อยู่ๆ ใจก็ตึกตัก เอาจริงๆ ต่อให้เป็นเพื่อนกันก็เถอะ แต่ถ้าเจอเพศตรงข้ามมาแตะเนื้อต้องตัว มันก็เขินนะ ขนาดนิดๆ หน่อยๆ ยังหน้าแดงได้เลย นี่เจอแบบบ่อยและถี่ เอะอะจับมือ จับผม ลูบแก้ม โอ้ย! ใจไม่ละลายได้ไง ถ้าคิดแค่เพื่อนนะ เพื่อนเพศตรงข้ามเรา จะไม่ถึงเนื้อถึงตัวกับเรามาก เขาจะรู้ว่า ควรให้เกียรติเราหน่อย แต่ถ้าเขาคิดเกินเพื่อนนะ เขาจะเริ่มหาช่องทาง skinship เรานิดๆ หน่อยๆ ตีเนียนถึงเนื้อถึงตัว อาจจะไม่ได้ถึงขั้นลวนลามนะ แต่จะเป็นแนวๆ แบบ ขอเล่นมือหน่อย เอ๊ะอะไรติดผม เอ๊ะแก้มเลอะอะไร หรือบางทีก็ทำเป็นโอบไหล่บ้าง กอดบ้าง ลูบหัวบ้าง นานๆ ครั้งทำ ไม่เป็นไร แต่ถ้าบ่อยมาก เอะอะจับ เอะอะลูบ ต้องคิดได้แล้วแหละว่า เขาอาจจะคิดเกินเพื่อน!

ที่บอกว่าชวนไป 2 คนนี่ เน้นไปที่ชวนไปเที่ยวนะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน หรือเรื่องเรียนใดๆ กรณีที่ชวนไปเที่ยวด้วยกันแบบสองต่อสอง ไปดูหนัง ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือชวนไปไหนมาไหนด้วยกันแบบสองคน ถ้านานๆ ครั้งถึงจะชวน ชัดเจนว่า เป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าชวนบ่อยมาก ไปไหนต้องไปด้วยกัน มีอะไรดีๆ สถานที่ดีๆ ชวนเราตลอด เจออะไรก็นึกถึงเรา เอะอะซื้อมาฝากเราคนเดียว แบบนี้ฟันธงได้เลยว่าเขามีใจ!

โดยปกติถ้าคนมันไม่มีใจ เวลาโดนแซวจะรีบบอกปัดเลย ใช่มั้ยล่ะ อย่างเวลาเราโดยคนอื่นแซวว่า เฮ้ย! คบกันป่ะเนี่ย ถ้าเราไม่ชอบ เราจะรีบบอกเลยว่า ไม่ได้คบ เป็นเพื่อนกัน ถูกมั้ย แต่เป็นคนที่เราแอบชอบหรือมีใจ ถ้าโดนแซวแบบนี้ มีเขินค่ะ หรือไม่งั้นก็จะดึงๆ เกมไว้ก่อน แล้วค่อยบอกปฏิเสธ เช่นเดียวกันค่ะ ถ้าเพื่อนคนนี้ของเรา โดยเพื่อนคนอื่นแซว แล้วเขาไม่รีบปฏิเสธ หรือไม่มีทีท่าว่าจะบอกปัดใดๆ แถมยังมีการยอมรับว่า เออ แล้วทำไม หรือตอบว่า ก็คบกันไม่ได้ไง ต่อให้พูดไปเพราะขำๆ ก็เถอะ แต่มันก็แสดงให้เห็นแบบนิดๆ แล้วว่า เขาคิดไม่ซื่อแน่นอน

ปกติแล้วเวลาเรามีปัญหาอะไร เราก็มักจะมาคุยกับเพื่อนอยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า เขาไม่ได้คิดกับเราแค่เพื่อนก็คือ ทุกครั้งเวลาที่เรามีปัญหา หรือมีเรื่องที่ไม่สบายใจ เขาจะเป็นคนแรกที่สังเกตเห็น และจะเป็นคนแรกเลย ที่มองออกว่า เราไม่โอเค และต้องการคำปรึกษาและใครสักคนที่อยู่ข้าง และก็เป็นเขาอีกนั่นแหละ ที่จะคอยปลอบ คอยให้คำปรึกษา และคอยอยู่ข้างเราเสมอ คนที่ใส่ใจเราและคอยอยู่เคียงข้างแบบนี้ จะมองว่าเป็นเพื่อนที่ดีก็ได้ แต่อีกนัยนึงก็คิดเป็นอื่นได้เช่นกันว่า เขาอาจจะมีใจให้เราบ้างแหละ ไม่งั้นคงไม่เทคแคร์เราดีแบบนี้หรอก ว่ามั้ย

เคยได้ยินมั้ยว่า เวลาเราชอบใคร เราก็จะแก้คนนั้น แม้ทฤษฎีนี้จะใช้ไม่ได้กับทุกคน แต่มันก็เป็นทฤษฎีที่พอจะเป็นไปได้อยู่บ้างนะ ยิ่งกับคนที่เป็นเพื่อนกันด้วยแล้ว ถ้าอยู่ๆ จะให้เปลี่ยนสถานะไปแบบฉับพลันเลย ก็ไม่ได้ ถูกมั้ย ด้วยความที่พอเป็นเพื่อนๆ กัน จะให้มาหวานๆ ใส่กันมันก็แปลกๆ การแกล้ง การหยอกกัน หรือแม้แต่กวนใส่กัน แม้มันจะดูน่าหมั่นไส้ แต่มันเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เราและเขาเข้าใกล้กันมากขึ้น แต่ใดๆ ก็ตาม ลิมิตในการแกล้ง ต้องอยู่ในจุดที่ไม่ร้ายแรงนะ แกล้งหยอกแบบน่ารักๆ พอให้มีกลิ่นความรักฟุ้งกระจายเล็กน้อย ไม่ใช่แกล้งแบบเอาสะใจ แบบนั้นเราว่าได้เกลียดกันพอดี

ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็จะมีเขานี่แหละ ที่คอยสนับสนุนเราอยู่เสมอ เช่น เวลาเล่นมุกตลก คนอื่นไม่ขำ แต่เขาจะขำ เวลาเราเล่าเรื่องอะไร เขาก็จะตั้งใจฟัง เวลาเรามีความสุขหรือเศร้ากับเรื่องอะไร ก็จะมีเขานี่แหละที่มีส่วนรวมอยู่ด้วยในทุกๆ เรื่อง แต่ถึงจะบอกว่าเป็นแรงสนับสนุน แต่ก็ไม่ได้เออออไปกับเราซะทุกเรื่องนะ เขาจะรู้ว่าเรื่องไหนที่ควรเข้าข้าง และเรื่องไหนที่ไม่ควรเข้าข้าง จะเป็นคนที่คอยให้กำลังใจ คอยซัพพอร์ต และคอยตักเตือน พูดง่ายๆ คือ เขาจะให้ความสำคัญกับเราในทุกๆ เรื่อง ซึ่งถ้าสถานะเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ทำแบบนี้ได้มั้ย ก็ได้แหละ แต่คงไม่มากและไม่บ่อยครั้ง กรณีที่เขาปฎิบัติกับเราพิเศษและดีกว่าใครแบบเสมอต้นเสมอปลาย ฟันธงได้เลยว่า เขาอาจจะแอบมีใจให้เราบ้างแหละ

เราเชื่อว่า เพื่อนๆ ทุกคน มีความรู้สึกได้ เวลลาที่มีใครแอบมองเรา ใช่มั้ย ซึ่งโดยปกติแล้ว ถ้าเราไม่ชอบเขา เราจะคอยแอบมองเขาทำไม จริงมั้ยล่ะ เพราะงั้นถ้าเพื่อนคนนี้ของคุณ ชอบแอบมองคุณอยู่บ่อยๆ บางครั้งมองแล้ว ก็ยิ้มกับความน่ารักของคุณ พอคุณสังเกตเห็น แล้วถามกลับไปว่า มองทำไม แล้วเขาอึกๆ อักๆ ใส่ ฟันธงได้เลยว่า เขาจะต้องแอบคิดอะไรกับเราแน่ๆ อาการมันฟ้อง จะแก้ตัวยังไง ก็ฟังไม่ขึ้น!