ซัมเมอร์นี้ปัญหาผมมัน ผมลีบแบน คงนับได้ว่าเป็นปัญหาที่สร้างความหงุดหงิดให้กับสาว ๆ มากเลยใช่ไหมล่ะคะ วันนี้เราจะพามาดูวิธีแก้ง่ายๆ ที่หลายคนยังไม่รู้กันค่ะซิส~

เลือกอ่านตามหัวข้อ
1. หนีบลอนหยักที่โคนผม
2. ใช้ Hair Dry Tissue
3. ใช้ Dry shampoo
4. การหวีผมย้อนทางเบา ๆ ที่โคนผม
5. กิ๊บยกโคนผม หรือโรลยกโคนผม
อันยองค่าซิสทุกคน!~
วันนี้เราจะมาแนะนำทริกทั้ง 5 ในการแก้ผมลีบแบนกันค่าา ปัญหานี้คงเป็นปัญหากวนใจของสาว ๆ หลาย ๆ คนเลยใช่ไหมล่ะคะ วันไหนที่ต้องไปเผชิญมลภาวะนอกบ้านพอกลับมาส่องกระจกอีกทีผมของเราก็มันไปซะแล้ว! ต้องบอกว่าอากาศของเมืองไทยเนี่ยไม่ยอมให้สาว ๆ ได้หยุดดูแลตัวเองกันเลยล่ะค่ะ~
แต่ซิสไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ วันนี้เราได้รวบรวมทริกที่ใช้ได้จริงและมีประโยชน์สุด ๆ มาให้ชาว SistaCafe กันแล้วละค่ะ!
1. หนีบลอนหยักที่โคนผม
ในวิธีแรกนี้เรียกได้ว่านอกจากจะทำให้ผมเราไม่ลีบแบนอีกต่อไป มันยังช่วยให้ผมเราดูหนาขึ้นอีกด้วยนะคะ! ถ้าพร้อมแล้วมาดู how to กันเลยค่ะทุกคน~
key point ของวิธีนี้คือซิสต้องมีที่หนีบผมแบบหยักนะคะ! ถ้าใช้หนีบตรงธรรมดาจะไม่สามารถยกโคนผมขึ้นมาได้นั่นเองค่ะ~
วิธีทำก็ต้องบอกว่าง่ายสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องแบ่งผมเป็นช่อ ๆ เหมือนเวลาเราหนีบผมทั่วไปเลยค่ะ แต่เราจะหนีบบริเวณโคนถึงกลางผมเท่านั้น! และหนีบแค่ผมที่อยู่ด้านในนะคะ เราจะไม่หนีบผมด้านนอกเพราะเราต้องการยกโคนเฉย ๆ ไม่ได้ต้องการให้คนอื่นเห็นว่าเราทำลอนหยักนั่นเองค่ะซิส~
จากนั้นเราก็หนีบที่โคนผมด้านในให้ครบทุกช่อที่แบ่งไว้ โดยเฉพาะโคนด้านหลังที่สำคัญมาก ห้ามลืมเลยนะคะ! ง่าย ๆ เพียงแค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะค่าา~
เพิ่มเติมเล็กน้อย! คือ ถ้าเราอยากยกโคนแบบปกติ หนีบผมด้านในโดยทำเป็น layer เพียง 2 ชั้นก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าใครชอบแบบพอง ๆ ขึ้นมาอีก จะทำมากกว่านี้ก็แล้วแต่ได้เลยน้าา~
key point ของวิธีนี้คือซิสต้องมีที่หนีบผมแบบหยักนะคะ! ถ้าใช้หนีบตรงธรรมดาจะไม่สามารถยกโคนผมขึ้นมาได้นั่นเองค่ะ~
วิธีทำก็ต้องบอกว่าง่ายสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องแบ่งผมเป็นช่อ ๆ เหมือนเวลาเราหนีบผมทั่วไปเลยค่ะ แต่เราจะหนีบบริเวณโคนถึงกลางผมเท่านั้น! และหนีบแค่ผมที่อยู่ด้านในนะคะ เราจะไม่หนีบผมด้านนอกเพราะเราต้องการยกโคนเฉย ๆ ไม่ได้ต้องการให้คนอื่นเห็นว่าเราทำลอนหยักนั่นเองค่ะซิส~
จากนั้นเราก็หนีบที่โคนผมด้านในให้ครบทุกช่อที่แบ่งไว้ โดยเฉพาะโคนด้านหลังที่สำคัญมาก ห้ามลืมเลยนะคะ! ง่าย ๆ เพียงแค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะค่าา~
เพิ่มเติมเล็กน้อย! คือ ถ้าเราอยากยกโคนแบบปกติ หนีบผมด้านในโดยทำเป็น layer เพียง 2 ชั้นก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าใครชอบแบบพอง ๆ ขึ้นมาอีก จะทำมากกว่านี้ก็แล้วแต่ได้เลยน้าา~
2. ใช้ Hair Dry Tissue
ซิสหลายคนอาจเคยเห็นผ่านตาว่ามีผลิตภัณฑ์จากแดนกิมจิหรือประเทศเกาหลีตัวนึงที่น่าสนใจมากนั่นก็คือเจ้า "Hair Dry Tissue" นั่นเองค่า!~
ใครที่ตัดหน้าม้าไม่ว่าจะแบบซีทรู แบบแสกกลาง แบบปัดข้าง หรือแบบตรง ก็คงเกิดปัญหาเหมือน ๆ กันคือผมลีบมันบ่อยเลยใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งใครที่เป็นคนผิวมันอยู่แล้วเนี่ย พอเจออากาศเมืองร้อนไปก็ทำให้ผมมันไปอีก! ชาวรักสวยรักงามแบบเรา ๆ ไม่ปลื้มอย่างแรงเลยล่ะค่ะ!
เจ้า Hair Dry Tissue นี้มีให้เลือกหลายแบบหลายยี่ห้อกันเลยทีเดียวค่ะ ต้องบอกว่ามันมีประโยชน์มากในวันรีบ ๆ ที่ไม่ทันสระผม หรือพึ่งสระผมแล้วผมดันมันแค่ตรงส่วนโคนก็เหมาะมากกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้เลยค่ะซิส! ต้องไปตำแล้ว~
ใครที่ตัดหน้าม้าไม่ว่าจะแบบซีทรู แบบแสกกลาง แบบปัดข้าง หรือแบบตรง ก็คงเกิดปัญหาเหมือน ๆ กันคือผมลีบมันบ่อยเลยใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งใครที่เป็นคนผิวมันอยู่แล้วเนี่ย พอเจออากาศเมืองร้อนไปก็ทำให้ผมมันไปอีก! ชาวรักสวยรักงามแบบเรา ๆ ไม่ปลื้มอย่างแรงเลยล่ะค่ะ!
เจ้า Hair Dry Tissue นี้มีให้เลือกหลายแบบหลายยี่ห้อกันเลยทีเดียวค่ะ ต้องบอกว่ามันมีประโยชน์มากในวันรีบ ๆ ที่ไม่ทันสระผม หรือพึ่งสระผมแล้วผมดันมันแค่ตรงส่วนโคนก็เหมาะมากกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้เลยค่ะซิส! ต้องไปตำแล้ว~
3. ใช้ Dry shampoo
"Dry Shampoo" คงเป็นอีกหนึ่งทางเลือดสำหรับสาว ๆ ในวันที่รีบได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ~ เพราะเพียงแค่พ่นสเปรย์ไปที่ผมของเราก็เหมือนได้สระผมใหม่อีกครั้ง!
แต่เดี๋ยวก่อน! ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การฉีดสเปรย์เท่านั้น แต่การที่จะฉีดให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพก็ต้องมาดูวิธีทำกันค่ะ!~
ก่อนอื่นเลยเราต้องแบ่งผมออกเป็นช่อ ๆ ก่อนค่ะ เพื่อให้ตัวสเปรย์สามารถฉีดได้อย่างทั่วถึงที่สุด ต่อมาเราก็ทำการฉีดลงไปให้โดนที่โคนผมหรือที่หนังศีรษะแต่ห้ามฉีดใกล้เกินไปนะคะ! ควรขยับมาฉีดห่างจากศีรษะประมาณ 20 ถึง 30 เซนติเมตรค่ะ
การที่เราฉีดใกล้เกินไปจะทำให้หนังศีรษะของเราเป็นคราบได้นะคะ และมันยังทำให้ฉีดได้เป็นจุด ๆ ไม่กระจายอย่างทั่วถึงอีกด้วยค่ะ! อีกทั้งไม่จำเป็นต้องฉีดมากเกินไปเพราะจะทำให้ผมดูแข็ง ๆ แห้ง ๆ แทนนั่นเอง อะไรที่เยอะเกินไปมักจะไม่ดีเสมอค่ะ!
ต่อมาก็รอสักพักนึงประมาณ 1-2 นาทีเพื่อให้ dry shampoo ได้เซ็ตตัวสักหน่อยแล้วจึงค่อยใช้นิ้วของเรานวดไปเลยทั่วศีรษะค่า~
จากนั้นเราก็สามารถเซ็ตผมได้ตามที่ต้องการเลยล่ะค่ะ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จเรียบร้อย!
