การปั่นจักรยานอยู่กับที่ สุขภาพดีเริ่มได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเจอมลภาวะให้กังวลใจ

1. จักรยานนั่งปั่น (Upright Bike)
2. จักรยานเอนปั่น (Recumbent Bike)
3. จักรยานสปินไบท์ (Spin Bike)

การปั่นจักรยานไม่ว่าประเภทใดก็สามารถเผาผลาญแคลลอรี่ได้ดีทั้งหมด แต่ก็ยังคงมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องเข้ามาด้วยอย่างการปั่นจักรยานแบบสปินไบท์ โดยการใช้งานหลักๆ คือเน้นเรื่องความต้านทานให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ที่ใช้งานได้ออกแรงปั่นมากเท่าที่ต้องการ แต่หากอยากเน้นเรื่องการลดน้ำหนักก็ควรที่จะเริ่มปั่นแบบเบาเพื่อวอร์มก่อน 5 นาที และค่อยเพิ่มความต้านทานหรือฝืดขึ้นมาเรื่อยๆ ทีละนิด ทำจนชินกับน้ำหนักและค่อยเพิ่มความเร็วเข้าไป โดยเทคนิคที่ดีคือการปั่นเร็วสลับช้า ทำเป็นเซตๆ ไป นั่นเอง ฉะนั้นต้องดูที่จุดประสงค์ของผู้ใช้งานว่าต้องการประเภทแบบไหน

1. ทำให้หัวใจ และกล้ามเนื้อแข็งแรง
2. สามารถออกกำลังได้ทุกวันจวบจนทั้งปี รวมไปถึงทุกสภาพอากาศ
3. สามารถออกกำลังกายโดยลำพัง
4. ไม่เน้นทักษะที่ซับซ้อน ไม่ต้องพยายามฝึกการทรงตัว
5. ไม่ต้องกังวลกับการเกิดอุบัติเหตุ เหมือนกับการปั่นจักรยานทั่วไปเวลาปั่นออกไปด้านนอก
6. ในกรณีที่มีอาการการปวดหลัง ปวดเข่า สามารถออกกำลังกายด้วยวิธีขี่จักรยานได้

1. เป็นการออกกำลังเฉพาะร่างกายส่วนล่าง เนื่องจากไม่ต้องใช้ร่างกายท่อนบนในการควบคุมการทรงตัว
2. ไม่ได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก ทำให้รู้สึกเบื่อและไม่มีไฟในการปั่น
3. ถ้าเบาะจักรยานไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ก้นได้

• ความสูงของเบาะนั่งควรเหมาะสม เมื่อนั่งเบาะ เท้าข้างที่วางบนบันไดที่ต่ำ เข่าควรจะงอเล็กน้อยประมาณ 150-160 องศา ไม่เหยียดตึงเกินไป อาจจะทำให้เกิดการปวดในบริเวณด้านหลังขาหรือเข่า หากตั้งเบาะต่ำเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดเข่าบริเวณด้านหน้าได้

• ความสูงของมือจับปรับให้พอดี โดยปรับให้สูงแล้วค่อยเลื่อนต่ำลงมา ตำแหน่งที่เหมาะสมคือ ระยะห่างที่พอดี ข้อศอกงอควรเล็กน้อย คนที่ใช้งานควรปรับให้พอดีด้วยตัวเองเองเพื่อไม่ให้เกิดอาการปวดหลังเข้ามาแทรกซ้อนได้

• การเลือกรองเท้า ไม่ควรใช้รองเท้าสำหรับวิ่งหรือรองเท้าสำหรับการเต้นแอโรบิก เพราะมีพื้นรองเท้าที่นุ่มเกินไป พื้นรองเท้าที่เหมาะสำหรับการขี่จักรยานควรจะมีความแข็งพอสมควร เพื่อที่จะเสริมให้การขี่จักรยานนั้นได้รับประสิทธิภาพ

เมื่อเริ่มเข้าสู่การปั่นแล้วก่อนที่จะออกแรงเต็มที่ ให้เริ่มด้วยการอุ่นร่างกายคือปั่นเบา 5-10 นาทีก่อน หลังจากนั้นจึงเพิ่มระดับความฝืดและแรงต้านทานทีละนิดไปเรื่อยๆ ร่างกายจะได้ไม่ล้า หลังจากปั่นเสร็จเกินไป แต่สำหรับใครที่เป็นโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูงควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะปั่นจักรยาน เพราะว่าเราจะต้องมีการติดตามอัตราการเต้นหัวใจในระหว่างออกกำลังกายด้วย หากมีอาการผิดปกติอย่างอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด เจ็บหน้าอกให้หยุดทันที

ผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อม การปั่นจักรยานเป็นการออกกำลังกายเพื่อให้เสริมภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงให้กับร่างกาย เพราะจะสามารถสร้างกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อเข่าให้เพิ่มการยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆ ข้อเข่า ทั้งเพิ่มความแข็งแรงของข้อ ความคงทน และความยืดหยุน โดยการออกกำลังที่เหมาะสมได้แก่ การปั่นจักรยานโดยปรับให้สูงเล็กน้อยเพื่อลดการงอของเข่า

แต่สำหรับผู้ที่เป็นข้อเข่าเสื่อม ต้องยึดว่าให้แรงกระแทกที่ข้อเข่าน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นกับกระดูกอ่อนของข้อเข่า และการออกกำลังกายที่แพทย์แนะนำคือ " การปั่นจักรยานอยู่กับที่ " เพราะการปั่นจักรยานจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรง และยังช่วยพยุงข้อเข่าให้กับคนที่เข่าเสื่อมได้อีกด้วย ทั้งในการปั่นจักรยานอยู่กับที่นั้นไม่เป็นอันตราย มีความปลอดภัยสูง ไม่เสี่ยงต่อการล้มและยังมีเบาะที่มั่นคง