ใครไม่ Mind แต่ เซราไมด์ ! ฮีโร่กู้ผิวอ่อนแอ ✨

ก่อนอื่นเราต้องรู้จักก่อนว่าผิวหนังเนี่ย เป็นส่วนที่ช่วยห่อหุ้มร่างกายมนุษย์และเป็นด่านแรกในการป้องกันอันตรายจากสิ่งต่างๆ แถมยังเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการสูญเสียน้ำและควบคุมอุณหภูมิร่างกายอีกด้วย ซึ่งลึกลงไปภายใต้ชั้นของผิวของเราก็จะมีเซราไมด์ที่เป็นไขมันธรรมชาติและเป็นส่วนประกอบมากถึงราวๆ 47% ของชั้นผิวเลยทีเดียว หลายคนอาจจะมีคำถามว่า แล้วการมีเซราไมด์มันดียังไงล่ะคะพี่? อะ ๆ ๆ มีแน่นอนค่ะ ตามไปอ่านด้านล่างกันต่อเล้ย

ถ้าเทียบให้เห็นภาพ ให้เราลองนึกว่าเซลล์ผิวหนังของเราเป็นอิฐ ส่วนเซราไมด์ก็จะทำหน้าที่คล้ายกับปูน โดยเจ้าเซราไมด์เนี่ยจะช่วยยึดเซลล์ผิวให้อยู่ติดกัน ทำให้ผิวแข็งแรงเหมือนกำแพงที่ฉาบปูนอย่างหนาแน่น ทำให้อันตรายจากภายนอกไม่ว่าจากมลภาวะหรือจากแบคทีเรียก็ไม่สามารถทะลุกำแพงเข้ามาได้ และเมื่อกำแพงผิวเราแข็งแรง ผิวเราก็จะสุขภาพดีและไร้ปัญหากังวลใจนั่นเองจ้า

ปัญหาผิวมากมายที่เราเจอก็มีส่วนมาจากการขาดเซราไมด์ในชั้นผิวด้วยนะ พอเกราะป้องกันผิวอ่อนแอก็เตรียมใจที่จะต้องเจอกับ 3 ปัญหาผิวสุดฮิตเหล่านี้กันได้เลย

➊ ผิวแห้ง หลังจากเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ ผิวเราก็จะสูญเสียการควบคุมน้ำในผิว ทำให้ขาดความชุ่มชื้นและตามมาด้วยปัญหาผิวแห้ง
➋ ผิวระคายเคืองง่าย จากการที่เราขาดชั้นเคลือบปกป้องผิวจากสารก่อระคายเคืองที่เข้ามาทำความเสียหายภายในชั้นผิว
➌ ผิวแก่ก่อนวัย โดยปกติแล้วเซราไมด์จะทำงานร่วมกับคอลลาเจนที่มีอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้ ( Dermis ) เพื่อช่วยเติมเต็มเซลล์ผิวชั้นหนังแท้ให้มีความยืดหยุ่น กระชับ ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง ป้องกันการเกิดริ้วรอย แต่หากเราขาดเซราไมด์ไปนั่นแปลว่าผิวเราจะไม่เต่งตึงเหมือนอย่างเคย ทีนี้แหละผิวก็จะดูเหี่ยวส่งผลให้ผิวแก่ก่อนวัย

จากที่เราพูดถึงกันไปก่อนหน้านี้ว่าเซราไมด์ในผิวก็เหมือนปูนฉาบกำแพง เพราะฉะนั้นถ้าปริมาณเซราไมด์ลดลงก็เหมือนกับกำแพงผิวหนังเราเกิดการผุกร่อน ทีนี้เราก็ผิวสูญเสียน้ำในผิวตามมาด้วยปัญหาสิว รอยแดงและผื่นคัน โอ๊ยพังพินาศสุดๆ ไม่อยากจะคิดดด ซึ่งข้อดีของสกินแคร์ที่มีเซราไมด์เป็นส่วนประกอบก็คือเค้าจะมาช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยกักเก็บและคงความชุ่มชื้นไว้ ทำให้ผิวอิ่มน้ำ เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย ยิ่งถ้าใช้คู่กับส่วนผสมอื่นๆ ที่เป็นไขมันดีที่เป็นชนิดใกล้เคียงกันก็จะยิ่งได้งานผิวสุดแข็งแรง เช่น Fatty acids, Glycerin, และ Cholesterol และถ้าหากใช้คู่กับส่วนผสมในกลุ่ม Anti Oxidant หรือสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น ชาเขียว วิตามินซี หรือสารสกัดเมล็ดองุ่น ก็จะยิ่งช่วยชะลอผิวไม่ให้แก่ก่อนวัยได้ด้วยนะ

❥ นอกเหนือจากในสกินแคร์แล้วเซราไมด์ยังนิยมมาใส่ในผลิตภัณฑ์สำหรับผมทั้งแชมพูและครีมนวดอีกด้วย เนื่องจากเซราไมด์เค้ามีคุณสมบัติในการช่วยเคลือบเส้นผมให้นุ่ม ถ้าสาวๆ มีผมแห้งและผมเสีย การมีเซราไมด์ในผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผมก็ถือเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ

หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่าจริงๆ แล้วเราก็มีเซราไมด์ในผิวอยู่แล้วนี่คะ ทำไมเราจะต้องทาครีมเพิ่มด้วย ซิสขอเล่าหน่อยว่าถึงแม้ร่างกายมนุษย์จะสามารถผลิตเซราไมด์ได้เองก็จริง แต่ปริมาณของเซราไมด์นั้นก็จะลดลงตามกาลเวลาและอายุของเราที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเองจ้า ถ้าไม่อยากผิวเหี่ยวแห้งก็ต้องรีบเติมเซราไมด์ด้วยการทาสกินแคร์และหลีกเลี่ยงการโดนแดดไว้ด้วยนะ

จริงๆ แล้วสกินแคร์ที่มีเซราไมด์เป็นส่วนประกอบส่วนมากมักจะปลอดภัยหายห่วง เพราะมีรายงานการแพ้เซราไมด์น้อยมากจนถึงไม่มี แต่ถ้าหากยังกังวลเราก็สามารถทดสอบอาการแพ้ได้ด้วยตัวเองโดยวิธี patch test ได้ตามนี้เลยจ้า

➊ ทาผลิตภัณฑ์ลงบนแขนด้านในในปริมาณเท่าเหรียญบาท
➋ ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง
➌ หากมีรอยแดง อาการคัน หรือระคายเคือง ให้รีบชำระล้างบริเวณที่ทดลองทาแล้วระงับการใช้ผลิตภัณฑ์ทันที
➍ หากไม่มีอาการดังกล่าว ก็สามารถสบายใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นี้เราใช้แล้วไม่แพ้