ขอให้ท่องจำไว้เสมอเลยว่า “ ทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเองกันทั้งนั้น ” และที่สำคัญไม่จำเป็นจะต้องรอให้ใครมาชื่นชม หรือเอ่ยปากบอกตรงๆ ว่าเธอมีดีเรื่องไหน เพราะเธอควรเป็นคนที่มองเห็นคุณค่าในตัวเองก่อนคนอื่นๆ ต่างหากละ แต่สำหรับสาวๆ ที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ก็จะส่งผลให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์แบบรักๆ ใคร่ๆ ด้วยเหมือนกัน เพราะเธอมักจะคิดในหัวตลอดเวลาว่า “ เรายังไม่ดีพอ ” / “ เขาอาจได้เจอคนที่ดีกว่า ” / “ เขาจะรักคนแบบเราได้จริงๆ หรอ? ” ฯลฯ จนต้องรอให้อีกฝ่ายยืนยันว่าเธอมีค่ามากที่สุดสำหรับเขา หรือรอให้เขาเอ่ยชื่นชมก่อน เธอถึงจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีคุณค่าอยู่บ้าง ซึ่งการมีทัศนคติที่ไม่ดีกับตัวเองแบบนี้ อาจทำให้เธอโดนเอาเปรียบหรือตกเป็นรองในความสัมพันธ์เอาได้

“ ระยะห่างระหว่างคนสองคน ” มันอาจเป็นตัวช่วยที่ทำให้เธอและคนรัก ไม่รู้สึกอึดอัดใจต่อกันและมีเวลาส่วนตัวเพื่อไปทำในสิ่งที่ตัวเองรักบ้าง แล้วถ้าระยะห่างระหว่างสาวซิสและคนรัก มันไม่ใช่ระยะห่างทางกาย แต่กลับเป็นความห่างเหินที่เกิดขึ้นภายในใจ มันอาจเป็นสัญญานเตือนสีแดงเข้มเพื่อเตือนให้รู้ว่ากำลังเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น โดยเฉพาะคนที่รู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์​ มันอาจทำให้เธอปิดกันตัวเองและทิ้งระยะห่างกับคนรัก เพราะมัวแต่จมอยู่กับความไม่เชื่อใจและความคิดแง่ร้ายของตัวเองแค่ฝ่ายเดียว แล้วหากความรู้สึกห่างเหินยังเกิดขึ้นต่อไป และทั้งสองฝ่ายไม่รีบหันหน้าเข้าหากันเพื่อพูดคุยและปรับความเข้าใจ มันก็จะค่อยๆ ทำลายความสัมพันธ์จนทำความให้ความรักเดินมาถึงทางตันในที่สุด

หลายคนคงอยากจะอ่านใจอีกฝ่ายให้ออกว่าเขากำลังคิดยังไง? รู้สึกยังไง? มีความสุขมั้ย? แต่ถ้าในแต่ละวันที่เธอใช้เวลาอยู่กับคนรัก แล้วเอาแต่พยายามอ่านใจอีกฝ่าย โดยไม่สนใจจะชวนกันทำกิจกรรมหรือพูดคุยเพื่อกระชับความสัมพันธ์แม้แต่น้อย จนอีกฝ่ายเขารู้สึกอึดอัดหรือเกิดความสงสัยว่าทำไมเธอถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าความไม่มั่นใจในความสัมพันธ์มันกำลังทำลายความรักก็ได้นะ เพราะการที่เธอให้ความสำคัญกับความคิดของเขามากจนเกินไป มันอาจเกิดจากความไม่มั่นใจในความรัก กลัวว่าเขาจะแอบมองเธอในแง่ลบ มีเรื่องไม่พอใจในตัวเธอ หรือรักเธอน้อยลงกว่าเดิมรึเปล่า?! ซึ่งพฤติกรรมนี้ก็มันจะทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง และทำให้บรรยากาศมันน่าอึดอัดมากๆ ด้วย