Lucky girl syndrome กับความเชื่อที่เสกตัวเองให้ทำอะไรก็โชคดีไปหมด

ฮัลโหลลลลค่าาซิส มีใครเคยได้ยินคำว่า Lucky girl syndrome กันไหมเอ่ยยยย มันคืออะไร สภาะของสาว ๆ โชคดีเหรอ ? “ ฉันช่างโชคดี ทุก ๆ อย่างก็เป็นใจให้ไปซะหมด ” เป็นคำที่จะได้ยินสาว ๆ ที่ทำ manifestation อาจจะเคยพูดกันบ่อย  Lucky girl syndrome คือชุดเซทความคิดที่ว่า ทุก ๆ อย่างนั้นเอื้อให้ฉัน ให้ฉันสวย ให้ฉันรวย ให้ฉันประสบความสำเร็จ ! เป็นอีกหนึ่งซับเซ็ทย่อจากทฤษฎีแรงดึงดูด หรือจะเหมือนการ คิดดี พูดดี ทำดี ก็ว่าได้ เมื่อสมองเราโฟกัสไปเพียงแต่สิ่งดี ๆ ชีวิตนี้ก็จะเต็มไปด้วยสิ่งดี ๆ จริงเหรออ !!???

ก่อนที่จะโยงไปถึง Lucky girl syndrome นั้น เราจะพูดถึงทฤษฎีความเชื่อกันก่อน ( The law of assumption ) นั่นคือ การมีความเชื่อว่าสิ่งที่เราต้องการที่จะมีหรือจะเป็นในชีวิตนี้ อะไรก็ได้เลย ได้มีบ้านหลังใหญ่ มีเงินหลายล้านในบัญชี ได้เป็นดารา หรือนางแบบ อะไรเหล่านั้นได้เกิดขึ้นจริงแล้ว และในอนาคตเราจะมีมันอย่างแน่นอนหรือหมายถึงการที่เราเห็นภาพและรู้สึกถึงมันจริง ๆ

ทุกคนเคยเจอคนที่คิดลบกันไหม คนที่ในหัวเขาคิดแค่ว่าวันนี้จะต้องเจอเรื่องที่แย่แน่เลย การประชุมงานนี้จะต้องมีปัญหาเข้ามา มันจะไม่เรียบง่ายแน่ ๆ จะต้องมีอะไรสักอย่างมาขัดขวางแน่นอน ทำให้ชีวิตเขาเหล่านั้นเต็มไปด้วยเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้น เพราะว่าสมองเขานั้นโฟกัสแต่เรื่องไม่ดี ในทางกลับกัน กับคนที่คิดบวก ชีวิตเขากลับมีแต่เรื่องดี ๆ เพราะเขาคิดแล้วว่าวันนี้จะต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน จะไม่มีอุปสรรคใด ๆ เข้ามาขัดขวาง วันนี้จะต้องเป็นวันที่ดีอีกวันนึงแน่ ๆ !! เราก็จะเห็นว่าชีวิตเขาเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นไปหมด

และเช่นเดียวกับทฤษฎี Lucky girl syndrome สาว ๆ เหล่านี้มักจะมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นเพราะเขาคิดว่ามันจะต้องดีแน่นอน ทำให้สมองพวกเขาจะโฟกัสแต่เรื่องดี ๆ

ในสมองเรานั้นจะมีส่วนนึงที่เรียกว่า Reticular Activating Systems ( RAS ) และหน้าที่ของมันคือการดึงข้อมูลต่าง ๆ มาที่สมองของเรา ประมาณ 11 ล้านชุดข้อมูลในทุก ๆ วินาที และเราจะกรองหรือรับรู้ข้อมูลได้จริง ๆ เพียง 26 ชุดข้อมูลเท่านั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าได้มีข้อมูลจำนวนมากถูกกรองออกไป ซึ่งสมองส่วน RAS นี้ก็มีหน้าที่ในการโฟกัสกับชุดข้อมูลที่เราสนใจ ซึ่งถ้าหากเราบอกกับตัวเองว่า วันนี้จะเป็นวันที่แย่แน่เลย หรือ ชีวิตนี้ช่างเป็นชีวิตที่มีแต่อุปสรรคมากมายเต็มไปหมด ก็เหมือนการเอา filter ไปกรองชุดข้อมูลที่จะเข้ามา ทำให้เราโฟกัสเพียงแต่สิ่งแย่ ๆ สมองเราจะเริ่มมองหาแต่สิ่งแย่ ๆ ในทุกสิ่งและทุกอย่าง และในทางกลับกัน ถ้าเราเลือกที่จะบอกสมองตัวเองว่าชีวิตเรานั้นมีแต่สิ่งดี ๆ ช่างเป็นชีวิตที่อะไรก็เอื้อให้เราไปหมด สมองเราก็จะโฟกัสแต่สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และต่อให้จะมีเรื่องยากเข้ามา เราก็จะสามารถที่จะผ่านมันไปได้ เพราะเราเชื่อว่าสิ่งดี ๆ และสิ่งที่เราต้องการนั้นจะเกิดขึ้นแน่นอน และจะมีสิ่งดี ๆ เข้ามาหลังจากความยากลำบากนี้

อธิบายได้ง่าย ๆ เมื่อเราอยากซื้อกระเป๋าสักใบ แล้วเราก็จะเห็นคนใช้กระเป๋าใบนั้นไปหมด หรือเวลาเราอยากย้อมผมสีส้ม เราก็จะเห็นคนย้อมผมสีส้มอยู่ทุกที่เลย

การหาประโยชน์จากทฤษฎีนี้ที่สาว ๆ หลายคนใน tiktok นำไปใช้นั่นคือการทำให้ตัวเองฮอตขึ้นนั่นเอง เคยได้ยินไหมว่าคนอื่นจะปฏิบัติต่อเรายังไงนั้นขึ้นอยู่กับว่าตัวเราปฎิบัติต่อตนเองอย่างไร อาจจะไม่ได้เหมือนกับเวทมนต์ขนาดที่ว่าเราจะตื่นขึ้นมาวันพรุ่งนี้แล้วเราคิดว่าฉันคือคนสวยและฮอตมากและทุกคนจะคิดแบบนั้นเลย แต่เราจะเห็นตัวย่างได้จากคนที่มั่นใจ เขาจะส่งพลังบางอย่างออกมาว่าเขาคือคนที่มั่นใจนะ และคนอื่นก็จะมองใช่ เธอคนนี้เป็นคนที่มั่นใจมาก

อาจจะเป็นไปได้ว่าการที่เราเชื่อว่าตัวเองนั้นเป็นสาวฮอต เราก็จะเริ่มทำตัวให้เป็นสาวฮอตนั่นเอง เริ่มออกกำลังกาย ดูแลหุ่นและสุขภาพ เริ่มจะพูดจาแบบคนฮอต ๆ เขาทำกัน เริ่มทำตามแบบที่เรามีภาพในอุดมคติว่า คนที่ฮอตเขาทำกันแบบนี้ แล้วสักพักเราก็จะเริ่มรู้สึกว่าคนอื่นเขามองเราฮอตนั่นเอง เหมือนกับกฎแรงดึงดูดนั่นเองค่ะ

กฎ และ Affirmation ของ Lucky girl syndrome

ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

มีเป้าหมายที่ต้องการอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน

นึกถึงมันในทุก ๆ วัน

บอกตัวเองว่าเราทำได้แน่นอน !

Affirmation หรือสิ่งที่เราต้องบอกตัวเองนั้นก็คือ

ทุกอย่างที่ฉันต้องการนั้นกำลังเข้ามาหาฉัน

ทุกเป้าหมายของฉันนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ฉันทำให้มันเกิดขึ้นได้แน่นอน

ทุกอย่างที่จะเกิดนั้นเอื้อให้ความฝันเหล่านี้เป็นจริงแน่นอน

ฉันนั้นเป็นที่รักและชื่นชอบอยู่เสมอ

ฉันคือคนที่โชคดีเป็นอย่างที่สุด !!!!

ถึงแม้ชีวิตนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องที่คาดไม่ถึง และความผิดหวังก็เป็นเพียงแค่สภาวะนึงก็ตาม ในทฤษฎีของ Lucky girl syndrome แล้วนั้น มีความเชื่อที่ว่า “ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพื่อฉัน และเหล่านั้นก็มีแต่สิ่งดี ๆ ฉันช่างโชคดีมาก และถึงจะมีเรื่องที่ผิดหวังเกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งดี ๆ ก็จะตามมาแน่นอน”

เห็นได้ชัดว่ามันคือการที่เรามองแต่สิ่งดี ๆ โฟกัสว่าสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้น และไม่ไปให้ค่ากับความเจ็บปวดกับความผิดหวังมากนัก ยืดอกไว้ สิ่งดี ๆ ต้องเข้ามาแน่นอน !

เหมือนกับคำพูดที่ว่า “ ชีวิตนี้ก็มีดีมีร้ายที่หมุนเวียนมาเหมือนคลื่น แล้วสักวัน วันที่ดีก็จะพัดเข้ามาถึงอีกเช่นเคย ”

และเราก็ได้รวมเอาคลิปที่อธิบายทฤษฎีนี้มาฝากกันค่ะ