อาหารเสริมบำรุงผม แก้ผมขาดร่วง
Articles hair
ผม

7 อาหารเสริมกูู้อาการ `ผมร่วง‘ เป็นกำ ทำใจไม่ได้

อาหารเสริมบำรุงแก้ผมร่วงต้องมา เพราะผมขาดหลุดร่วงเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งของผู้หญิง ยิ่งถ้าผ่านการทำเคมีมาเยอะ ยิ่งควรเติมอาหารเข้าเส้นผมโดยด่วน!


» » - - - » - - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • หยุด! 8 พฤติกรรมทำร้ายผม ไม่งั้นผมร่วงทั้งหัวแน่นอน

    • 1.สระผมด้วย ‘น้ำร้อน’ ทุกวัน ทุกครั้ง

    • 2.ไดร์เป่าผมด้วย ‘ความร้อนสูงสุด’ จนผมแทบจะไหม้

    • 3.หวีผม ‘ตั้งแต่ช่วงโคน’ กลัวรากผมไม่เรียบ!

    • 4.ใช้ยางรัดผมผิวแหลมๆ เสียดสีผม / มัดแน่นจนผมหายใจไม่ออก

    • 5.ใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมใดๆ ที่ผสม ‘แอลกอฮอล์’ เยอะๆ

    • 6.แปรงผมตอน ‘ผมเปียก’ เช่น หลังสระเสร็จใหม่ๆ

    • 7.นอนหลับไปทั้งๆ ที่ ‘ผมยังชุ่มน้ำอยู่’

    • 8.ใช้ดรายแชมพู / แป้งเด็ก โรยผม ‘หนักมือ’ เกินไป

    • 7 อาหารเสริมบำรุงผม ช่วยลดผมร่วง

    • 1.อาหารเสริมบำรุงผม Biotin Zinc คณะเภสัช จุฬาฯ

    • 2.Blackmores Biotin H+

    • 3. อาหารเสริมบำรุงผม Mega We Care Regenez ลดผมร่วง

    • 4. 21st Century Biotin 10,000 mcg

    • 5. Nature's Bounty Extra Strength Hair, Skin and Nails Gummies

    • 6. อาหารเสริมบำรุงผม DHC Biotin ลดผมร่วง

    • 7. อาหารเสริมบำรุงผม Nature's Bounty Biotin 1,000 mcg ลดผมร่วง

    รวมอาหารเสริมบำรุงผม แก้ผมร่วง

    ฮัลโหลลล☻ ชาวซิสทั้งหลาย ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง กำลังเจอกับปัญหานี้กันอยู่ชัวร์ ๆ ผมร่วง ผมบาง เปราะขาดง่าย รากผมไม่แข็งแรง ยิ่งสาว ๆ ที่ชอบดัด กัด ยืด ย้อม ชอบทำเคมีกับผม มารวมตัวกันทางนี้ด่วน ๆ ค่าา

    แค่บำรุงภายนอกไม่พอ ต้องบำรุงจากภายในด้วย วันนี้ซิสได้ยก ' 7 อาหารเสริมสำหรับเส้นผม ' มาไว้ในบทความนี้แล้ว เพราะผมเราก็ต้องการอาหารเหมือนกัน หากขาดไปหรือได้รับไม่เพียงพอ อาจเป็นสาเหตุของปัญหาผมที่กล่าวไปข้างต้นนั่นเอง ซึ่งสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงเส้นผมก็คือ ไบโอติน เนื่องจากมีส่วนในการเสริมสร้างโครงสร้างของเคราตินให้แข็งแรง นอกจากจะมีผลต่อเส้นผมของเราแล้ว ยังทำให้เล็บ และผิวหนังสุขภาพดีอีกด้วย


    หยุด! 8 พฤติกรรมทำร้ายผม ไม่งั้นผมร่วงทั้งหัวแน่นอน

    ก่อนจะไปดูลิสต์อาหารเสริมบำรุงผมที่น่าสนใจ เรามาดูสาเหตุที่ผมคนเราจะไม่แข็งแรงกันก่อน ซึ่งมีหลายสาเหตุ เช่น อาจไดร์ผมแรงไป ทำสีผมบ่อยไป ผมสูญเสียความชุ่มชื้น เครียด หรือที่แก้ยากสุดคือ พันธุกรรมผมบางมาตั้งแต่เกิด ฮืออ

