เลือกอ่านตามหัวข้อ
[แสดง][ซ่อน]How to หลุดพ้นจากวงเวียนความขี้เกียจ และปลุกใจให้ชีวิตมีแบบแผนมากขึ้น
1. Avoid distraction ( ห่างสักพักกับสิ่งล่อใจ )
2. Follow the ' two-minute rule ' ( ใช้กฎ 2 นาที )
3. Create a plan of action ( รู้จักการวางแผน )
4. Switch up your work environment. ( ปรับ / เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน )
5. Recognize your accomplishments along the way ( ใจดีกับตัวเองบ้าง )
6. Don’t expect yourself to be perfect ( อย่าตั้งความคาดหวังกับตัวเองมากจนเกินไป )
7. Ask for help ( อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ )
8. Get a partner ( ทำคนเดียวแล้วเหงา ลองหาเพื่อนคู่หูทำด้วยกันดู )
9. Reward yourself ( ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง )
ความขี้เกียจนี่เป็นเรื่องปกติที่เราเลี่ยงไม่ได้และเป็นกันทุกคนจริงๆ ค่ะซิส สวัสดีค่าเพื่อนๆ ที่น่ารักของเราทุกคน วันนี้เราอยากจะมา ช่วยเพิ่ม Energy ในการจัดระบบระเบียบชีวิตของเพื่อนๆ ให้รู้สึกขยันและมี Energy มากขึ้นมาฝาก ซึ่งการจะสลัดความขี้เกียจออกไปและมาทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น อาจจะมีอุปสรรคหรือสิ่งล่อตาล่อใจมาขวางทางเพื่อนๆ ได้ แต่ How to ที่เราจะมาแนะนำเพื่อนๆ วันนี้จะสามารถ ช่วยทำให้เพื่อนๆ มี Energy มากขึ้นและขี้เกียจลดลงได้บ้างแน่นอน ถ้ายังไงเราก็อย่ารีรอแล้วไปดูที่ข้อแรกกันเล้ยย~
How to หลุดพ้นจากวงเวียนความขี้เกียจ และปลุกใจให้ชีวิตมีแบบแผนมากขึ้น
1. Avoid distraction ( ห่างสักพักกับสิ่งล่อใจ )
เวลาเราตั้งใจอะไรให้สำเร็จลุล่วง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีมารพจญ หรือ สิ่งล่อตาล่อใจที่คอยกวนเราไม่ให้เรามีสมาธิจดจ่อกับเป้าหมายที่ต้องทำได้ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ, ความคิดฟุ้งซ่านเหม่อลอย, ของกิน ฯลฯ ซึ่งความคิดวอกแวกพวกนี้คือ ตัวขัดขวางการบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งใจเอาไว้ได้ดีที่สุดเลย ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ อยากรู้สึกขี้เกียจน้อยลงหล่ะก็ ก่อนอื่นขอให้ทุกคนบอกกับสิ่งล่อตาล่อใจพวกนี้ว่า “ห่างกันสักพัก” แล้วหลังจากที่เพื่อนๆ ทำตามเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จแล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะคะ
2. Follow the ' two-minute rule ' ( ใช้กฎ 2 นาที )
เมื่อเรารู้สึกว่าตัวเองต้องปลีกตัวจากสิ่งที่สบายไปทำสิ่งที่เหน็ดเหนื่อยและยากลำบากกว่าก็เป็นธรรมดาที่จะหมดไฟและขี้เกียจทำ ซึ่ง "two-minute rule" เป็นการตั้งเป้าหมายระยะสั้นให้กับตัวเอง ว่า เดี๋ยวจับเวลาทำการบ้าน 2 นาทีแล้วพอก่อน ซึ่งการทำแบบนี้เป็นเหมือนการหลอกตัวเองว่า “การทำสิ่งนี้ให้จบภายใน 2 นาที มันแป๊บเดียว! ไม่ใช่เรื่องที่ลำบาก” เราก็จะมีแรงจูงใจในการทำสิ่งนั้นมากกว่าเดิมมากโขเลย ซึ่งหลังจากผ่านไป 2 นาทีและได้ยินเสียงนาฬิการ้องแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะยังมีไฟกับสิ่งที่ทำอยู่ ทำให้พวกเขายังคงทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ต่อจนสำเร็จลุล่วงได้นั่นเอง
3. Create a plan of action ( รู้จักการวางแผน )
คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเวลาจะทำอะไรให้ตั้งเป้าหมายขึ้นมาก่อน เพื่อที่เราจะสามารถเดินตามเส้นทางไปสู่มันได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นมันไม่ใช่แรงจูงใจที่ชัดเจนพอที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ แต่การ
“Create a plan of action” ที่มีความเฉพาะและชัดเจนที่สุด จะช่วยทำให้เรา
จดจ่อกับการทำเป้าหมายได้ดีกว่าเดิมมาก ยกตัวอย่างเช่นถ้าอีก
1 สัปดาห์เราจะสอบวิชาเคมี เราอาจจะ Create a plan of action ใน 1 ครึ่งวันว่า ตื่น 8.00 น.
อ่านหนังสือ 9.00-10.00 น. (ที่ห้องอ่านหนังสือ)
พัก 30 นาที (ที่ห้องนั่งเล่น)
ทำแบบฝึกหัด 10.30-11.30 น. (ที่ห้องอ่านหนังสือ)
กินข้าว 1 ชั่วโมง (ที่ห้องครัว)
คือ ระบุเวลา, สถานที่ใน Planner ของเราให้เฉพาะเจาะจงที่สุดและจับเวลาเพื่อให้เรารู้สึกมี Energy ตื่นตัวตลอดเวลาในการทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ลุล่วง ได้ดียิ่งขึ้นค่าา
4. Switch up your work environment. ( ปรับ / เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน )
หลายๆ คนอาจจะจดจ่อกับการทำงานหรืออ่านหนังสือที่บ้านไม่ได้ เนื่องจาก ที่บ้านมีสิ่งล่อตาล่อใจมากมายที่ทำให้เราวอกแวกและเสียสมาธิได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น การสามารถเดินไปเปิดตู้เย็นหาของกินได้ง่าย หรือ ถ้าง่วงก็เดินไปนอนที่เตียงได้สบาย ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้จะทำให้เราจดจ่อกับงานที่ทำได้น้อยลง การเปลี่ยนสถานที่ทำงานโดยการทำให้ตัวเองรายล้อมไปด้วยบรรยากาศที่กระตุ้นให้เรามีสมาธิได้ดีจะช่วยทำให้เราวอกแวกน้อยลง เช่น การไปอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟหรือห้องสมุดที่มือคนเดินผ่านไปมาและต่างคนต่างจดจ่อกับเรื่องที่ตัวเองทำอยู่เป็นต้น
5. Recognize your accomplishments along the way ( ใจดีกับตัวเองบ้าง )
เพื่อนๆ เคยได้ยินคำนี้ไหมคะว่า “เรามักจะใจร้ายและไม่ยินดีกับความสำเร็จของตัวเองเท่าที่ควร” เมื่อเทียบกับคนอื่น ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราเห็นเพื่อนทำคะแนนได้ไม่ดีเราก็ปลอบเพื่อนว่า “ไม่เป็นไรนะ” แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองบ้าง อย่างถ้าเราขาด 1 แต้มจะได้ 100 เต็มเราอาจจะโทษตัวเองว่าอีกแค่คะแนนเดียวทำไมถึงผิด ซึ่งการไม่ให้กำลังใจและเอาแต่ตำหนิตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่บั่นทอนความตั้งใจและ Energy ของตัวเองนะคะซิส เพื่อนๆ ควรใจดี, กอดตัวเองให้มากๆ และพูดชื่นชมตัวเองเหมือนที่ทำให้กับที่ชมคนอื่นด้วยนะคะ เพราะถ้าเราไม่รักตัวเองหรือให้กำลังใจตัวเองแล้วใครจะมาให้เราหล่ะคะ
6. Don’t expect yourself to be perfect ( อย่าตั้งความคาดหวังกับตัวเองมากจนเกินไป )