Articles health
สุขภาพ

#สลายไขมันด้วยการกิน! 7 สูตร " อาหารเฮลท์ตี้ กระตุ้นการเผาผลาญ " น้ำหนักลด ผอมได้ถึงเป้าหมายชัวร์

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า หนึ่งในวิธีลดความอ้วนที่ทำง้ายง่าย ไม่ทรมาน มีความสุขแถมได้ผลไว ก็คือการ 'กิน'!! เพราะการกิน ไม่ใช่การเพิ่มตวามอ้วนเสมอไป อันที่จริงแล้ว ถ้ากินอาหารถูกชนิด ยิ่งผอมไวกว่าออกกำลังกายหรือกินยาด้วยซ้ำ! จะต้องกินอะไรบ้าง เรามาดูกันค่ะซิส


» » - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • 1. สมูทตี้มัทฉะมินต์ ( plant-based )

    • 2. แพนเค้กโฮลเกรนทาเนยถั่วมะม่วงหิมพานต์ ( plant-based )

    • 3. สมูทตี้ส้มสีเลือดใส่หัวบีท

    • 4. เชียพุดดิ้งโกลเด้นมิลค์

    • 5. ไข่อบเห็ดและผักโขม 10 นาที

    • 6. ทาร์ตหน้าผลไม้สดและครีมสด

    • 7. สลัดแตงกวาผักดอง


    สวัสดีค่าาา สาวๆ SistaCafe คนดีคนเดิมของเรา ( ̄З ̄)

    เดี๋ยวนี้เทรนด์สุขภาพที่เคยเป็นกระแสมาแรง แทบจะกลายเป็นกระแสหลักในบ้านเราไปแล้ว เพราะคนไทยเริ่มตื่นตัวกับเรื่องสุขภาพ การเป็นโรคก่อนวัยอันควร อยากอายุยืน แข็งแรง หุ่นเป๊ะกันมากขึ้น แม้หลายคนจะยังชื่นชอบอาหารแคลอรีสูงๆ พาอ้วนอยู่ ก็ใช้วิธีปรับส่วนผสมให้คลีนขึ้น มีประโยชน์มากขึ้น และสิ่งที่สำคัญแทบจะอันดับหนึ่งของผู้หญิงก็คือ ' ต้องไม่อ้วน ' ดังนั้นถ้าเป็นอาหารเฮลท์ตี้ที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ น้ำหนักลดได้แม้ไม่ได้ออกกำลังกาย ก็จะยิ่งได้แต้มต่อ

    ' เมตาบอลิซึม ' หรือระบบเผาผลาญนั้น จะทำงานได้ดีหรือแย่อยู่ที่ระบบหลายส่วนในร่างกายมาทำงานร่วมกัน หากหนึ่งในระบบเหล่านั้นไม่มีประสิทธิภาพ ก็ทำให้การเผาผลาญไม่ดีเท่าที่ควร หากมีเมตาบอลิซึ่มสูง เรียกได้ว่าแต้มบุญดีกว่าหลายๆ คน เพราะแม้จะนั่งอยู่เฉยๆ ร่างกายก็เผาไขมันไปได้เรื่อยๆ ใครที่ไม่ได้มีร่างกายแบบนั้นโดยกรรมพันธุ์ ก็สามารถกินอาหารช่วยได้ หากไม่รู้จะกินเมนูไหน ลองมาส่องสูตรง่ายๆ ใน ' 7 อาหารเฮลท์ตี้ ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ผอมไวได้ถึงเป้าหมาย ' ในบทความนี้กันได้เลยค่า (。- ω -)

    1. สมูทตี้มัทฉะมินต์ ( plant-based )

    หากสาวๆ อยากเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยสมูทตี้กระตุ้นการเผาผลาญ ละลายไขมัน จะมีอะไรดีไปกว่า ' ชาเขียวมัทฉะ ' จากญี่ปุ่น ที่มีงานวิจัยค้นพบว่าสาร epigallocatechin gallate ( EGCG ) ช่วยสลายไขมันและขัดขวางการก่อตัวของไขมันหน้าท้องได้! ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะโพลีฟีนอล ลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้าย ชะลอความเสื่อมของเซลล์ แต่ถ้าดื่มเปล่าๆ รสชาติอาจจะจืดค่อนไปทางขม จึงแนะนำให้เพิ่มรสชาติด้วยน้ำผึ้งและใบมินต์ หากโรยดาร์กช็อกโกแลตด้วยก็ยิ่งช่วยเผาผลาญยิ่งขึ้น เป็นเครื่องดื่มเฮลท์ตี้ที่ซิสไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

    ส่วนผสม
    - กล้วยแช่แข็ง 1 ผล หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
    - ผักโขม baby spinach 1/2 ถ้วย
    - น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา
    - ใบมินต์สด 1 กำมือ
    - ผงชาเขียวมัทฉะ 1 ช้อนชา
    - ผงต้นอ่อนข้าวสาลี 1 ช้อนชา
    - ก้อนน้ำแข็ง 1/2 ถ้วย
    - น้ำเปล่า 3/4 ถ้วย

    วิธีทำ
    - โยนส่วนผสมทุกอย่างลงไปในเครื่องปั่น เริ่มปั่นจากความเร็วต่ำ แล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วเป็นปั่นแรงสุด ใช้เวลา 1-2 นาที หรือจนกว่าเนื้อจะนุ่มเนียน พร้อมเสิร์ฟ *สามารถเพิ่มท็อปปิ้งได้ตามอัธยาศัย เช่น ดาร์กช็อกโกแลต ผลไม้สด เป็นต้น

    2. แพนเค้กโฮลเกรนทาเนยถั่วมะม่วงหิมพานต์ ( plant-based )

    แม้ ' แพนเค้ก ' มักเป็นภาพจำของมื้อเช้าอ้วนๆ เพิ่มน้ำหนักของฝรั่ง แต่ถ้าเรารู้จักเลือกส่วนผสมที่มีประโยชน์ จากอาหารที่มีแต่แป้งกับไขมัน ก็กลายเป็นอาหารเฮลท์ตี้เพิ่มการเผาผลาญได้ เช่นเปลี่ยนประเภทแป้งแพนเค้กปกติ เป็นสูตรโฮลเกรน! ทำให้ร่างกายอิ่มนานขึ้น ได้สารอาหารเยอะขึ้น เมื่อผสมกับนมกัญชงหรือนมจากพืชทั้งหลาย ก็ช่วยเพิ่มรสชาติหอมมันจากถั่วโดยที่แคลอรีน้อยนิด เนยถั่วมะม่วงหิมพานต์เป็นแหล่งไขมันดี ช่วยกระตุ้นให้เบิร์นไขมันได้ดีกว่าเดิม เมื่อท็อปปิ้งด้วยผลไม้เบอร์รีและน้ำผึ้ง ก็ได้วิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระควบคู่กันแบบครบเซต 

    ส่วนผสม
    - แป้งทำวาฟเฟิลหรือแพนเค้กสูตรโฮลเกรน 1 ถ้วย
    - นมกัญชง ( hemp milk ) *ถ้าไม่มีใช้นมอัลมอนด์ นมพิสตาชิโอก็ได้
    - เนยถั่วมะม่วงหิมพานต์ 2 ช้อนโต๊ะ
    - บลูเบอร์รี 1/2 ถ้วย
    - สตรอว์เบอร์รี 1/2 ถ้วย
    - กล้วย 1/2 ถ้วย
    - น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

    วิธีทำ
    1. ใช้ที่ตีไข่ ผสมแป้งทำแพนเค้กกับนมกัญชงให้เข้ากันในชามใบกลาง จนกระทั่งได้เนื้อเนียนไม่เป็นก้อน อุ่นกระทะเหล็กด้วยความร้อน medium-high เทส่วนผสมแป้งแพนเค้กลงไป 1/2 ถ้วย ทิ้งไว้จนแป้งเริ่มสุกเป็นฟองๆ ประมาณ 3 นาที พลิกกลับด้านอีก 1 นาที
    2. ตักเนยถั่วมะม่วงหิมพานต์ลงไป โปะบนหน้าแพนเค้ก ( ถ้าอยากได้แพนเค้กตั้งเป็นทรงสูงสวยๆ ก็โปะเนยถั่วแล้วนำมาประกบเรียงกัน ) เสิร์ฟพร้อมผลไม้ ราดด้วยน้ำผึ้งเป็นอันเสร็จ

    3. สมูทตี้ส้มสีเลือดใส่หัวบีท

    ' หัวบีท ' ขึ้นชื่อในคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยให้ตับทำงานดีขึ้น เป็นแหล่งของธาตุเหล็กและวิตามินบีรวม หากกินสดๆ แล้วรสชาติไม่น่ารื่นรมย์เท่าไหร่ เราแนะนำให้นำมาปั่นเป็นสมูทตี้รวมกับ ' ส้มสีเลือด ' ที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง เพื่อเพิ่มรสกลมกล่อมและความสดชื่น ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ เพิ่มภูมิคุ้มกัน เบิร์นไขมันได้ดีเยี่ยม สูตรนี้ยังช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย ขับล้างสารพิษให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ใครที่กินหนัก กินเยอะ หรือเป็นสายดื่มแอลกอฮอล์ ต้องการกู้ร่างไวๆ สมูทตี้สูตรนี้คือนัมเบอร์วัน! 

    ส่วนผสม
    - หัวบีทหัวเล็ก 1 หัว
    - ส้มสีเลือดปอกเปลือกแล้ว 1 ผล
    - ขิงสดขูด 1 ช้อนชา
    - น้ำส้มคั้นสด 180 มิลลิลิตร
    - น้ำแข็ง 1/2 ถ้วย

    วิธีทำ
    - ผสมทุกอย่างลงไปในเครื่องปั่น เริ่มปั่นด้วยความเร็วระดับต่ำ เมื่อส่วนผสมเริ่มละเอียดแล้วปั่นระดับสูงสุด 1-2 นาทีจนเนื้อเนียนนุ่ม พร้อมเสิร์ฟได้เลย

    4. เชียพุดดิ้งโกลเด้นมิลค์

    เมล็ดเชียหรือ Chia Seeds เป็นที่รู้กันว่าสารอาหารสูงปรื๊ด! กินแล้วอิ่มนาน ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย เพราะเป็นแหล่งของไขมันดีและไฟเบอร์ ช่วยต่อต้านการอักเสบในร่างกาย ทำให้เผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น จะกินเพื่อลดน้ำหนัก คุมน้ำหนัก หรือแค่อยากกินวีแกน/ คีโต เมนูนี้ก็ตอบโจทย์เช่นกัน! แนะนำให้กินเป็นมื้อเช้าแบบเบาๆ ไม่หนักท้องมาก แม้ส่วนผสมจะดูเยอะแต่ทำไม่ยากอย่างที่คิด เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยขมิ้น อบเชย ขิง ใบกระวาน เพิ่มการเบิร์นไขมันเข้าไปอีก เพิ่มความหอมมันด้วยกะทิและวานิลลา เป็นอาหาร superfoods สุดเฮลตี้ที่ไม่อยากให้ซิสพลาดเลยค่ะ

    ส่วนผสม
    - chia seeds 6 ช้อนโต๊ะ
    - ผงสตีเวีย ( หญ้าหวาน ) 2 ช้อนโต๊ะ
    - ขมิ้นผง 1 ช้อนชา
    - อบเชย 1/2 ช้อนชา
    - ขิงขูด 1 ช้อนชา
    - ผงกระวาน 1/4 ช้อนชา *ใส่หรือไม่ก็ได้
    - เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา
    - พริกไทยดำป่นสด 1 หยิบมือ
    - กะทิสด full-fat 1 กระป๋อง
    - Vanilla Extract 1/2 ช้อนชา