ความรู้เพิ่มเติมคือ สาเหตุที่เราต้องรอสักพักก่อนนวดนั่นก็เพราะให้เวลาเจ้า dry shampoo ที่เป็นผงแป้งได้ทำหน้าที่ดูดซับน้ำมันจากหนังศีรษะเราก่อนนั่นเองค่าา!~
แต่เดี๋ยวก่อน! ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การฉีดสเปรย์เท่านั้น แต่การที่จะฉีดให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพก็ต้องมาดูวิธีทำกันค่ะ!~
ก่อนอื่นเลยเราต้องแบ่งผมออกเป็นช่อ ๆ ก่อนค่ะ เพื่อให้ตัวสเปรย์สามารถฉีดได้อย่างทั่วถึงที่สุด ต่อมาเราก็ทำการฉีดลงไปให้โดนที่โคนผมหรือที่หนังศีรษะแต่ห้ามฉีดใกล้เกินไปนะคะ! ควรขยับมาฉีดห่างจากศีรษะประมาณ 20 ถึง 30 เซนติเมตรค่ะ
การที่เราฉีดใกล้เกินไปจะทำให้หนังศีรษะของเราเป็นคราบได้นะคะ และมันยังทำให้ฉีดได้เป็นจุด ๆ ไม่กระจายอย่างทั่วถึงอีกด้วยค่ะ! อีกทั้งไม่จำเป็นต้องฉีดมากเกินไปเพราะจะทำให้ผมดูแข็ง ๆ แห้ง ๆ แทนนั่นเอง อะไรที่เยอะเกินไปมักจะไม่ดีเสมอค่ะ!
ต่อมาก็รอสักพักนึงประมาณ 1-2 นาทีเพื่อให้ dry shampoo ได้เซ็ตตัวสักหน่อยแล้วจึงค่อยใช้นิ้วของเรานวดไปเลยทั่วศีรษะค่า~
จากนั้นเราก็สามารถเซ็ตผมได้ตามที่ต้องการเลยล่ะค่ะ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จเรียบร้อย!
ความรู้เพิ่มเติมคือ สาเหตุที่เราต้องรอสักพักก่อนนวดนั่นก็เพราะให้เวลาเจ้า dry shampoo ที่เป็นผงแป้งได้ทำหน้าที่ดูดซับน้ำมันจากหนังศีรษะเราก่อนนั่นเองค่าา!~
4. การหวีผมย้อนทางเบา ๆ ที่โคนผม
มาต่อกันกับอีกวิธีนึงที่ง่ายมาก ๆ ต้องการอุปกรณ์แค่หวีเท่านั้นค่า~ วิธีนั้นก็คือการหวีแบบย้อนทางเบาๆที่โคนผม หรือก็คือการยีผมนั่นเองค่า!
วิธีนี้เหมาะสำหรับใครที่ทั้งเร่งรีบและไม่มีอุปกรณ์อื่นเช่นพวกเครื่องหนีบผม เพียงแค่มีหวีก็ทำได้แล้ว! แต่จะได้ผลที่ดีสำหรับคนที่ผมยังไม่มีความมันมากเท่าไหร่นะคะ เพราะวิธีนี้ไม่ได้ช่วยลดความมันของผมเหมือนกับเจ้า Hair Dry Tissue หรือ Dry shampoo เลยค่ะ เพียงแค่ยีผมให้พอง ๆ ขึ้นมา ไม่แบนเรียบไปตามทรงศีรษะเท่านั้นเอง!
วิธีการก็สุดแสนจะง่ายเลยล่ะค่ะ เริ่มต้นด้วยการแบ่งช่อเหมือนเดิมเลยค่ะ จากนั้นก็ค่อย ๆ หวีผมแบบย้อนทางจากล่างขึ้นบนในบริเวณโคนผมเพื่อยกโคนขึ้นนั่นเอง~
แต่ แต่ แต่! หวีย้อนเฉพาะผมด้านในเท่านั้นนะคะ ถ้าเรายีผมด้านนอกด้วยจะทำให้เหมือนเราผมยุ่งไปแทนนะคะซิส! วิธีนี้จะว่าไปก็คล้าย ๆ กันกับวิธีแรกที่ใช้ที่หนีบผมหยักเลยล่ะค่ะ เพียงแต่อุปกรณ์หาได้ง่ายกว่านั่นเอง!~
วิธีนี้เหมาะสำหรับใครที่ทั้งเร่งรีบและไม่มีอุปกรณ์อื่นเช่นพวกเครื่องหนีบผม เพียงแค่มีหวีก็ทำได้แล้ว! แต่จะได้ผลที่ดีสำหรับคนที่ผมยังไม่มีความมันมากเท่าไหร่นะคะ เพราะวิธีนี้ไม่ได้ช่วยลดความมันของผมเหมือนกับเจ้า Hair Dry Tissue หรือ Dry shampoo เลยค่ะ เพียงแค่ยีผมให้พอง ๆ ขึ้นมา ไม่แบนเรียบไปตามทรงศีรษะเท่านั้นเอง!
วิธีการก็สุดแสนจะง่ายเลยล่ะค่ะ เริ่มต้นด้วยการแบ่งช่อเหมือนเดิมเลยค่ะ จากนั้นก็ค่อย ๆ หวีผมแบบย้อนทางจากล่างขึ้นบนในบริเวณโคนผมเพื่อยกโคนขึ้นนั่นเอง~
แต่ แต่ แต่! หวีย้อนเฉพาะผมด้านในเท่านั้นนะคะ ถ้าเรายีผมด้านนอกด้วยจะทำให้เหมือนเราผมยุ่งไปแทนนะคะซิส! วิธีนี้จะว่าไปก็คล้าย ๆ กันกับวิธีแรกที่ใช้ที่หนีบผมหยักเลยล่ะค่ะ เพียงแต่อุปกรณ์หาได้ง่ายกว่านั่นเอง!~
5. กิ๊บยกโคนผม หรือโรลยกโคนผม
มาถึงวิธีสุดท้ายกันแล้วค่ะทุกคน~ นั่นก็คือ การใช้ "กิ๊บยกโคนผม/โรลยกโคนผม" นั่นเองค่ะซิส! วิธีนี้ง่ายถึงขั้นที่ว่าง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วเลยล่ะค่ะ ขอเพียงแค่มีอุปกรณ์เจ้าโรลยกโคนผมเท่านั้นค่ะ!
โรลยกโคนผมจะไม่ได้มีลักษณะเป็นทรงกระบอกเหมือนโรลทั่วไปแต่จะเป็นเหมือนกิ๊บหนีบแทนค่ะ! ในส่วนของวิธีใช้ก็เพียงแค่เราแบ่งผมแล้วนำโรลยกโคนผมมาติดที่โคนผมให้ทั่วทั้งศีรษะเลยค่ะ เพียงแค่นี้ก็เตรียมโบกมือลาผมลีบแบนไปได้แล้วค่ะซิส!
แต่จุดด้อยของเจ้าโรลตัวนี้ก็มีอยู่นะคะ เพราะการใช้โรลแบบนี้มันไม่ใช้ความร้อน ก็จะใช้เวลานานหน่อยกว่าที่ผมจะเป็นทรง แต่สำหรับใครที่มีไดร์เป่าผมติดกระเป๋ามาด้วยก็สามารถนำมาใช้เพื่อเร่งเวลาและทำให้ผมอยู่ทรงนานขึ้นกว่าเดิมได้ด้วยนะคะ!~
โรลยกโคนผมจะไม่ได้มีลักษณะเป็นทรงกระบอกเหมือนโรลทั่วไปแต่จะเป็นเหมือนกิ๊บหนีบแทนค่ะ! ในส่วนของวิธีใช้ก็เพียงแค่เราแบ่งผมแล้วนำโรลยกโคนผมมาติดที่โคนผมให้ทั่วทั้งศีรษะเลยค่ะ เพียงแค่นี้ก็เตรียมโบกมือลาผมลีบแบนไปได้แล้วค่ะซิส!
แต่จุดด้อยของเจ้าโรลตัวนี้ก็มีอยู่นะคะ เพราะการใช้โรลแบบนี้มันไม่ใช้ความร้อน ก็จะใช้เวลานานหน่อยกว่าที่ผมจะเป็นทรง แต่สำหรับใครที่มีไดร์เป่าผมติดกระเป๋ามาด้วยก็สามารถนำมาใช้เพื่อเร่งเวลาและทำให้ผมอยู่ทรงนานขึ้นกว่าเดิมได้ด้วยนะคะ!~
จบกันไปแล้วนะคะกับการพาส่อง How to แก้ผมลีบแบนฉบับของเราในหน้าร้อนนี้ค่า~
อุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้เรามั่นใจว่าสามารถหาซื้อได้ไม่ยากเลยละค่ะ หากว่าตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปไม่มี เราเชื่อว่าถ้าซิสลองมาส่องตามร้านค้า online ต้องมีอย่างแน่นอนค่ะ!
ถ้าใครชอบบทความนี้อย่าลืม กดไลก์ กดแชร์ กดติดตาม ให้เราเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคะชาว SistaCafe ทุกคน~
สำหรับวันนี้ลาไปก่อน เจอกันใหม่บทความหน้าค่าา!~
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดผม)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe