

สุขภาพ
#อย่าคิดว่าแค่เหนื่อย! 7 สัญญาณน่ากังวลของ ' ภาวะต่อมหมวกไตล้า ' จากความเครียด เสี่ยงโรคร้ายไม่รู้ตัว
ร่างกายของคนเราก็ไม่ต่างกับกระจกที่สะท้อน ' สุขภาพภายใน ' ของเรา แม้จะมีสัญญาณเตือนเพียงนิดเดียว ก็อาจเป็นคำเตือนที่เธอควรรีบหาต้นตอ ก่อนอาการนั้นจะลุกลาม ขยายไปเรื่อยๆ จนรู้อีกทีไปฟื้นที่เตียงโรงพยาบาลนะคะซิส!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
1. เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เอะอะก็อยากจะนอน จะฟุบ
2. โหยของกินที่มี ' น้ำตาลและเกลือ ' สูงๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ
3. ความดันเลือดต่ำ รู้สึกเหมือน #อยากจะวูบ ตลอดเวลา
4. น้ำหนักลดฮวบผิดปกติ ทั้งที่ไม่ได้ไดเอทอยู่
5. รู้สึกปวดๆ ในช่องท้อง ( Abdominal Pain )
6. ปวดเนื้อปวดตัว เมื่อย เจ็บทั่วร่างกาย ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ
7. อารมณ์สวิง ท้องเสีย มึนหัว อาเจียนไม่มีสาเหตุ
สวัสดีค่า สาวๆ SistaCafe ที่อยากสุขภาพดี ห่างไกลโรคทุกคน ^◡^
สภาพสังคมบ้านเราตอนนี้ ก็ต้องยอมรับว่ามีเรื่องให้เครียดเยอะมากก ทั้งเรื่องโควิด เศรษฐกิจตกต่ำ วัคซีนที่ยังไม่คืบหน้า ยิ่งถ้าบวกกับความกดดันจากหน้าที่การงาน หรือเร่งเรียนทำเกรดเพื่ออนาคตด้วยแล้วนั้น ก็เรียกว่าพังทั้งกายพังทั้งใจกันเลยทีเดียว จะสังเกตว่าคนรุ่นใหม่เริ่มป่วยง่ายขึ้นตั้งแต่อายุน้อยๆ ทั้งปวดหัว ปวดหลัง ปวดกระบอกตา ออฟฟิศซินโดรม รวมถึงโรคซึมเศร้าที่พบกันมากขึ้นด้วยเช่นกัน
หนึ่งในโรคภัยที่สาวซิสไม่ควรมองข้าม เพราะบางคนอาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าโรคนี้มีอยู่บนโลก! นั่นก็คือ ' ภาวะต่อมหมวกไตล้า ( adrenal fatigue ) ' ซึ่งมีสาเหตุจากต่อมหมวกไตเล็กๆ เหนือไตที่มีหน้าที่ผลิตและควบคุมฮอร์โมน ตั้งแต่ความดันโลหิต ระบบเผาผลาญ ภูมิคุ้มกันร่างกายและการสืบพันธุ์ ซึ่งมีหลักฐานว่า ' ความเครียดขั้นรุนแรง ' อาจทำให้ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนบางชนิดได้น้อยลง นำไปสู่โรคนี้ได้ในที่สุด ร้ายแรงสุดอาจถึงชีวิตเลยทีเดียว! วันนี้เราขอพาสาวๆ มาส่อง ' 7 สัญญาณน่าห่วง อาจเป็นโรคภาวะต่อมหมวกไตล้า ' ที่หลายคนมักมองข้ามไป แต่อาจอันตรายกว่าที่คิด!!!
1. เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เอะอะก็อยากจะนอน จะฟุบ
สัญญาณแรกที่สังเกตได้ชัดสุดคือ ' ความเหนื่อย ' เพลีย อ่อนล้าแบบไม่รู้สาเหตุ การลืมตาตื่นขึ้นมาในทุกวันคือความน่าเบื่อ ทรมาน บางวันตื่นมาแบบหนักหัวอึ้งๆ ตื้อๆ รู้สึกเหมือนยังไม่ได้พักผ่อนด้วยซ้ำ ร่างกายหวิวๆ หนังตาจะปิด ง่วงพร้อมจะฟุบได้ตลอดเวลา นั่งเรียนออนไลน์หรือประชุมงานอยู่ดีๆ บางครั้งภาพตัดไปเลย หลับ! การต้องเข็นตัวเองขึ้นมาทำงานอะไรสักอย่างนั้นยากมาก ทั้งที่เมื่อก่อนก็สดชื่น กระปรี้กระเปร่ากว่านี้ อันนี้น่าห่วงว่าจะเป็นภาวะต่อมหมวกไตล้าแล้วละค่ะ
ต้องบอกก่อนว่า ' ความเหนื่อย ' เป็นอาการที่ชี้ชัดยาก มันเป็นได้หลายโรคมากๆ บางครั้งอาจจะเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรง หรือความเจ็บป่วยอื่นๆ เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง ( SLE ) หรือโรคไฟโบรมัยอัลเจีย ( Fibromyalgia ) ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง รวมถึงโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า ดังนั้นหากร่างกายเพลียหนักเกินปกติ ทั้งที่นอนแล้วแต่รู้สึกไม่มีพลังงานใช้ชีวิตเลย ก็ไปหาหมอเพื่อตรวจวินัยฉัยเบื้องต้นจะเซฟที่สุดค่ะ
ต้องบอกก่อนว่า ' ความเหนื่อย ' เป็นอาการที่ชี้ชัดยาก มันเป็นได้หลายโรคมากๆ บางครั้งอาจจะเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรง หรือความเจ็บป่วยอื่นๆ เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง ( SLE ) หรือโรคไฟโบรมัยอัลเจีย ( Fibromyalgia ) ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง รวมถึงโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า ดังนั้นหากร่างกายเพลียหนักเกินปกติ ทั้งที่นอนแล้วแต่รู้สึกไม่มีพลังงานใช้ชีวิตเลย ก็ไปหาหมอเพื่อตรวจวินัยฉัยเบื้องต้นจะเซฟที่สุดค่ะ
2. โหยของกินที่มี ' น้ำตาลและเกลือ ' สูงๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ
อาการต่อมาที่เข้าข่ายต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นภาวะต่อมหมวกไตล้า คือ ' อยากของหวานและของเค็ม ' โดยไม่มีที่สิ้นสุด ยัดใส่ปากเท่าไหร่ก็ไม่พอ ขอให้มีน้ำตาลและเกลือเยอะๆ ไว้ก่อน ซึ่งก็หนีไม่พ้นขนมถุง ของมันของทอด จั๊งก์ฟู้ด ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมการกินจุบจิบ น้ำหนักพุ่ง เสี่ยงโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูงเพิ่มไปอีก... #กุมขมับ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะโดยปกติแล้ว ต่อมหมวกไตจะมีหน้าที่ควบคุมอัตราการเผาผลาญและจำนวนเกลือแร่ในร่างกาย แต่เมื่อร่างกายไม่ปกติ ต่อมนี้ก็ทำงานไม่เหมือนเดิม ฮอร์โมนจึงสวิงไปมาเหมือนเล่นรถไฟเหาะ หลั่งออกมาขาดๆ เกินๆ แทนที่กินเท่านี้แล้วจะอิ่ม กลับอยากขนม อยากของเค็มๆ เพื่อเติมเต็มความหิวที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น อย่าเพิ่งคิดไปเองว่าเราตะกละเอง ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะการกินแบบควบคุมสมองตัวเองไม่ได้มันน่ากลัวนะ! ถ้าเป็นอย่างหลังรีบไปปรึกษาหมอด่วน ก่อนจะสายเกินไปค่ะ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะโดยปกติแล้ว ต่อมหมวกไตจะมีหน้าที่ควบคุมอัตราการเผาผลาญและจำนวนเกลือแร่ในร่างกาย แต่เมื่อร่างกายไม่ปกติ ต่อมนี้ก็ทำงานไม่เหมือนเดิม ฮอร์โมนจึงสวิงไปมาเหมือนเล่นรถไฟเหาะ หลั่งออกมาขาดๆ เกินๆ แทนที่กินเท่านี้แล้วจะอิ่ม กลับอยากขนม อยากของเค็มๆ เพื่อเติมเต็มความหิวที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น อย่าเพิ่งคิดไปเองว่าเราตะกละเอง ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะการกินแบบควบคุมสมองตัวเองไม่ได้มันน่ากลัวนะ! ถ้าเป็นอย่างหลังรีบไปปรึกษาหมอด่วน ก่อนจะสายเกินไปค่ะ
3. ความดันเลือดต่ำ รู้สึกเหมือน #อยากจะวูบ ตลอดเวลา
อีกหนึ่งสัญญาณที่ควรระวัง ( มากๆ ) หากเป็นภาวะต่อมหมวกไตล้าก็คือ ' ความดันเลือดต่ำ ' หรืออธิบายง่ายๆ คือรู้สึกเหมือนจะวูบตลอดเวลา ไม่สามารถเดินหรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงกายต่อเนื่องได้เป็นเวลานาน หัวเบาโหวงตอนลุกยืนขึ้นเร็วเกินไป มึนๆ เวียนหัว บางทีก็รู้สึกหวิวๆ ต้องหาพนักพิงเกาะ เก้าอี้นั่ง หากฝืนตัวเองบางคนก็เป็นลมล้มหัวฟาดพื้นเลยก็มี
อาการนี้เกิดจากที่ร่างกายขาดฮอร์โมน mineralocorticoids ในต่อมหมวกไตซึ่งมีหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ถ้าร่างกายปกติก็ใช้ชีวิตได้ แต่เมื่อเป็นโรคนี้ ฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกมาน้อยเกินไป ส่งผลต่อการหมดสติ บางรายอาจไม่ถึงกับหน้ามืด แต่ไปตรวจความดันเลือดแล้วต่ำกว่าที่เคยเป็น ถ้าใช่ก็ควรเข้าพบหมอเพื่อขอคำปรึกษาได้แล้วค่ะ
อาการนี้เกิดจากที่ร่างกายขาดฮอร์โมน mineralocorticoids ในต่อมหมวกไตซึ่งมีหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ถ้าร่างกายปกติก็ใช้ชีวิตได้ แต่เมื่อเป็นโรคนี้ ฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกมาน้อยเกินไป ส่งผลต่อการหมดสติ บางรายอาจไม่ถึงกับหน้ามืด แต่ไปตรวจความดันเลือดแล้วต่ำกว่าที่เคยเป็น ถ้าใช่ก็ควรเข้าพบหมอเพื่อขอคำปรึกษาได้แล้วค่ะ
4. น้ำหนักลดฮวบผิดปกติ ทั้งที่ไม่ได้ไดเอทอยู่
การที่น้ำหนักลดฮวบ ผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะหลงดีใจว่าอยู่ดีๆ ก็ผอมลง แต่ไม่ทันได้คิดว่ามันอาจเป็นสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ! วิธีสังเกตคือ ถ้าอยู่ดีๆ น้ำหนักตัวมากกว่า 5% ของร่างกายลดไปซะเฉยๆ ในเวลาประมาณครึ่งปี ( เช่น น้ำหนัก 50 กิโล ก็ลดไป 5 กิโลกรัม ) ทั้งที่กินอาหารเท่าเดิม ออกกำลังกายเท่าเดิม ไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมประจำวันใดๆ ทั้งนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย ต้องรีบไปพบหมอโดยด่วน
จำไว้นะคะ น้ำหนักลดแบบไม่ตั้งใจลด มักเป็นสิ่งที่ก่อเกิดปัญหาเสมอ! แม้จะไม่ใช่ภาวะต่อมหมวกไตล้า ก็อาจเป็นอาการของโรคร้ายแรงอื่นอยู่ดี เช่น ไฮเปอร์ไทรอยด์, เบาหวาน, มะเร็งชนิดต่างๆ เป็นต้น หากไปโรงพยาบาล หมอจะเช็กด้วยการเจาะเลือดเพื่อตรวจอย่างละเอียด แบบนั้นจะดีกับสุขภาพในระยะยาวมากกว่า ไม่ต้องนั่งมโนว่าผอมลงจากอะไรกันแน่ค่ะ
จำไว้นะคะ น้ำหนักลดแบบไม่ตั้งใจลด มักเป็นสิ่งที่ก่อเกิดปัญหาเสมอ! แม้จะไม่ใช่ภาวะต่อมหมวกไตล้า ก็อาจเป็นอาการของโรคร้ายแรงอื่นอยู่ดี เช่น ไฮเปอร์ไทรอยด์, เบาหวาน, มะเร็งชนิดต่างๆ เป็นต้น หากไปโรงพยาบาล หมอจะเช็กด้วยการเจาะเลือดเพื่อตรวจอย่างละเอียด แบบนั้นจะดีกับสุขภาพในระยะยาวมากกว่า ไม่ต้องนั่งมโนว่าผอมลงจากอะไรกันแน่ค่ะ
5. รู้สึกปวดๆ ในช่องท้อง ( Abdominal Pain )
อีกสัญญาณน่ากลัวควรระวังสำหรับสาวๆ ก็คือ ' การปวดในช่องท้องแบบไม่รู้สาเหตุ ' รู้สึกไม่สบายท้อง ปวดเกร็ง ตะคริว ซึ่งที่จริงการปวดท้องน้อยก็มีหลายสาเหตุมาก เช่น ไวรัสลงกระเพาะ กรดแก๊ส ปวดประจำเดือน แต่ถ้าสาวๆ ปวดช่องท้องต่อเนื่องมากกว่า 1 วัน หรือปวดท้องอย่างรุนแรงต่อเนื่องหลายชั่วโมง เราแนะนำให้รีบไปหาหมอเพื่ออัลตร้าซาวน์และตรวจภายในโดยด่วนค่ะ
ถ้าปวดช่องท้อง และยังมีอาการอื่นๆ ในบทความนี้ร่วมด้วย เช่น ความดันต่ำ เป็นลมง่าย ชอบกินของหวานของเค็ม ก็มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นภาวะต่อมหมวกไตล้า เนื่องจากต่อมนี้ผลิตฮอร์โมน glucocorticoids ที่ควบคุมสมดุลของน้ำตาล กลูโคสและโปรตีน ออกมาไม่เพียงพอ จึงนำไปสู่ภาวะอาหารไม่ย่อยอย่างรุนแรงได้ค่ะ
6. ปวดเนื้อปวดตัว เมื่อย เจ็บทั่วร่างกาย ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดสุขภาพ)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe