Articles health
สุขภาพ

10 เรื่องต้องรู้ ! ก่อนใช้ยาคุมกำเนิด

สาว ๆ หลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับใช้ยาคุมกำเนิดอยู่ วันนี้จะพามาไขข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้ยาคุมกัน


» » - - - - » - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • รู้ก่อนพลาด เปิด 8 วิธี ‘คุมกำเนิด’ ได้ผลดี

    • 1.ยารับประทานคุมกำเนิด

    • 2. การฉีดยาคุมกำเนิด

    • 3.การใส่ห่วงทองแดงคุมกำเนิด

    • 4.การฝังยาคุมกำเนิด

    • 5.การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด

    • 6.การใช้ถุงยางอนามัย

    • 7.การนับวัน

    • 8.การหลั่งภายนอก

    • 10 ข้อควรรู้ก่อนใช้'ยาคุมกำเนิด'

    • 1. ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด (Birth Control Pill)

    • 2. ยาคุมกำเนิดมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง

    • 3. ยาคุมกำเนิดแบบแบ่งตามประเภทเม็ด

    • 4. การเริ่มใช้ยาคุมกำเนิดครั้งแรก

    • 5. ยาคุมกำเนิดจะต้องกินเวลาเดิมทุกวัน

    • 6. ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด

    • 7. วิธีกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง

    • 8. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

    • 9. วิธีใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

    • 10. ก่อนกินยาคุมกำเนิด

    1682043547 %e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88

    สาว ๆ อาจใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อจุดประสงค์ที่ต่างกันออกไป เช่น ใช้เพื่อปรับฮอร์โมน หรือใช้เพื่อคุมกำเนิดการตั้งครรภ์ บางคนก็ไปซื้อมาจากร้านขายยา ที่จำหน่ายโดยเภสัชกร แต่ไม่เคยศึกษาเรื่องยาคุมกำเนิดมาก่อน เพราะคิดว่าแค่รับยาจากเภสัชมากินก็พอแล้ว

    ยาคุมกำเนิดมีหลายแบบ หลายประเภทมาก ๆ ซึ่งแต่ละประเภทก็มีผลข้างเคียงกับร่างกายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล และมีวิธีการกินที่ไม่เหมือนกัน สาว ๆ อาจจะไม่รู้ว่าต้องกินยังไง เริ่มกินตอนไหนดี ตามมาอ่านพร้อมกันเลยจ้า เพราะวันนี้ซิสจะพามาดู 10 เรื่องต้องรู้ ! ก่อนใช้ยาคุมกำเนิดกันค่ะ

    รู้ก่อนพลาด เปิด 8 วิธี ‘คุมกำเนิด’ ได้ผลดี

    Photo by Janko Ferlic: https://www.pexels.com/photo/pregnant-woman-1692050/

    โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ได้แนะนำวิธีคุมกำเนิด แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1.การคุมกำเนิดแบบถาวร คือ การทำหมัน เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีบุตรเพียงพอแล้ว การคุมกำเนิดวิธีนี้มีผลดี คือ เป็นการคุมกำเนิดถาวร ปลอดภัย ไม่มีฤทธิของฮอร์โมน ไม่มีผลต่อสุขภาพหรือสมรรถภาพทางเพศ

    และ 2.การคุมกำเนิดชั่วคราว ได้แก่ การรับประทานยาคุมกำเนิด ฉีดยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงทองแดงคุมกำเนิด ฝังยาคุมกำเนิด แปะแผ่นยาคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย การนับวัน การหลั่งภายนอก เป็นต้น

    1.ยารับประทานคุมกำเนิด

    มี 3 ชนิด คือ

    – ยารับประทานคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือยารับประทานคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน

    – ยารับประทานคุมกำเนิด ชนิดแบบที่มีฮอร์โมนเดี่ยว

    – ยารับประทานคุมกำเนิด ชนิดแบบที่มีฮอร์โมนรวม ใช้กันมากที่สุด

    ยารับประทานคุมกำเนิด อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว เพราะต้องรับประทานทุกวัน จึงมีโอกาสที่จะลืมรับประทานได้ สำหรับสตรีที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม อาจไม่เหมาะ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน และมีผลให้น้ำนมน้อยลง อาจจะใช้เป็นยารับประทานคุมกำเนิด ชนิดแบบฮอร์โมนเดี่ยวแทน ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่หลังคลอด แต่ผลข้างเคียงของการลืมรับประทานยา คือ อาจมีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริบกะปรอยได้บ่อย

    ยารับประทานคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน สามารถใช้ได้ในช่วงไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ การคุมกำเนิดโดยวิธีนี้ไม่ควรใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดเป็นประจำ เพราะมีผลข้างเคียงเช่น ทำให้ระดูมาไม่สม่ำเสมอ ระดูกะปริบกะปรอยได้ถ้าใช้เป็นประจำ

    2. การฉีดยาคุมกำเนิด

    ฉีดได้ตั้งแต่ระยะหลังคลอดใหม่ ๆ แพทย์จะนัดฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อทุก 3 เดือน ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดดี เหมาะสำหรับการคุมกำเนิดระยะยาว ไม่ต้องรับประทานยาทุกวัน ราคาถูก แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น ระดูกะปริบกะปรอยในระยะแรกแต่หลังจากนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีระดู น้ำหนักขึ้น และเมื่อหยุดฉีดยา อาจจะต้องรอประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะกลับมามีระดูและมีการตกไข่ตามปกติ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะเวลาสั้นๆ

    3.การใส่ห่วงทองแดงคุมกำเนิด

    กลไกการคุมกำเนิดคือห่วงจะไปขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก แพทย์จะใส่ห่วงคุมกำเนิดเข้าไปในโพรงมดลูก แล้วเหลือสายห่วงออกมาจากปากมดลูกยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ดังนั้นจะต้องตรวจสายห่วงเป็นระยะ อายุการใช้งานของห่วงคุมกำเนิด คือ 3-5 ปีแล้วแต่ชนิดของห่วงคุมกำเนิด

    ข้อดี คือ ไม่ต้องรับประทานยาทุกวัน ไม่ต้องฉีดยาทุก 3 เดือน ไม่มีผลของฮอร์โมน ไม่มีปัญหาเรื่องระดูผิดปกติกะปริบกะปรอย ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว ไม่คลื่นไส้อาเจียน ไม่ทำให้เกิดสิวฝ้ามากขึ้น แต่ข้อเสีย คือ ต้องคอยตรวจเช็กสายห่วงอย่างสม่ำเสมอ โดยการตรวจด้วยตนเอง หรือมาตรวจตามที่แพทย์นัดหมาย

    4.การฝังยาคุมกำเนิด

    ทำได้ตั้งแต่ระยะคลอดใหม่ ๆ ไม่มีผลต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันและปริมาณน้ำนม แพทย์จะฝังหลอดยาเล็ก ๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร แบบจำนวน 1 หลอดหรือ 2 หลอด เข้าใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขนด้านใน ยาฝังคุมกำเนิดจะมีฤทธิ์คุมกำเนิด 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของยา

    ข้อดีคือสามารถคุมกำเนิดได้นาน ไม่ต้องรับประทานยาทุกวัน ไม่ถูกฉีดยา และ ไม่ต้องเช็คสายห่วงคุมกำเนิด ไม่มีโอกาสหลุดเหมือนห่วงคุมกำเนิด แต่ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ประจำเดือนกะปริบกะปรอย น้ำหนักขึ้น

    5.การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด

    แปะที่บริเวณสะโพก ท้องน้อย ต้นแขน หรือแผ่นหลังส่วนบน (แต่ไม่ควรแปะบริเวณเต้านม) โดยจะเปลี่ยนแผ่นทุกสัปดาห์เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เว้น 1 สัปดาห์ ไม่ต้องแปะแผ่นยา ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีระดู

    ข้อดีคือประสิทธิภาพการคุมกำเนิดค่อนข้างดี ไม่ต้องรับประทานยาทุกวัน ไม่ต้องถูกฉีดยา ฝังยาหรือใส่ห่วงคุมกำเนิด ผลข้างเคียงคือ บริเวณที่แปะอาจมีอาการคัน รู้สึกไม่สบายตัว กังวลว่าจะลอกหลุด คัดตึงเต้านม


    6.การใช้ถุงยางอนามัย

    การใส่ถุงยางอนามัยนอกจากคุมกำเนิดแล้วยังสามารถป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย โอกาสล้มเหลวในการคุมกำเนิดสูง เพราะวิธีการใช้ไม่ถูกต้อง คุณภาพของถุงยางไม่ดีทำให้ขาดหรือรั่วได้

    7.การนับวัน

    เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอบระดูสม่ำเสมอ โดยช่วงที่ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์ คือ ก่อน 7 หลัง 7 หมายถึง ช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ คือในช่วงก่อนมีระดู 7 วัน และหลังจากมีระดู 7 วัน (นับวันที่มีระดูวันแรกเป็นวันที่1) การคุมกำเนิดวิธีนี้มีโอกาสล้มเหลวในการคุมกำเนิดได้สูง เนื่องจากการนับวันผิดพลาด และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่รอบระดูไม่สม่ำเสมอ

    8.การหลั่งภายนอก

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดสุขภาพ)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe