ปัญหาเท้าแห้งแตกและเปียกชื้นในช่วงหน้าฝนนี่ถือเป็นเรื่องกวนใจสุดๆ ไปเลย เราอย่ามวกเพิกเฉยแล้วมาดูข้อควรรู้และระวังในช่วงหน้าฝนดีกว่าว่ามีอะไรบ้างในบทความนี้เลยย

เลือกอ่านตามหัวข้อ
6 ข้อควรรู้ Do&Don't หลังเดินย่ำฝน เพื่อสุขภาพเท้าที่ดี
1. Wear appropriate shoes. ( ใส่รองเท้าที่ค่อนข้างมิดชิด )
2. Soak ( การแช่เท้าในน้ำอุ่นหลังย่ำน้ำ )
3. Cut Your Nails ( อย่าลืมตัดเล็บเท้า )
4. Use A Foot Scrub ( สครับเท้าอย่างอ่อนโยน )
5. Maceration ( เช็ดเท้าให้แห้งเสมอ )
6. Cracking of the skin ( ทาครีมหรืออยล์บำรุงผิวเท้าที่แตก )
ฮัลโหลล! เพื่อนๆ ซิสต้าคาเฟ่ทุกคน ช่วงนี้ฝนตกบ่อยตกถี่จนหลายๆ ที่น้ำท่วม แล้วทำให้เราต้องเดินย่ำฝนกลับบ้านกันเลยทีเดียว ซึ่งสำหรับหลายๆ คนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าน้ำฝนที่ขังอยู่บนทางเท้าเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะสกปรกมากๆ เลย เพราะฉะนั้นวันนี้เราเลยอยากจะมาแชร์ ข้อควรรู้! Do&Don't หลังเดินย่ำฝน เพื่อสุขภาพเท้าที่ดี ทำตามง่ายๆ ดังนี้เล้ยย~
6 ข้อควรรู้ Do&Don't หลังเดินย่ำฝน เพื่อสุขภาพเท้าที่ดี
1. Wear appropriate shoes. ( ใส่รองเท้าที่ค่อนข้างมิดชิด )
ถ้าเพื่อนๆ รู้ว่าถนนที่เราต้องเดินผ่านมีฝนตกจนน้ำขังหรือต้องเดินผ่านน้ำท่วมอย่างเลี่ยงไม่ได้ล่ะก็ การเตรียมพร้อมด้วยการ ใส่รองเท้าที่มิดชิด ถือเป็น Do ที่ควรทำมากๆ เพราะการที่เราใส่รองเท้าเปิดส้นหรือเดินเท้าเปล่าเดินบริเวณน้ำขัง อาจทำให้สิ่งสกปรกที่ลอยมากับน้ำบาดผิวและเข้าไปในแผลของเราได้ เพราะฉะนั้น การใส่รองเท้าหุ้มส้นและกันน้ำถือเป็นวิธีป้องกันเท้าด่านแรกที่สำคัญมากเลย
2. Soak ( การแช่เท้าในน้ำอุ่นหลังย่ำน้ำ )
การแช่เท้า ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการทำความสะอาดเท้าได้อย่างหมดจดที่สุดเลย เพราะเวลาแช่เท้าเราจะสามารถมองเห็นเท้าเราได้ชัดเจน รวมถึงเศษสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ลอยขึ้นมาตอนล้างเท้าด้วย ซึ่งสำหรับใครที่รู้สึกอ่อนล้าจากกมาเดินหล่ะก็ การแช่เท้าในน้ำอุ่นประมาณ 10 - 15 นาทีและใส่เกลือเพิ่ม จะช่วยชะล้างความเหนื่อยล้าของเราได้และทำให้ผิวของเราสะอาดนุ่มลื่นขึ้นด้วย
3. Cut Your Nails ( อย่าลืมตัดเล็บเท้า )
การตัดเล็บเท้าให้สั้น และสะอาดเสมอจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการ ลดการสะสมของสิ่งสกปรกได้ เพราะเวลาที่เราย่ำฝนหรือเดินในที่น้ำท่วมขังมา เล็บเท้าที่ยาวของเราจะสามารถเก็บสะสมสิ่งสกปรกที่ลอยมากับน้ำได้ดี ยิ่งถ้าเราต้องเดินลุยน้ำตั้งแต่เช้าแล้วเก็บไว้จนเย็นก็คงสยองน่าดูเลย เพราะฉะนั้นการตัดเล็บให้สั้นไว้ก่อนจะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกได้เริ่ดที่สุดนั่นเองค่ะซิส
4. Use A Foot Scrub ( สครับเท้าอย่างอ่อนโยน )
ถ้าเพื่อนรู้สึกว่าอยากจะทำความสะอาดเท้าให้มากขึ้น การสครับเท้า ก็เป็นอีกหนึ่งช้อยส์ที่ดีที่ไม่ได้รุนแรงกับเท้าจนเกินไป สำหรับใครที่มีผิวบาง การเลี่ยงใช้แปรงขัดผิวและหันมาใช้สครับทำความสะอาดเท้าแทน จะช่วยทำให้ผิวเท้าสะอาดนุ่มเนียนอย่างอ่อนโยนมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในส่วนประกอบที่แนะนำที่สุดสำหรับการสครับเท้าเลยก็คือ menthol-based เพราะเวลาขัดจะให้ความรู้สึกเย็นสะอาดสดชื่นนั่นเองง
5. Maceration ( เช็ดเท้าให้แห้งเสมอ )
บางทีการที่เพื่อนๆ ปล่อยให้เท้าชื้นแฉะหรือแช่น้ำเป็นเวลานานนั้นอาจจะทำให้เกิด การลอกผิว จนผิวหนังของเราเปลี่ยนเป็นสีขาวและเหี่ยวย่นได้ จากการที่ ผิวหนังภายนอกดูดซับน้ำมากเกินไปจนเปียกนุ่ม ซึ่งเราจะสังเกตได้คือเวลาจับหรือแตะโดนแล้วรู้สึกเจ็บ ซึ่งการที่เราปล่อยให้ตัวเองใส่รองเท้าในที่ชื้นแฉะตลอดทั้งวันแบบนี้จะทำให้เท้าเราเสียและเกิดการระคายเคืองได้ เพราะฉะนั้นเราควรจะเช็ดเท้าให้แห้งเสมอเวลาน้ำเข้าไปในรองเท้าและไม่ปล่อยให้เท้าเปียกชุ่มจะดีที่สุดค่ะ
6. Cracking of the skin ( ทาครีมหรืออยล์บำรุงผิวเท้าที่แตก )
ปัญหาเท้าแตก ก็ถือเป็นอีก ตัวกวนใจในการเก็บสะสมสิ่งสกปรกเวลาน้ำท่วมและยุ่ยลอกเวลาอยู่ในที่ชื้นแฉะเลย ซึ่งการเราละเลยการบำรุงเท้าให้ดี นอกจากมันจะพาปัญหากวนใจมาให้เราแล้ว เราอาจจะเสียความมั่นใจเวลาต้องเดินเท้าเปล่าหรือใส่รองเท้าเปิดส้นได้ด้วย เพราะฉะนั้นในช่วงหน้าฝนที่เราต้องเดินย่ำน้ำแบบนี้ เพื่อนๆ ควรจะทำความสะอาดเท้าให้แห้งเสมอ และอย่าลืมทาครีมหรือออยล์เพื่อบำรุงผิวบริเวณผิวที่แตกถึงจะปังที่สุด
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดสุขภาพ)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe