ความรักไม่จำกัดเพศ ร่วมทำลายกำแพงเพราะทุกความรักเท่าเทียมกันไม่แบ่งแยก

" เท่าเทียมไม่จำกัดเพศ " พูดถึงความรักในปัจจุบันที่ตอนนี้นั้นไม่ได้มีจำกัดแค่ความรักระหว่างชาย-หญิง เพราะตอนนี้นั้นทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามความเปลี่ยนแปลงของโลก ความรักที่ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าคุณนั้นเป็นเพศอะไร เพราะยังไงสุดท้ายก็รักกันได้ แม้ว่าในตอนนี้ยังคงมีบางประเทศที่ยังไม่ open ในเรื่องนี้ แต่แล้วยังไงใครแคร์เพราะประเทศไทยเราเรียกได้ว่า open มากขึ้นจริงๆ จะเห็นได้จากในหลายๆ คู่ก็ออกมาเปิดเผย หรือการส่งเสริมผ่านหนังหรือซีรีส์ของไทยที่เห็นได้ตามช่องน้อยใหญ่ในทีวีมากมาย ฉะนั้น ' กล้าที่จะรักเพราะ ความรักไม่จำกัดเพศ ทุกอย่างล้วนมีความเท่าเทียม ' นั่นเอง

•´¨`*:•. •.★*... ...*★.• *★ .•°•.°´¯

โดยทั่วไปในโลกของเรามีการแบ่งเพศออกมาเป็น 2 เพศตามลักษณะของร่างกาย คือเพศหญิง และเพศชาย ทำให้สิ่งนี้กลายมาเป็นกำแพงที่กำหนดบรรทัดฐานขึ้นมาทุกอย่างบนโลกไม่ซึ่งแม้แต่ความรัก เพราะความรักที่ทุกคนเข้าใจว่าเพศหญิงกับเพศชายต้องคู่กันเท่านั้น แต่แล้วสิ่งนี้ใครเป็นคนกำหนดมันขึ้นมา เพราะความรักเป็นรูปแบบการมอบความรู้สึกดีๆ ให้กัน ความรู้สึกที่อย่างทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีความสุข แล้วความรู้สึกจำเป็นที่ต้องแบ่งเพศหรือเปล่า? แม้ว่าในปัจจุบันความรักนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงมากไปจากอดีตและเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น แต่ทุกคนก็ย่อมมีคำจำกัดความในเรื่องความรักนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบเพศเดียวกัน หรือความรักปกติ 

" ความรักแบบไหนล่ะถึงจะถูก "

ความรักไม่มีผิดและไม่มีถูก เพราะความรักเป็นสิ่งสวยงามที่คนสองคนสร้างมันขึ้นมาในแบบของตัวเอง ความรักเกิดจากความรู้สึกที่ไร้พรมแดนไม่แม้แต่เพศต้องมากำหนด แต่การที่คนไม่ยอมรับในเรื่องความหลากหลายทางเพศที่มีมา จึงกลายเป็นว่ากลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศต้องออกมาดิ้นรน ต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของตนเองที่ถูกลิดรอนไป ทำให้ต้องกลายเป็นว่าต้องพิสูจน์ทุกอย่าง ทั้งที่คู่ชายหญิงไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งนี้เลย สุดท้ายคำว่า " เพศ " ก็ยังคงมาทำให้รู้สึกแย่ 

ปัจจุบันโลกของเราก็ได้มีการพัฒนาและเปิดกว้างรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามา ทั้งเรื่องของเทคโนโลยีหรือวัฒนธรรมของแต่ละชาติ ยังรวมไปถึงการเปิดรับเรื่องความหลากหลายทางเพศ เพราะความรักที่เริ่มมามีหลากหลายรูปแบบเริ่มเป็นที่เข้าใจและยอมรับในคนหมู่มาก โดยการแสดงความรักและจุดยืนนี้นั้นก็ได้มีการแพร่กระจายให้ได้รับรู้ผ่านการส่งเสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมด้านหนังหรือซีรีย์ รวมไปถึงโซเชี่ยลมีเดียที่เปิดกว้างด้านความคิด ทำให้กลายมาเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ ในปัจจุบัน

------------------------------------------------

ฉะนั้นแล้วความรักเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าอิสระ ไม่มีคำจำกัดแม้จะเป็นเพศไหนก็ตาม และความรักยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่สามารถพูดถึงได้ว่าอนาคตนั้นทุกคนจะต้องออกมาเหมือนกัน เพราะบางคนคิดว่าการมีความรักเมื่อถึงจุดหนึ่งต้องแต่งงานมีลูกหรือเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ตอนนี้นั้นความรักเหมือนเป็นการเปรียบเปรยการให้ความสุขซึ่งกันและกันในแต่ละวันก็เพียงพอ เพราะบางคนไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งงานกันเพียงเท่านั้น แค่มีสถานะที่เรียกได้ว่ามั่นใจและสามารถใช้ชีวิตด้วยกันนั่นเอง

•´¨`*:•. •.★*... ...*★.• *★ .•°•.°´¯

เมื่อนึกถึงเดือนมิถุนาคมนอกจากเป็นช่วงฤดูฝนแล้วก็ยังเป็นเดือนที่เติมเต็มไปด้วยสีสันของสีรุ้งที่เกิดขึ้นมาจากความหลากหลายทางเพศ เป็นช่วงเดือนที่แสดงออกถึงความภาคภูมิใจในเชิงสัญลักษณ์ของตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ซึ่งก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ทุกคนได้แสดงออกมาสิ่งที่ต้องแลกและความพยายามเป็นที่ยอมรับนั้นแสนยากลำบาก ทั้งจากการโดนดูถูก โดนกดขี่ การเลือกปฎิบัติของสังคมที่แสดงออกมา รวมไปถึงบางครั้งพวกเขาต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงเพื่ออาชีพการงานที่พวกเขาต้องแบกรับผิดชอบ โดยกิจกรรมของ " Pride Month Pride Festival " นั้นเป็นกิจกรรมที่เน้นการขับเคลื่อนในสังคม การแต่งกายที่ไร้เพศจำกัด การเดินขบวนที่แต่งแต้มไปด้วยสีสันที่หลากหลาย และกิจกรรมทางศิลปะ เพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจและเฉลิมฉลองปิติยินดีที่ได้รับ

------------------------------------------------------

เป็นวันที่เกิดขึ้นจากการรำลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่ 28 มิถุนายน ปี 1969 ที่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าบุกในสโตรวอลล์อินน์ ซึ่งเป็นบาร์เกย์ในมหานครนิวยอร์ก ทำให้คนในเหตุการณ์นั่นเกิดความเครียดและโกลาหล จึงทำให้ส่งผลต่อผู้คนในวันนั้นที่ต้องมีการปิดบังตัวตนที่แท้จริงเพื่อสังคมที่ยังไม่ยอมรับมากนัก ทำให้ในปัจจุบันกลายเป็นวันที่สำคัญที่ผู้คนที่มีความหลากหลายทางเพศออกมายืนยันและเรียกร้องสิทธิเท่าเทียมทางเพศ เพื่อกระตุ้นการรับรู้ตัวตนของตัวเองมากขึ้น และในทุกเดือนของเดือนมิถุนาคม จึงมีการเดินขบวนเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ทั่วโลกและในสหรัฐอเมริกาจึงยึดมั่นในการเดินขบวนนั่นเอง

แท้จริงแล้วคำจำกัดเพศนั้นไม่ควรที่จะนำมาเรียกเพื่อเรียกเฉพาะคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น หรือเรียกเพื่อให้รู้สึกแปลกแยก แต่ในทางกลับการที่สังคมกำหนดเพศขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของความหลากหลายและเป็นชื่อเรียกเพื่อแสดงจุดยืนให้กับผู้คนและเพื่อแสดงความเข้าใจตรงกัน ดังนั้นการที่เรียก " LGBTQIA+ " ก็ย่อมาจากความหลากหลายและรอบรวมมาไว้ เช่น

❤ L ย่อมาจาก Lesbian ที่หมายถึง ความรักแบบหญิงกับหญิง
❤ G ย่อมาจาก Gay ที่หมายถึง ความรักชายกับชาย
❤ B ย่อมาจาก Bisexual ที่หมายถึง สามารถรักได้ไม่ว่าจะชายหรือหญิง
❤ T ย่อมาจาก Transgender ที่หมายถึง บุคคลข้ามเพศ
❤ Q ย่อมาจาก Queer ที่หมายถึง การไม่จำกัดในเรื่องเพศและความรักทุกแบบ
❤ I ย่อมาจาก Intersex ที่หมายถึง ภาวะเพศกำกวม
❤ A ย่อมาจาก Asexual ที่หมายถึง กลุ่มคนที่ไม่รู้สึกดึงดูดทางเพศกับผู้อื่น/รู้สึกเล็กน้อย

" สีรุ้งที่เป็นการแสดงในเรื่องของความหลากหลาย "

ธงสีรุ้งได้นำมาเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสวยงามที่ไม่จำกัด โดยออกแบบมาจาก " กิลเบิร์ต เบเคอร์ " นักสังคมเคลื่อนไหว เพื่อนำมาเป็นสัญลักษณ์ของความเฉลิมฉลองและภาคภูมิใจที่ได้แสดงตัวตนและเพื่อแสดงถึงผู้คนที่มีความหลากหลายทางเพศในปี 1978 เป็นต้นมา

" สีรุ้งสีแห่งความหมาย "

► สีแดง หมายถึง ชีวิต
► สีส้ม หมายถึง การเยียวยา
► สีเหลือง หมายถึง พระอาทิตย์
► สีเขียว หมายถึง ธรรมชาติ
► สีฟ้า,สีคราม หมายถึง ศิลปะและการผสมผสานกลมกลืน
► สีม่วง หมายถึง จิตวิญญาณของ LGBTQ