ปลอดภัยไว้ก่อน! ชวนซิสทำความเข้าใจ “วิธีการคุมกำเนิด” มีกี่แบบ? แบบไหนเหมาะกับใคร?

PAGE 2/3
» »
  

➃ ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

ตามมาดูวิธีการคุมกำเนิดแบบต่อไปอย่าง การใช้ห่วงอนามัยคุมกำเนิด ต่อเลยค่ะ สำหรับคนที่สงสัยว่าห่วงอนามัยมีหน้าตายังไง? ห่วงอนามัยคุมกำเนิดเป็น อุปกรณ์ขนาดเล็กที่มีลักษณะคล้ายตัว T วิธีใช้ก็จะสอดห่วงอนามัยเข้าไปในโพรงมดลูกให้เหลือสายห่วงยาวออกมาประมาณ 2-3 เซนติเมตร โดยห่วงอนามัยจะ ขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก หากใช้อย่างถูกต้องจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดถึง 99.4% โดยห่วงอนามัยคุมกำเนิดมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน แบบแรกคือ ห่วงอนามัยแบบมีฮอร์โมน ที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรล ช่วยคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณของตัวยา ส่วนอีกหนึ่งแบบคือ ห่วงอนามัยแบบหุ้มทองแดง ที่จะค่อยๆ ปล่อนประจุออกมาเพื่อป้องกันการปฏิสนธิของอสุจิและไข่ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้นาน 3-10 ปี แต่วิธีการคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัยอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ เพื่อนๆ จึงควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอค่ะ
  

➄ ยาฉีดคุมกำเนิด

วิธีการคุมกำเนิดแบบต่อไปที่นิยมใช้กันก็คือ ยาฉีดคุมกำเนิด นั่นเองค่ะซิส ในประเทศไทยนิมยมใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีดด้วยยาชนิดที่มีฮอร์โมนโพรเจสตินอย่างเดียว โดยแพทย์จะทำการ ฉีดยาคุมกำเนิดบริเวณต้นแขนหรือบั้นท้ายทุกๆ 12-14 สัปดาห์ กลไกการทำงานของยาฉีดคุมกำเนิดจะ ช่วยป้องกันการตกไข่ในแต่ละเดือน และช่วยเพิ่มความหนืดบริเวณปากมดลูก ทำให้อสุจิไม่สามารถเข้าไปปฏิสนธิได้ ซึ่งการคุมกำเนิดวิธีนี้มีประสิทธิภาพประมาณ 94% แต่อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฉีดยาคุมกำเนิดตามมา เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดหัว อารมณ์แปรปรวน ท้องอืด น้ำหนักตัวขึ้น เป็นต้น
  

➅ ยาฝังคุมกำเนิด

ส่วนวิธีการคุมกำเนิดแบบต่อไปก็คือ การใช้ยาฝังคุมกำเนิด ค่ะ โดยยาคุมกำเนิดแบบฝังเป็น อุปกรณ์ขนาดเล็กที่มีลักษณะเป็นหลอดยาเล็กๆ ความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ที่แพทย์จะทำการ ฝังหลอดยาเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านใน เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่อาจรู้สึกเจ็บนิดหน่อยระหว่างการฝังยา แต่ช่วย คุมกำเนิดได้นานประมาณ 3-5 ปี และมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดถึง 99% เลยนะ พอฝังยาคุมกำเนิดเข้าไปแล้ว ตัวยาจะค่อยๆ ปล่อยฮอร์โมนโปรเจสตินเข้าสู่ร่างกาย ช่วยยับยั้งการตกไข่และป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปปฏิสนธิ แม้ว่าการใช้ยาฝังคุมกำเนิดจะเหมาะกับคนที่ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว แต่ก็มีผลข้างเคียงที่พบบ่อยๆ อย่างประจำเดือนมาไม่ปกติ น้ำหนักตัวขึ้น หรือมีอาการปวดหัวคลื่นไส้ค่ะ
  

➆ การทำหมัน

และวิธีการคุมกำเนิดแบบสุดท้ายที่เรานำมาให้เพื่อนๆ ได้ทำความรู้จักกันก็คือ การทำหมัน ที่เป็นการคุมกำเนิดแบบถาวรค่ะ โดยการทำหมันเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากมีบุตร และไม่ต้องการตั้งครรภ์อีกต่อไปในอนาคต เพราะ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้เกือบ 100% เลยทีเดียว วิธีการคุมกำเนิดด้วยการทำหมันก็สามารถทำได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงเลยนะคะ ซึ่งสำหรับการทำหมันชาย แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อผูกและตัดท่อน้ำเชื้อทั้งสองข้างในถุงอัณฑะ ทำให้อสุจิไม่สามารถออกไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ส่วนการทำหมันหญิง แพทย์จะผ่าตัดเพื่อผูกและปิดท่อนำไข่ เพื่อไม่ให้ไข่ไปปฏิสนธิกับอสุจิ ซึ่งหลังจากผ่าตัดทำหมันเสร็จแล้วก็สามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกันได้เลย และใช้เวลาพักฟื้นเพียงแค่ 1-2 วันก็กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติแล้วค่ะ
  

หลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว เพื่อนๆ ก็คงเข้าใจเกี่ยวกับ วิธีการคุมกำเนิด มากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะว่า วิธีการคุมกำเนิดมีกี่แบบ แต่ละแบบมีประสิทธิภาพแค่ไหน และวิธีการคุมกำเนิดแบบไหนเหมาะกับตัวเองมากที่สุด โดยเราขอย้ำอีกครั้งว่าก่อนที่จะตัดสินใจคุมกำเนิดด้วยวิธีใดก็ตาม ชาวซิสควรศึกษาหาข้อมูลและทำความเข้าใจให้ละเอียดก่อนทุกครั้ง ที่สำคัญก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเองและมีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ ♥
  

กิจกรรม SistaCafe