ฝึกภาษาให้เวิร์ค! ด้วย 7 How to วิธีอัปเลเวลภาษาอังกฤษยังไงให้เป็น Advanced!

อัปเลเวล : Listening

เราขอเริ่มจากทักษะที่ฝึกฝนได้ง่ายที่สุดอย่างการฟัง หรือ Listening ก่อนเลย ซึ่งในบริบทของการฟังนั้นเป็นการที่เราฟังและแปลงข้อมูลที่ได้รับเข้ามาอย่างรวดเร็วในหัว การ ฟังพอดแคสต์ ดูหนัง ฟังเพลง หรือ ดูข่าวที่มีเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษบ่อย ๆ สามารถทำให้เราได้คุ้นชินกับภาษาที่กำลังฟังอยู่ไปในตัวได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่เรื่องการเรียงประโยค สำเนียง ไปจนถึงจังหวะเสียงสูงต่ำในการพูดเลย

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ท้อขอให้อย่าพึ่งยอมแพ้นะคะซิส เพราะในช่วงแรก ๆ แน่นอนว่ายังไงก็ไม่มีใครที่สามารถอ่าน เขียน หรือ พูดภาษาที่ตัวเองไม่คุ้นชินได้แน่ ๆ อยู่แล้ว แต่ทุกคนสามารถฟังและพยายามจับใจความได้แน่นอน ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้น ก็ลองเริ่มฟังบทสนทนาที่มีการใช้จริง ผ่านการฟังพอดแคสต์ในเวลาว่างก่อนได้เลย ซึ่งการที่เรา ฟังอะไรซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ วนลูปไปเรื่อย ๆ สามารถช่วยทำให้เราคุ้นชินกับคำพูดที่เขาพูดออกมาได้ดีขึ้น แบบแทบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว

อัปเลเวล : Listening และ Speaking

เชื่อว่าเพื่อน ๆ ต้องเคยได้ยินประโยคนี้จากคนต่างชาติที่ฝึกภาษาอังกฤษมาก่อนแน่นอนว่า เขา “ฝึกภาษาอังกฤษโดยการดูหนัง ฟังเพลง” ซึ่งบางคนอาจคิดว่า การดูหนังฟังเพลงจะช่วยพัฒนาสกิลภาษาอังกฤษของเราได้จริงหรอ? ซึ่งเอาจริงเราว่า การดูหนัง ฟังเพลงสามารถอัปเลเวลภาษาอังกฤษของเราได้จริง แต่วิธีที่จะทำให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ก็คือการ Shadowing นั่นเอง

สำหรับ Shadowing นั้นเป็นการที่ เราฟังและเปล่งเสียงตามคำที่เราได้ยินออกไป โดยถ้าเพื่อน ๆ รู้สึกว่าการฟังและรับข้อมูลมาเฉย ๆ มันไม่ได้ทำให้เราจำได้ดีพอ การออก action ด้วยการพูดออกไป สามารถทำให้สมองของเพื่อน ๆ จดจำสิ่งนั้น ๆ ได้ดีมากกว่าเหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลย คือ เราได้ฝึกการฟัง, ฝึกสำเนียงการพูด, และได้ความสนุกสุดเหวี่ยงจากการดูหนังไปพร้อม ๆ กันเลย ดีงามสำหรับคอหนังมากจริง ๆ

อัปเลเวล : Reading

ยังอยู่ในส่วนของการฝึกฝนทักษะผ่านการรับข้อมูลอยู่ แต่เราจะเปลี่ยนจากการใช้หูฟัง มาเป็นการใช้ตาอ่านแทน โดยสำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่รู้สึกว่าคลังคำศัพท์ตัวเองน้อย แกรมม่าไม่ดี เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ เริ่มจากการ อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ก่อนได้เลย

การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษนี่เป็นขั้นตอนที่เราเข้าใจว่าต้องมีเพื่อน ๆ แอบไม่ชอบเยอะแน่ ๆ เพราะแน่นอนว่า เวลาเห็นตัวหนังสือเยอะ ๆ มันทำให้ตาเราล้า ลายตา ยิ่งถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจด้วยนี่ยิ่งหมด passion เอาได้ง่าย ๆ เลย แต่ขอให้ทุกคนรู้ไว้เลยนะคะว่า ถึงมันจะยากในตอนแรก แต่ก็ขอแค่เราอย่าพึ่งยอมแพ้ และค่อย ๆ สู้ต่อไป เราก็จะเห็นลู่ทางในตัวของมันเอง เพราะหนทางของความสำเร็จมันไม่มีคำว่าสบายอยู่แล้ว ขอเพียงแค่เรามีความพยายามและฝึกฝนต่อไป ยังไงสิ่งที่เราบากบั่นทำลงไปทีละน้อย มันก็ต้องค่อย ๆ เริ่มเห็นผมในอนาคตสักวัน การตั้งเป้าหมายโดยการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษวันละ 1 หน้าถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก ๆ เลยค่า  

อัปเลเวล : Speaking

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากอัปเลเวลการพูดภาษาอังกฤษให้เป็น Advanced ลอง พัฒนาสำเนียงภาษาอังกฤษ ของเราให้คล้ายกับเจ้าของภาษาดู จะช่วยทำให้เรามีสำเนียงที่เป๊ะได้แบบรวดเร็วขึ้นมากก เราขอแนะนำว่าตอนที่เลียนเสียง ให้เพื่อน ๆ สังเกตเสียงสูงต่ำในการพูดของเจ้าของภาษาดี ๆ แล้วพูดเลียนแบบตามเรื่อย ๆ เท่านี้เพื่อน ๆ ก็สามารถพัฒนาสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษของตัวเองได้แล้วค่าา บอกเลยว่าวิธีนี้เป็นวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและเราสามารถฝึกฝนเองได้ โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเลย  

มีประโยคหนึ่งที่เราเคยได้ยินคนพูดว่า “การพูดสำเนียงให้เป๊ะไม่ใช่เรื่องจำเป็นขนาดนั้น ขอเพียงแค่เราสื่อสารกันเข้าใจก็พอ” ซึ่งเราเห็นด้วยและเห็นต่างกับประโยคนี้ทั้งสองอย่างเลยค่ะ คือเราคิดว่า ถ้าเรามีสำเนียงการพูดที่เป๊ะเวอร์ แต่สื่อสารออกไปไม่เข้าใจ มันก็คงไม่ดีเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่ถ้าบอกว่าสื่อสารได้พอ สำเนียงไม่ดีไม่เป็นไร นี่มันจะทำให้คนฟังเขาเข้าใจจริง ๆ ใช่ไหมคะ? เพราะไม่ว่าจะเป็นการพูดภาษาอะไร มันก็ต้องมีการใช้เสียงสูงต่ำในการสื่อสารภาษานั้น ๆ ออกไปอยู่แล้ว การที่เรารู้ข้อบกพร่องของตัวเองว่าเราอ่อนตรงไหน และพยายามต่อยอดไม่หยุดอยู่กับที่ ยังไงก็เป็นทางเลือกเรื่องที่เราคิดว่าดี และอยากสนับสนุนให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำอยู่แล้วค่ะ

อัปเลเวล : Listening และ Speaking

การได้คุยกับเจ้าของภาษาถือเป็นหนทางในการพัฒนาต่อยอดภาษาของเราได้ดีมาก เพราะถ้าเรา ได้อยู่กับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง เราก็จะสามารถสื่อสารและสอบถามเขาเพื่อนำกลับมาพัฒนาภาษาของเราให้ดีขึ้นได้ การสื่อสารกับเจ้าของภาษา โดยตรง จะทำให้เราได้ทักษะภาษาอังกฤษทั้งในด้าน Listening และ Speaking เลย วิเศษมาก ๆ แต่สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ไม่มีเพื่อนเป็นเจ้าของภาษา เราสามารถฝึกฝนโดยการคุยกับคุณครูฝรั่งที่โรงเรียนก็ได้เหมือนกันจ้าา

อัปเลเวล : Speaking และ Writing

ในแต่ละทักษะไม่ว่าจะเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน สำหรับเราแล้ว ทักษะที่เรารู้สึกว่ายากและท้าทายที่สุดก็คือ การเขียนนี่หล่ะค่ะซิส เพราะการเขียนให้อ่านลื่น ฟังเข้าใจสำหรับเราไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะในภาษาอังกฤษนั้นมีการใช้สัญลักษณ์คำมากมายที่ภาษาไทยไม่ใช้กัน แถมในส่วนของการเรียงประโยคเอง ก็มีการแบ่งช่วงเวลาในการใช้คำตามอดีต ปัจจุบัน และอนาคตด้วย ดังนั้นการเขียนจึงเป็นทักษะที่เราต้องใช้ทุกอย่างที่มี ในการคิดวิเคราะห์และสื่อสารออกมาเลย

การเขียนไดอารี่ สามารถ พัฒนาทักษะการพูดและเขียนของเราได้ดียืนหนึ่งเลย เพราะการที่เราจะเขียนไดอารี่ได้นั้น ก่อนอื่นคือเราต้องอ่านศัพท์ภาษาอังกฤษมาเยอะระดับหนึ่งก่อน เราถึงจะสามารถเรียงร้อยถ้อยคำจนออกมาเป็นประโยคได้ โดยการเขียนไดอารี่บ่อย ๆ สามารถทำให้เราสะสมคำศัพท์ในชีวิตประจำวันในหัวของตัวเองได้มากขึ้น จนทำให้เวลาพูดเราไม่ต้องนึกคำศัพท์นาน และสามารถพูดออกไปตามความเคยชินจากการฝึกเขียนไดอารี่มาได้เลย