    วิธีทำ
    1. เท chia seeds ใส่ชามใบใหญ่ ใช้ที่ตีไข่ผสมน้ำตาลเทียม ขมิ้น อบเชย ขิง ผงกระวาน เกลือและพริกไทยให้เข้ากันจนกระทั่งได้เนื้อเนียน เทกะทิกับวานิลลาลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง ระวังกะทิเป็นก้อน จะไม่อร่อย
    2. แบ่งส่วนผสมออกเป็น 4 ชาม แรปปากชามด้วยพลาสติกใส นำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ( แนะนำให้แช่ข้ามคืน ) เพื่อให้เนื้อพุดดิ้งแข็งตัว *แนะนำให้เช็กเนื้อพุดดิ้งหลังแช่ 30 นาที ถ้าเนื้อเป็นก้อนๆ ให้นำออกมาคนให้เข้ากันอีกครั้ง เพื่อเนื้อนุ่มลิ้นนะคะ*

    5. ไข่อบเห็ดและผักโขม 10 นาที

    เมนู ' ไข่ ' เชื่อว่าสาวๆ แทบทุกคนคงไม่ปฏิเสธ ทั้งอร่อย ทำอาหารได้แทบทุกชนิด เป็นแหล่งของโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ผสมกับผักโขมที่ช่วยต่อต้านการอักเสบในร่างกาย เห็ดก็มีแคลอรีต่ำจนแทบจะเป็นศูนย์ คลุกเคล้ากับน้ำมันมะกอกที่เป็นไขมันดี เร่งเมตาบอลิซึม ควบคุมคอเลสเตอรอลในเลือด แถมใช้เวลาอบทั้งหมดแค่ 10 นาทีเท่านั้น เพิ่มไขมันเล็กน้อยด้วยเบคอนหรือแฮม รับรองว่ามื้อนี้อิ่มไปยาวๆ ถึงมื้อต่อไปแน่นอนค่า

    ส่วนผสม
    - น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
    - หัวหอมสับหัวเล็ก 1 หัว
    - เห็ดหั่นสไลซ์ 2 ถ้วย
    - เบคอนหรือแฮม หั่นเป็นแผ่นบางๆ 4 แผ่น
    - ผักโขมแช่แข็ง ( ละลายน้ำแข็งแล้ว ) 1/2 ถุง หรือผักโขมสด 1 กำมือ
    - พริกขี้หนูเขียว นำไปย่าง 1/2 กระป๋อง
    - เกลือและพริกไทย เพิ่มรสชาติ
    - ไข่ 4 ฟอง

    วิธีทำ
    1. อุ่นเตาอบให้ร้อนที่ 190 องศาเซลเซียส อุ่นน้ำมันให้ร้อนในกระทะใบใหญ่ด้วยความร้อนระดับกลาง ใส่หัวหอม ผัดให้สุกประมาณ 3 นาทีหรือจนกว่าหัวหอมจะเป็นสีใสๆ ใส่เห็ดลงไป ผัดต่ออีก 5 นาทีหรือจนกว่าเห็ดจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน
    2. ใส่เบคอน ผักโขมและพริกขี้หนูเขียวลงไป ผัดต่ออีก 2-3 นาทีหรือจนกว่าผักโขมจะสุกดี หากผักโขมมีน้ำออกมา ค่อยๆ ตักออก เติมรสด้วยเกลือและพริกไทย
    3. แบ่งส่วนผสมออกเป็น 4 ชาม เทใส่ชามที่เข้าเตาอบได้ ( ทาเนยบางๆ ให้ทั่วก่อนเพื่อป้องกันส่วนผสมติดชาม )
    4. ตอกไข่ลงไปในแต่ละชาม ให้ไข่แดงไม่แตกและยังอยู่ด้านบนเพื่อความสวยงาม นำชามเข้าไปอบจนกว่าไข่ขาวจะสุกแต่ไข่แดงยังเยิ้มๆ อยู่ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ

    **หากต้องการโปรตีนเพิ่มเติม ใส่ชีส ไก่ ได้ตามใจชอบ หรือเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นขึ้นด้วยสมุนไพร เช่น พาร์สลีย์ ใบไทม์ โรสแมรี่ และครีม

    6. ทาร์ตหน้าผลไม้สดและครีมสด

    ' ทาร์ตผลไม้ ' ชื่อก็ฟังดูเป็นขนมหวานชวนอ้วนทั่วๆ ไป แต่ถ้าปรับส่วนผสมให้ไขมันน้อยลง แคลอรีต่ำลง ก็กลายเป็นขนมเฮลท์ตี้ที่ช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึมได้นะคะซิส! ตัวแป้งทำจากเพรทเซลและแครกเกอร์ป่นจึงไม่หนักท้องเกินไป ไส้ผลไม้ตระกูลเบอร์รีจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง บำรุงสายตา กระตุ้นการขับถ่าย หากท็อปปิ้งหน้าขนมด้วยอัลมอนด์ก็ยิ่งเริ่ด เพราะเป็นแหล่งของไขมันดี ช่วยเบิร์นไขมันส่วนเกินในร่างกายได้ด้วยค่ะ หากกลัวจะอ้วนเกินไป ก็เน้นผลไม้ ทาซอสตัสตาร์ดบางๆ ก็พอเนอะ ไปลองทำกันเลยค่า

    ส่วนผสม
    ( แป้งทาร์ตและซอสคัสตาร์ด )
    - ขนมเพรทเซลแบบไม่ใส่เกลือ ทุบให้แตกละเอียด 2/3 ถ้วย
    - แครกเกอร์รสจืดป่นละเอียด 2/3 ถ้วย
    - เนยเหลว 4 ช้อนโต๊ะ
    - ไข่ขาวที่ตีแล้ว 1 ฟอง / ไข่แดงที่ตีแล้ว 2 ฟอง
    - น้ำตาล 1/2 ถ้วย / แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
    - เกลือ 1/4 ช้อนชา
    - นมสด 2 ถ้วย / วานิลลา 1 ช้อนชา

    ( ไส้ผลไม้ 4 ไส้ )
    - สตรอว์เบอร์รี, มะม่วง, กีวี, บลูเบอร์รี ทั้งหมดหั่นชิ้น ใช้ไส้ละประมาณ 2 ถ้วย ( ขึ้นอยู่กับว่าอยากได้ไส้ตู้มๆ แค่ไหน )

    ( ท็อปปิ้งตามชอบ )
    - ถั่วอัลมอนด์

    วิธีทำ
    1. อุ่นเตาอบให้ร้อนที่ 190 องศาเซลเซียสในชามขนาดกลาง ผสมเพรทเซล แครกเกอร์ และเนยเหลวให้เข้ากัน เทไข่ขาวลงไป กดส่วนผสมแป้งทาร์ตให้เท่าๆ กันทั้งบน ล่าง และด้านข้างของถาดอบทาร์ตขนาด 9 นิ้ว 
    2. นำเข้าเตาอบ 10 นาทีหรือจนกว่าแป้งทาร์ตจะแข็งตัว ทิ้งไว้บนตะแกรงให้เย็น
    3. ได้เวลาทำไส้ผลไม้! ใส่แป้งข้าวโพด น้ำตาลและเกลือลงไปในหม้อ ต้มและคนให้ส่วนผสมเข้ากัน ค่อยๆ เติมนมลงไป คนต่อด้วยความร้อนระดับกลางจนได้เนื้อเข้มข้นและเป็นฟอง ต้มต่ออีก 2 นาที
    4. ค่อยๆ ตักซอสในหม้อออกมาครึ่งหนึ่งเพื่อผสมกับไข่แดง ก่อนจะเทไข่แดงทั้งหมดลงไปในหม้อ คนใช้ไฟอ่อนอีก 2 นาที ปิดไฟยกลงจากเตา เติมวานิลลา เทใส่ชาม แร็ปปากชามด้วยพลาสติกใส นำไปแช่ตู้เย็น 1-4 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ โดยเทคัสตาร์ดลงไปในแป้งทาร์ต ท็อปปิ้งด้วยผลไม้ตามชอบได้เลยค่ะ

    7. สลัดแตงกวาผักดอง

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดสุขภาพ)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe