อันตรายจากสัตว์และแมลงหน้าฝน เช็กหรือยัง!? พร้อมแชร์วิธีป้องกันและข้อควรทำเมื่อเกิดเหตุ

สัตว์ตัวแรกที่มีพิษร้ายแรง และต้องระวังมากๆ เพราะชอบหนีน้ำมาอาศัยบ้านคนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการพบเจอที่งูขดอยู่ในรองเท้า ตู้ไปรษณีย์ เป็นต้น บางทีก็อาจโผล่จากชักโครกก็มีเหมือนกัน โดยงูพิษที่พบมากในไทยเลยคืองูที่ส่งผลต่อระบบประสาท เช่น งูเห่า งูเห่าพ่นพิษสยาม งูจงอาจ งูสามเหลี่ยม โดยพิษที่เข้าร่างกายนั้นทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาตโดยเริ่มตั้งแต่กล้ามเนื้อมัดเล็กจนถึงมัดใหญ่ อาการเริ่มต้นหลังโดนจะหนังตาตก กลืนน้ำลายลำบาก พูดอ้อแอ้ ไปจนถึงหยุดหายใจ กัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตทันที

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

งูมีอยู่หลายชนิด ทั้งมีพิษและไม่มีพิษ หากถูกงูมีพิษกัดจะมีรอยเขี้ยว 1-2 แผลเสมอ เขี้ยวมีลักษณะเป็นรูกลวงคล้ายเข็มฉีดยา และมีเลือดออกซึมๆ แต่ถ้าไม่พบเขี้ยวของงู เห็นแค่รอยถากเท่านั้น นั่นคืองูที่ไม่มีพิษ ทั้งนี้นั้นหากโดนงูมีพิษกัดให้รีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 และปฐมพยาบาลตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นคืออย่าพยายามขยับอวัยวะตรงที่ถูกงูกัด เพราะการที่เราเคลื่อนไหวจะเป็นการเร่งให้พิษนั้นกระจายไปตามส่วนของร่างกายได้เร็ว จากนั้นให้นำผ้าพันแผลชนิดยืดหยุ่นพันตั้งแต่เหนือรอยแผลที่โดนกัด ไปจนถึงข้อต่อของแขนหรือขา และต้องคลายผ้าทุกๆ 15-20 นาที เพื่อป้องกันส่วนปลายขาดเลือด และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

พิษของตะขาบนั้นอันตรายมากๆ ยิ่งช่วงหน้าฝนที่มีอาการชื้นอย่างนี้ ก็จะเห็นตะขาบได้บ่อยมาก โดยในตัวของตะขาบจะมีพิษอยู่ที่เขี้ยว 1 คู่ โดยอยู่ที่ปล้องแรกของลำตัว เมื่อโดนตะขาบกัดจึงจะเห็นเป็นรอยเขี้ยวมีจุดเลือด 2 จุด ลักษณะแผลเหมือนเป็นรอยไหม้ ซึ่งหลังจากกัดไปแล้ว พิษของตะขาบจะแผ่เร็วมาก ทำให้เกิดอาการบวมแดง ปวดแสบปวดร้อน อาเจียน ปวดหัว และมึนงง จนกระทั่งเป็นอัมพาตในบริเวณที่ถูกตะคาบกัดได้ หรืออาจจะได้รับเชื้อแบคทีเรียจากคมเขี้ยวของตะขาบแทรกซ้อนไปในแผล แต่ว่าพิษของตะขาบไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

การดูแลเบื้องต้นเมื่อถูกตะขาบกัด ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ 30 วินาที แล้วใช้ผ้าที่ห่อด้วยน้ำแข็งค่อยๆ ประคบบนบริเวณที่ถูกกัด เพื่อที่จะช่วยลดอาการปวดบวม หรืออาจจะรับประทานยาแก้ปวดเมื่อรู้สึกปวด หากรู้สึกว่ามีอาการแพ้พิษของตะขาบมาก ให้รีบนำตัวส่งพบแพทย์อย่างเร็วด่วน

พิษของแมงป่องก็ใช่ย่อย เพราะพิษร้ายของแมงป่องจะอยู่ที่ส่วยปลายหาง เมื่อโดนร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งก็จะทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนอย่างทรมาน หรือร้ายแรงถึงตายได้เลยหากโดนกัดแค่นิดเดียว อาการแรกๆ ที่โดยจะรู้สึดปวดขึ้นมาทันที หลังจากนั้น 30 นาทีก็จะรู้สึดปวดมาก มีอาการบวมแดงและแสบร้อนที่แผล ปวดหัว อาเจียน มีไข้สูง และหัวใจเต้นเร็ว ซึ่งหากไม่รีบรักษาอาจจะมีอาการชัก น้ำคั่งปอด และอาจเสียชีวิตจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และระบบหายใจล้มเหลวได้เลย

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

เมื่อถูกแมงป่องกัดต่อยให้ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและนำสบู่มาถู จากนั้นให้นำน้ำแข็งใส่ผ้าผืนบางมาประคบ เพื่อบรรเทาอาการของการปวดและให้เส้นเลือดหดตัว ซึ่งจะสามารถช่วยให้พิษกระจายตัวได้ช้าลง จากนั้นรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

คางคกนั้นนอกจากรูปร่างภายนอกน่ากลัวแล้วก็ยังมีพิษจากเมือกสีขาว หรือที่เรารู้จักกันเลยคือยางคางคก โดยต่อมพิษของคางคกจะอยู่ที่เส้นสันหลัง และเครื่องในบางส่วน ซึ่งหากโดนผิวในร่างกายแล้วจะเกิดอาการระคายเคืองแต่ไม่มากพอที่จะส่งผลไปยังส่วนอื่นๆ ได้ 

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

ในกรณีที่โดนพิษของคางคกที่ผิวหนัง ให้รีบทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำและสบู่ออกอย่างหมดจด ส่วนหากคนที่นำคางคกไปกินเพื่อเป็นยาชูกำลัง ให้รีบนำตัวไปส่งโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ให้ทำการรักษาโดยทันที

แมลงก้นกระดก หรือด้วงก้นกระดก เป็นด้วงปีกสั้นก้นงอน และเป็นแมลงเฟรชชี่ จะพบได้มากในบริเวณใกล้แหล่งน้ำ นาข้าว หรือตามพงหญ้า ยิ่งช่วงหน้าฝนนั้นจะมีการระบาดของแมลงชนิดนี้หนักมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัด พิษของแมลงตัวนี้นั้นเมื่อเราโดนกัดหรือสัมผัสโดน แมลงก้นกระดกจะปล่อยของเหลวออกมา ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อน คัน ปวดแสบ ผิวไหม้ มีผื่นแดง ตุ่มน้ำ และเป็นหนองเกิดขึ้นในบริเวณที่ผิวหนังโดนสัมผัส