ผมเปียกฝนทำไงดี? ☔ มัดรวม ' ข้อควรรู้ ' เมื่อ ' ผมเปียกฝน ' พร้อมบอกโรคที่ควรระวังหากผมเปียก
PAGE 2/3
Home » ผม » ผมเปียกฝนทำไงดี? ☔ มัดรวม ' ข้อควรรู้ ' เมื่อ ' ผมเปียกฝน ' พร้อมบอกโรคที่ควรระวังหากผมเปียก
โรคยอดฮิตของหน้าฝนนั่นก็คือโรคไข้หวัดนั่นเองค่า บางคนอาจจะแค่เป็นหวัด เจ็บคอ มีน้ำมูก มีเสมหะ แต่บางคนอาจจะป่วยหนักถึงขั้นมีไข้ด้วย ที่เราเป็นโรคไข้หวัดได้ง่ายก็เพราะว่าหน้าฝนมันพัดเอาทั้งลม ทั้งฝนมาด้วยกัน แถมยังมีทั้งมลภาวะ ฝุ่น ควัน เชื้อโรค เชื้อไวรัสมาด้วย ยิ่งถ้าตากฝนให้ผมเปียกและตัวเปียกด้วยก็ยิ่งทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น บวกกับอุณหภูมิและสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้ร่างกายอ่อนแอ จึงติดโรคนี้กันได้ง่ายนั่นเอง อาการก็จะมีไข้ต่ำ ๆ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อาจมีอาการไอและจาม เจ็บคอ คัดจมูก มีน้ำมูก รู้สึกอ่อนเพลียและปวดเมื่อยตามร่างกาย ถ้าใครเป็นไข้หวัดก็นอนพักเยอะ ๆ ทานยา ทานอาหารที่คล่องคอ ( เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม แกงจืด ) ทำให้ร่างกายอบอุ่นเข้าไว้ ก็ทำให้เราหายได้ไวขึ้นแล้วล่ะค่ะ > _ <
โรคไข้หวัดใหญ่
ถัดจากไข้หวัดธรรมดาก็ต้องเป็นไข้หวัดใหญ่เลยค่า โรคนี้เกิดจากสาเหตุที่เราได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เข้าสู่ร่างกายนั่นเอง อาจจะติดจากที่ผมเปียกฝน หรือติดตอนที่เราเผลอใช้มือกับปากหรือจมูก ด้วยความที่ฝนตกอุณหภูมิมันเลยต่ำลง ทำให้เชื้อไวรัสพวกนี้อยู่ได้นานขึ้น ซึ่งอาการที่สังเกตได้เลยก็คือ ไข้ขึ้นสูง รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ มีอาการคัดจมูก และอาจจะมีน้ำมูก ปวดหัว ปวดตามเนื้อตัว อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร ใครมีอาการพวกนี้ก็อย่าลืมไปหาหมอด้วยนะคะ ไข้หวัดใหญ่มันจะหนักกว่าไข้หวัดธรรมดาด้วย ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ อาจจะมีภาวะอื่น ๆ แทรกซ้อน เช่น โรคปอดบวม ได้ด้วยนะคะ ยังไงแนะนำว่าหาหมอจะปลอดภัยที่สุดค่ะ :-)
โรคปอดบวม
ใครที่ต้องตากฝนนาน ๆ หรือต้องทนใส่เสื้อเปียก ๆ อยู่กับผมเปียก ๆ เป็นเวลานาน ๆ ยิ่งมีความเสี่ยงจะเป็นโรคนี้สูงมาก ๆ เลยล่ะค่ะ เพราะช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่ร่างกายของเราจะป่วยได้ง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันในร่างกายเราค่อนข้างจะอ่อนแอ ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ด้วย และสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคนี้ได้ก็คือเชื้อไวรัสและแบคทีเรียลงปอดนั่นเอง ส่วนอาการก็จะมีเป็นไข้สูง มีอาการไอ หายใจหอบเหนื่อย เบื่ออาหารและซึมลง ซึ่งโรคปอดบวมบางครั้งก็อาจจะเกิดจากไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยเน้อ รู้แบบนี้แล้วก็ต้องรีบอาบน้ำ สระผมด้วยน้า ไม่งั้นพวกไวรัสที่ติดผม ติดตัวเราอาจจะเข้าปอดไปได้ ยังไงใครมีอาการประมาณนี้ก็อย่าลืมไปหาหมอเพื่อรักษาด้วยน้า ไม่งั้นอาจจะป่วยหนักกว่าเดิมนะคะ ♥
โรคตาแดง
หลายคนอาจจะงง ๆ ว่ามันเกี่ยวกับผมเปียกฝนยังไงใช่ม้า? ก็แหม~ เวลาวิ่งตากฝนบางครั้งผมเราที่โดนฝนก็พัดเข้าหน้าเข้าตาจนทำให้ตาของเราระคายเคืองได้ แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือถ้าในน้ำฝนมีเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่ทำให้ตาของเราระคายเคืองละก็... มีสิทธิ์เสี่ยงจะเป็นตาแดงได้เลยนะคะ ซึ่งอาการที่สังเกตได้เลยก็คือเยื่อบุตาขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง เปลือกตาบวม รู้สึกเคืองตาตลอดเวลา แล้วก็น้ำตาไหลง่าย ซึ่งถ้าใครมีอาการแบบนี้ก็อาจจะลองไปไปซื้อยาจากร้านขายยาที่มีเภสัชกรแนะนำก่อนก็ได้นะคะ เภสัชจะแนะนำเราเองค่ะว่าควรใช้ยาอะไรหรืออาการผิดปกติต้องไปหาหมอรึเปล่า หรือถ้าใครสะดวกแบบเอาชัวร์ก็ไปหาหมอจะดีที่สุดน้า ยังไงก็ระมัดระวังอย่าให้อะไรเข้าตาด้วยนะคะ ♥
TIPS : รวม 5 วิธีดูแลตัวเองง่าย ๆ ไม่ให้ป่วยช่วงหน้าฝน
1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้มาก ๆ : ผลไม้อาจจะเน้นทานผลไม้ที่มีวิตามินซีก็จะดีมาก ๆ เลยนะคะ เพราะผลไม้ที่มีวิตามินซีจะช่วยให้เราไม่ป่วยและไม่เป็นหวัดได้ง่าย ๆ นั่นเอง
2. พยายามเลี่ยงการโดนฝน : ถ้าฝนยังตกหนักให้หลบก่อนนะคะ รอให้มันเบาลงหรือหยุดแล้วค่อยไปจะดีกว่า แล้วก็อย่าลืมพกร่มและเสื้อกันฝนด้วยล่ะ
3. เมื่อถึงบ้านแล้วให้รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า : เพื่อปรับสมดุลร่างกายและป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายนั่นเอง
4. ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ : อย่างน้อยวันละ 15 - 30 นาทีก็ได้นะคะ
2. พยายามเลี่ยงการโดนฝน : ถ้าฝนยังตกหนักให้หลบก่อนนะคะ รอให้มันเบาลงหรือหยุดแล้วค่อยไปจะดีกว่า แล้วก็อย่าลืมพกร่มและเสื้อกันฝนด้วยล่ะ
3. เมื่อถึงบ้านแล้วให้รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า : เพื่อปรับสมดุลร่างกายและป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายนั่นเอง
4. ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ : อย่างน้อยวันละ 15 - 30 นาทีก็ได้นะคะ
5. ทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ ๆ : จะห่มผ้าหรือใส่เสื้อกันหนาวก็ได้น้า
☂ ☁ ☂ ☁ ☂ ☁ ☂ ☁ ☂ ☁ ☂ ☁ ☂
