน
วิธีรักษา
วิธีการรักษาที่ดีที่สุดคือ การเอาชนะความกลัว พูดเหมือนง่าย แต่ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น วิธีแรกคือ การเข้ารับการบำบัด พูดคุย ทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมไปถึงกระบวนการคิด วิธีที่สอง การปรับตัว ให้ผู้ป่วยได้ลองใกล้ชิด หรือลองสัมผัส และอีกหนึ่งวิธีคือ การใช้ยาบางชนิดที่ช่วยบรรเทาความวิตกกังวล
โรคแปลกที่ 5. โรคกลัวเชื้อโรค (Mysophobia)
ซึ่งอาการของคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ อย่างแรง ชัดเจนอยู่แล้ว เขาและเธอจะกลัวเชื้อโรคและความสกปรกขั้นรุนแรง ถึงขั้นเสียอาการเมื่อต้องสัมผัสหรือเข้าใกล้ความสกปรก และมักจะมีปฏิกิริยาในแง่ลบอย่างผิดปกติ เช่น ร้องไห้ โวยวาย เหงื่อแตก ตัวสั่น เมื่อต้องเจอกับความสกปรก บางคนถึงขั้นป่วย หน้ามืดเลยก็มี ทั้งนี้คนที่เป็นโรคนี้ จะชอบล้าง เช็ด อาบ ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อบ่อยๆ ในทุกๆ สถานการณ์ ไม่ว่าจะหยิบ จับอะไรก็แล้วแต่ และที่สังเกตได้ชัดอีกข้อคือ เขาจะไม่ใช่ของร่วมกับใคร ไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่รวมไปถึงห้องน้ำสาธารณะ รถสาธารณะ บลาๆ และจะหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกายคนอื่นด้วย
สาเหตุ
โรคนี้เกิดจากพฤติกรรมของคนในครอบครัว หรือเกิดกับคนที่ผ่านเหตุการณ์รุนแรงที่มีความรู้สึกกลัวนี้เกี่ยวข้อง หรือมีปมกับการสัมผัสเชื้อโรค สัมผัสความสกปรกมาก่อน แม้แต่กับคนที่รักสะอาดมากๆ ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้ได้เช่นกันและอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติสารเคมีในสมองที่ทำให้เกิดโฟเบียด้วย
วิธีรักษา
โรคนี้สามารถรักษาได้ วิธีแรกคือการบำบัด ซึ่งผู้ป่วยที่จะรับการรักษา จะต้องให้ความร่วมมือด้วยมากๆ เพราะจะต้องฝึกให้ผู้ป่วยเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนบรรลุเป้าหมายในการรักษา วิธีที่สองคือ รักษาด้วยยา ซึ่งยาส่วนใหญ่ก็จะเป็นยาลดอาการวิตกกังวล ยาระงับอาการสั่นซึ่งวิธีการใช้ยาก็จะใช้ควบคู่ไปกับการบำบัดนั่นแหละ โดยยาจะช่วยทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกลัวน้อยลงและกล้าที่จะเข้าบำบัดนั่นเอง
โรคแปลกๆที่ 6. โรคคิดว่าตัวเองไม่เก่ง (Impostor Syndrome)
สาเหตุ
โรคนี้อาจเกิดขึ้นได้กับคนที่ขาดความมั่นคงทางอารมณ์ ขาดความทะเยอะทะยานและไม่สามารถทำตามแบบแผนที่ถูกกำหนดได้ หรือบางครั้งอาจพบในคนที่มีนิสัยรักความสมบูรณ์แบบก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ การเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมในวัยเด็ก แรงกดดัน ความคาดหวังต่างๆ ก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน รวมไปถึงปัญหาสุขภาพจิต อย่างโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้า ซึ่งอาจทำให้สภาพจิตใจของบุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกัน
วิธีรักษา
วิธีการรักษาที่ดูที่สุดเริ่มจากตัวเรา หยุดจับผิวตัวเอง หยุดโทษและตำหนิตัวเอง หันกลับมามองตัวเองในด้านบวก นึกถึงตนเองในสิ่งดีๆ วันละ 1 อย่าง ทำต่อเนื่องทุกวัน วิธีที่สองคือ ฝึกการรับรู้และรู้จักความสามารถของตนเอง คนเราต้องรู้จักประมาณตน มนุษย์ทุกคนมีทั้งข่อดีและข้อผิดพลาด การรับรู้ว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง รวมถึงการรู้จักความสามารถของตนเอง จะส่งผลให้ชีวิตของเราไม่สับสน รู้ว่าเรามีจุดแข็งหรือข้อดีอะไร และได้กลับมาภูมิใจในตนเองในแบบที่เราเป็นจริง แต่ถ้าถึงที่สุดแล้ว รู้ว่าตัวเองทำไมได้ ลองไปปรึกษาแพทย์ดู อย่าปล่อยให้อะไรๆ แย่ไปมากกว่านี้

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดOriginal Content)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe