Bangkok Pride 2023 ก้าวข้ามทุกความไม่เท่าเทียมพร้อมรับทุกความต่าง

สำหรับขบวนพาเหรดงาน Bangkok Pride 2023 ได้จัดไปแล้วเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยต้นขบวนพาเหรดจะอยู่ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ซึ่งในปีนี้มาในคอนเซปต์ " Beyond Gender ประเด็นทางเพศอะไรที่คุณอยากก้าวข้าม " และยังเป็นขบวนพาเหรดที่ยินดีต้อนรับทุกความแตกต่างและความหลายหลาย ไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นแบบไหน ความหวัง ความภาคภูมิใจต่าง ๆ พื้นที่แห่งนี้ยินดีเสมอ ทั้งนี้และทั้งนั้นทุก ๆ ความหลากหลายจะอยู่ภายใต้ความอบอุ่น สนุก และปลอดภัยค่ะ

อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้นะคะ ว่านี่คือคอนเซปต์หลักของงานนี้เลย เรียกได้ว่าเป็นประโยคที่ชวนให้ทุกคนคิดต่อนั่นเองค่ะ

ปัจจุบันสังคมยอมรับกลุ่ม LGBTQIA+ แล้วหรือยัง ? LGBTQIA+ อาจจะได้รับการยอมรับมากขึ้นก็จริง แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด สถานการณ์ในบางประเทศยังมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่จ้องจะโจมตี LGBTQIA+ ยังคงได้รับการมองเหยียด จากการแสดงออกซึ่งความเป็นตัวตน และสังคมก็ยังคงกีดกันอยู่ ด้วยความแตกต่างในเรื่องของ
(1) รสนิยมทางเพศ (Sextual Orientation)
(2) อัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity)
(3) การแสดงออกทางเพศ (Gender expression)
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องถูกหรือเรื่องผิด สังคมก็มักจะเพ่งเล็ง และจ้องจะจับผิดมากเป็นพิเศษหากรู้ว่าบุคคลคนนั้นเป็น LGBTQIA+ 

" เพราะเป็น LGBTQIA+ จึงต้องพยายามมากเป็นพิเศษเพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับ  " ประโยคสุดคลาสสิกที่อยู่คู่กับสังคมมาอย่างยาวนาน ทำไม LGBTQIA+ ถึงต้องพยายามมากเป็นพิเศษ ถ้าไม่ประสบความสำเร็จไม่ได้มีชื่อเสียงจะยังคงได้รับการยอมรับหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ได้รับความเท่าเทียมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งล่ะ อาจจะต้องเท้าความกันสักเล็กน้อยก่อนค่ะว่าสังคมมักจะมีภาพจำในหัวว่า LGBTQIA+ จะต้องตลก และเป็นคนที่คอยสร้างสีสันสร้างความเอนเตอร์เทนต่าง ๆ และด้วยมายเซตแบบนี้นี่แหละที่มักจะทำให้กลุ่ม LGBTQIA+ มักจะโดนทำร้ายทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ยกตัวอย่างเช่น การกระชากวิกผม หรือการทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้เสียความมั่นใจ เป็นสิ่งที่คนทำตลกและมีเสียงหัวเราะแต่คนที่โดนเขาไม่ได้ตลกด้วยเลยนะ เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยค่ะ รวมถึงประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ก็มักจะถูกตีแผ่ออกมาจากละคร สื่อ ภาพยนตร์ต่าง ๆ และนี่ก็คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มายเซตเหล่านี้ยังคงอยู่

ข้อความข้างต้นมีการพูดถึงเกี่ยวกับวงการสื่อนิด ๆ ใช่ไหมคะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอต่อประเด็นนี้กันเลยนะคะ ปัจจุบันคงไม่มีใครรู้จัก " ซีรีส์วาย " กันใช่ไหมคะ อย่างซีรีส์วายของไทยเองก็มีความโด่งดังมีชื่อเสียงไปไกล ถึงต่างประเทศกันเลยทีเดียว หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนสังคม แต่ในอีกมุมหนึ่งสังคมก็มองว่าก็ยังไม่ใช่การขับเคลื่อนสังคมที่ดี เพราะสังคมในปัจจุบันก็ยังคงกีดกัน LGBTQIA+ อยู่ ยังไม่ได้รับการยอมรับแบบจริง ๆ แม้ว่าสังคมจะเปิดกว้างมากกว่าเมื่อก่อนแล้วก็ตาม ด้วยบทที่มีความวนลูป และไม่ได้สร้างความเข้าใจเรื่องความหลากหลายที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปในเชิงของการขายจิ้นขายฟินกัน เป็นการนำอัตลักษณ์ทางเพศมาใช้เป็นวัตถุประสงค์ทางการตลาดมากกว่า แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีซีรีส์วายที่ไม่ดีเลยนะคะ เพียงแต่ว่าซีรีส์บทดี ๆ เหล่านั้นไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรจะเป็นเท่านั้นเองค่ะ

LGBTQIA+ อยู่ในฐานะมนุษย์เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ได้รับสิทธิที่เท่าเทียมในฐานะที่เป็นประชากรในสังคม !? เพราะอะไรสิทธิของ LGBTQIA+ ถึงมีความสำคัญ เพราะสิทธิถือว่าเป็นสิ่งที่สื่อถึงความเท่าเทียมอย่างหนึ่ง เป็นความรู้สึกภูมิใจในตัวตนและคนที่รัก การช่วยเหลือดูแลคู่ชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ที่อยู่อาศัย การศึกษา สวัสดิการของรัฐ อย่างในเรื่องของ " การสมรสเท่าเทียม " เป็นสิ่งที่กลุ่ม LGBTQIA+ ต้องพยายามพลักดันและขับเคลื่อน ๆ ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นสิทธิพื้นฐานที่ควรจะได้รับมาตั้งนานแล้วเช่นกัน

สิทธิในที่นี้ยังรวมถึง " เสรีภาพในการแสดงออกอย่างอิสระ " ปัจจุบัน LGBTQIA+ ยังคงถูกครอบงำด้วย "คำนำหน้าชื่อ" ซึ่งเป็นรูปแบบของเพศที่สังคมกำหนดบทบาทไว้ให้ ซึ่งถ้ามองจริง ๆ แล้วคำว่าเพศมีความหลากหลายมากกว่านั้น คนในสังคมความจะมีอิสระในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ดังนั้นคำนำหน้าชื่อก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมีเลยด้วย ถัดมาในส่วนของเครื่องแบบ แม้ว่าแฟชั่นจะก้าวหน้าไปไกลมากจนมีแพทเทิร์นที่เรียกว่าเป็น Genderless fashion เพราะถ้ามองกันตามความเป็นจริงธรรมชาติของเสื้อผ้าไม่มีเพศอยู่แล้ว เพียงแค่ต้องตัดให้ใส่ได้พอดีเข้ากับรูปร่างแค่นั้น จะดีกว่าไหมถ้าทุกคนได้เลือกใส่เครื่องแบบที่ตรงกับเพศสภาพของตัวเอง จริง ๆ ในปัจจุบันบางสถานศึกษาเขาก็ให้สิทธิในการแต่งกายตามเพศสภาพแล้วด้วยนะคะ นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ถึงแก่เวลาแล้วค่ะที่ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ควรจะพลักดันให้เป็น Normalize ในสังคมแล้วเสียที
 

ต่อมาในประเด็นเรื่อง " เพศ " ปัจจุบัน LGBTQIA+ จำเป็นที่จะต้องออกมา come out อยู่หรือเปล่า ส่วนตัวของผู้เขียนเองถ้าให้ตอบคำถามในประเด็นนี้มองว่า อาจจะไม่จำเป็นเสมอไปถ้ามองว่า LGBTQIA+ ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเมือนกัน เป็นมนุษย์ที่ยังคงใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีความสุข ไม่จำเป็นต้องนั่งบอกทุกคนว่าเราเป็นเพศอะไร และไม่จำเป็นต้องให้ใครไปช่วยบอกว่าเราเป็นเพศอะไรด้วยเหมือนกัน เพราะว่านี่คือตัวเรา และไม่ว่าเราจะเป็นเพศอะไร เรามีสิทธิที่จะเลือกเอง และมีสิทธิที่จะเลือกเป็นตัวเองด้วยค่ะ และนี่ก็คือนิยามของคำว่า Beyond Gender ในมุมมองของผู้เขียนเอง ที่ชวนทุกคนมารีแคปสั้น ๆ ก่อนจะพาไปเก็บตกบรรยากาศในงานกัน แล้วนิยาม Beyond Gender ของทุกคนล่ะคะ คิดว่ายังไงกันบ้าง

สำหรับขบวนพาเหรดในปีนี้จะแบ่งออกเป็นธีมทั้งหมด 6 ธีมด้วยกันค่ะ ได้แก่
ขบวนที่ 1 ขบวนสีม่วง มาในธีมที่มีชื่อว่า Gender X เพศเรา เราเลือกเอง
ขบวนที่ 2 ขบวนสีน้ำเงิน My body My Choice ร่างกายของเราสิทธิของเรา
ขบวนที่ 3 ขบวนสีเขียว มาในธีม Chosen Family
ขบวนที่ 4 ขบวนสีเหลือง Peace & Earth รักษ์โลก รักสันติภาพ
ขบวนที่ 5 ขบวนสีส้ม Equal Rights to Health ทุกเพศเข้าถึงบริการทางการแพทย์เท่าเทียม
ขบวนที่ 6 ขบวนสีแดง เป็นขบวนสุดท้าย มาในธีมที่มีชื่อว่า Security ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต

จะบอกว่าแต่ละขบวนคือดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการนำเสนอ รูปแบบของงานศิลป์ การแสดงในขบวนต่าง ๆ เชื่อว่าพลังขับเคลื่อนนี้จะส่งไปยังทุกคนให้เกิดความ awareness เข้าใจเรื่องความแตกต่างและความหลากหลายมากขึ้นแน่นอนค่ะ ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว เรามารับชมภาพบรรยากาศกันเลยค่ะ