    1.สระผมด้วย ‘น้ำร้อน’ ทุกวัน ทุกครั้ง

    ผู้หญิง หรือแม้แต่ผู้ชาย หลายคนชอบอาบน้ำอุ่น ไปถึงขั้นร้อน เพราะคิดไปเองว่าความร้อน น่าจะชำระล้างสิ่งสกปรกได้ดีกว่า อาบแล้วสบายตัวกว่า แต่ความจริงก็คือ ถ้าสระผมด้วยน้ำอุ่นทุกครั้ง เป็นเวลาต่อเนื่องนานๆ สุขภาพผมจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ อย่างมีนัยสำคัญ อารมณ์รดน้ำร้อนลงบนต้นไม้นั่นแหละ นานวันไปใบก็จะเริ่มแห้ง และเฉาตายในที่สุด เส้นผมบนหัวก็เช่นกันค่ะ!

    เส้นผมและหนังศีรษะเป็นอวัยวะที่บอบบาง ไม่ควรให้ความร้อนตรงๆ มาโดนที่หัวโดยเด็ดขาด นอกจากผมจะอ่อนแอแล้ว ยังไปล้างน้ำมันตามธรรมชาติออกมาด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของหนังศีรษะแห้ง ตกสะเก็ดจนเกิดรังแค เกล็ดผมเปราะบาง ใครติดน้ำอุ่น ลองเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องแทน จะช่วยล็อกเกล็ดผมให้หนังศีรษะชุ่มชื้น เส้นผมสุขภาพดีกว่า สระน้ำเย็นสัก 1 เดือน แม้จะไม่สังเกตเห็นชัดมาก แต่ผมจะมีความเงางามขึ้น

    2.ไดร์เป่าผมด้วย ‘ความร้อนสูงสุด’ จนผมแทบจะไหม้

    สำหรับสาวๆ บางคน สระผมเสร็จแล้วก็อยากให้แห้งไวๆ กลัวรอนาน ปรับไปเลย ‘ร้อนสูงสุด’ เป่าทีหัวแทบไหม้ แล้วมาถามว่าทำไมผมแห้ง ผมแตกปลาย ก็ความร้อนนี่แหละตัวดี!! ไม่ต่างกับสระผมด้วยน้ำอุ่นเลยค่ะซิส

    ถ้าอยากถนอมผม ครั้งต่อไปเวลาเป่าผม ให้ใช้ความร้อน ‘ระดับต่ำสุด’ เน้นให้ลมเป่าออกมาจากไดร์ แต่ไม่ต้องร้อนมาก เอาอุ่นๆ หรือเป็นลมเย็นได้ยิ่งดี และอย่าจ่อจนเส้นผมจะดูดเข้าไปในไดร์ ถือให้ห่างหัวหน่อย สัก 30 ซม. เท่าระยะห่างเวลาใช้สเปรย์ฉีดผมกำลังดี มันอาจแห้งช้ากว่าใช้ลมร้อน แต่ผมจะแห้งแบบเงางาม ไม่แตกปลาย เวลาที่เพิ่มมานิดหน่อย ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอนค่ะ


    3.หวีผม ‘ตั้งแต่ช่วงโคน’ กลัวรากผมไม่เรียบ!

    สาวๆ อ่านข้อนี้อาจขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เอ้า มันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเหรอ เขาก็ทำกันมาตั้งแต่เด็กทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? ต้องเสียใจด้วยที่จะบอกว่า การหวีผม ‘ตั้งแต่ช่วงโคน’ เป็นเรื่องที่ผิด! ถ้าอยากมีสุขภาพผมที่ดี การเอาแปรงไปรบกวนช่วงรากผม จะทำให้ผมยิ่งเป็นสังกะตังและแตกปลายยิ่งกว่าเดิม!

    อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ช่างทำผมหลายคนแนะนำเราว่า ให้หวีจากปลายผม ไปถึงโคนผมแทน ผมจะเรียบลื่นขึ้นจนน่าตกใจ!! ถ้าไม่เชื่อก็ลองทำดูได้เลยค่า ไม่หวงทริค

    4.ใช้ยางรัดผมผิวแหลมๆ เสียดสีผม / มัดแน่นจนผมหายใจไม่ออก

    นอกจากการสระผม แปรงผม การใช้ ‘ยางรัดผม’ ก็สำคัญมากๆ ถ้าอยากผมสวยนะคะซิส! รู้ไหมว่า การรัดผมหางม้าแน่นเกินไปเนี่ย นอกจากจะปวดหัว เสี่ยงเป็นไมเกรนแล้ว ยังเร่งให้ผมแตกปลาย ขาดออกมาเป็นกระจุกได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ยิ่งถ้ายางนั้นทำมาจากวัสดุแข็งๆ ตะปุ่มตะป่ำ เป็นหนามๆ ก็ยิ่งทิ่มแทงเส้นผม ให้ผมขาดง่ายขึ้นไปอีก!

    เราแนะนำให้ใช้ยางรัดผมที่ทำจากวัสดุนิ่มๆ เช่น ยาง หรือวัสดุจำพวกผ้า ผ้าไหม ผ้าซาติน เหล่านี้จะไม่ทำให้เส้นผมเข้าไปติด ไปพันกันจนเป็นสังกะตัง จึงทำให้เมื่อคลายยางรัดผมออก เส้นผมก็กลับมาเรียบลื่น ไม่มีรอยยางกวนใจด้วยค่ะ ^^


    5.ใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมใดๆ ที่ผสม ‘แอลกอฮอล์’ เยอะๆ

    เคยสงสัยไหมว่า คนที่มีอาชีพ หรือมีงานอะไรที่ต้องทำผมบ่อย ต้องใช้สเปรย์ ใช้เจลแต่งผมทุกวัน ในวันธรรมดาที่ปล่อยผมปกติ ผมจะดูแห้ง ๆ กรัง ๆ เหมือนรังนกแทบทุกคน? นั่นเพราะ ผลิตภัณฑ์แต่งผมพวกนั้น ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของ ‘ แอลกอฮอลล์ ‘ สูงมาก ซึ่งเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง ผมจะค่อยๆ ถูกกัดกร่อนจนแห้ง จนในที่สุดก็กรอบ และขาด หลุดร่วงจากหนังศีรษะในที่สุดค่ะ

    ดังนั้นในฐานะคนทั่วไป ถ้าใช้เจล ใช้สเปรย์แต่งผมไม่บ่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้บ่อย ก็พยายามหายี่ห้อที่ใส่แอลกอฮอลล์น้อย หรือไม่ฉีดเยอะมากจนเกินไป หลังกลับบ้านก็ควรสระผมล้างน้ำยาเหล่านั้นออกทันทีนะคะ ผมจะได้ไม่พัง


    6.แปรงผมตอน ‘ผมเปียก’ เช่น หลังสระเสร็จใหม่ๆ

    ผู้หญิงเกือบทุกคน ต้องเคยหวีผมหลังสระเสร็จทันที เพราะอยู่กับความเชื่อที่ว่า ถ้าไม่หวีผมตอนผมเปียก ผมจะพันกันซึ่งก็จริงส่วนหนึ่ง แต่เทียบกับผลเสียแล้วอาจรุนแรงกว่ามาก เพราะคนส่วนใหญ่จะหวีแบบกระชาก ให้จบ ๆ ไป ซึ่งทำให้เส้นผมเปียก ๆ ที่อ่อนแออยู่แล้ว ขาด เปราะบางได้ง่ายขึ้น 

    ทริคที่แนะนำคือ ให้หวีผมด้วยแปรง หรือหวีซี่กว้างๆ ที่ทำด้วยไม้ ‘ก่อน ‘ สระผมจะดีกว่า 
    เพราะการแปรงผมเปียกไม่เป็นผลดีแต่อย่างใด ยิ่งทำให้เกล็ดผมเปิด จนผมขาด แห้งเสียอย่างรุนแรง หรือถ้าอยากหวีผมจริงๆ ก็รอจนกว่าผมจะแห้งประมาณ 80% แล้วค่อยหวีนะคะ ^^


    7.นอนหลับไปทั้งๆ ที่ ‘ผมยังชุ่มน้ำอยู่’

    ยิ่งในสถานการณ์ที่ไม่มีไดร์เป่า และต้องรีบนอนแต่หัวค่ำ, ไปต่างจังหวัด ต่างประเทศ พักโรงแรมที่ไม่มีไดร์บริการ บางทีเราๆ ก็เผลอหลับไปทั้งที่ผมยังชุ่มน้ำ หรือยังหมาดๆ หลังสระผมเสร็จอยู่เลย แต่จริงๆ ไม่ใช่เรื่องควรทำเป็นอย่างยิ่ง มีแต่ผลเสีย! ทั้งผมแห้งเสีย เปราะ เป็นสังกะตัง ผมเป็นเชื้อรา แถมส่งผลต่อสุขภาพ เสี่ยงเป็นไข้หวัดในวันรุ่งขึ้นได้อีกด้วย

    ดังนั้นอย่านอน เอาผมเปียกๆ ทับหมอนเป็นอันขาด ถ้าต้องรีบนอนไว ก็ควรเผื่อเวลาสระผมตั้งแต่ช่วงเย็นๆ หรือพกไดร์ใส่กระเป๋าไปด้วย หรือเก็บไว้สระวันรุ่งขึ้น และถ้าอยากตื่นมาผมสวย ไม่พันกัน มีทริคจากช่างทำผมว่า ให้ถักผมเปียเดี่ยวง่ายๆ นอน และใช้ปลอกหมอนผ้าซาตินนิ่มๆ ตื่นมาผมสวยไร้รอยแน่นอนจ้า


    8.ใช้ดรายแชมพู / แป้งเด็ก โรยผม ‘หนักมือ’ เกินไป

    ข้อนี้ก็จะคล้ายๆ ใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมมากเกินไป แต่อาจลืมนึกถึง เพราะใช้จนเคยชินในทุก ๆ วัน ยิ่งใครขี้เกียจสระผมต้องเคยทำ 1 ใน 2 อย่างนี้แน่นอน ไม่แป้งเด็กก็ดรายแชมพู ให้ผมแห้งเรียงเส้น มีวอลลุ่ม ไม่มันแผล็บก่อนออกจากบ้าน ที่จริงถ้าใช้พอดี ๆ ก็ไม่ผิดอะไรหรอก แต่บางคนเล่นไม่ยอมสระผมเลย ฉีดซ้ำ ๆ โรยแป้งซ้ำ ๆ ทุกวัน ผมจะยิ่งพังกว่าเดิมนะคะซิส!

    โรย
    ผงแป้งชั้นเดียวมันจะดูดซับความมัน แต่ถ้า 2-3 ชั้นขึ้นไป มันจะกองรวมกันเป็นก้อนๆ ดูดน้ำมัน สิ่งสกปรกแล้วก็คาไว้ที่หนังศีรษะอย่างนั้น
    ส่วนดรายแชมพู ทำให้ผมแห้งก็จริง แต่พวกรังแค น้ำมันก็ยังอยู่แบบเดิม แถมทำให้รูขุมขนอุดตัน ผมร่วงง่ายขึ้นด้วย ทางที่ดีไม่ควรใช้เกิน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อผมสวย เงางาม ไม่มีรังแคค่ะ

    ทริคจากช่างทำผม : ถ้าอยากได้ผมแห้งเป็นธรรมชาติ อย่าฉีดสเปรย์ลงหนังศีรษะตรงๆ แต่ให้ฉีดลงหวี แล้วใช้หวี หวีไปตามเส้นผมให้ทั่วศีรษะ จะได้ผมสวยเป็นธรรมชาติมากกว่าค่า ^^


    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดผม)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe