

ความงาม
#ขี้เกียจยังไงก็ต้องทา! 7 'สกินแคร์เบสิค must have' ที่สาวๆ ต้องใช้ใน Skincare Routine เพื่อผิวสวยสุดปัง
ใน skincare routine แต่ละคนก็มีไอเทมที่แตกต่างกันออกไป ด้วยความขี้เกียจใช้เยอะ ทาเยอะ หลายคนเลยตัดขั้นตอนเหลือใช้แค่ไม่กี่ตัว ( หรือบางทีก็ไม่ใช้สักตัว - - ) ไม่ได้เด้อ! ถ้าอยากอายุเยอะขึ้นแบบผิวยังดูดี ยังไงก็ขาด 7 สิ่งนี้ไปไม่ได้!!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
1. โฟมล้างหน้า
2. เมคอัพรีมูฟเวอร์
3. สครับขัดผิว ( ทั้งผิวหน้าและผิวกาย )
4. โทนเนอร์
5. อายครีม
6. ครีมกันแดด
7. ลิปบาล์ม
สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafe ที่อยากสวยแต่ #ขี้เกียจอะ ทั้งหลายยย! ( ̄▽ ̄)
ผู้หญิงทุกคนอยากสวย ( หรืออย่างน้อยก็ต้องอยากดูดี ) กันทั้งนั้นแหละ เข้าใจ แต่ความสวยมันก็ต้องมาพร้อมกับวินัยด้วยนะ ไม่ใช่ขี้เกียจ ทาๆ เลิกๆ ถ้าทุกคนเกิดมาผิวดี เรียบเนียนกระจ่างใส ล้างแต่น้ำเปล่าผิวก็ยังตึงเป๊ะ สกินแคร์ทั้งโลกก็คงเจ๊งไปหมดแล้ว จริงมั้ย? เพราะงั้นถ้าไม่อยากไปคลินิกดึงหน้า อัดโบแบบเต็มสูบตอนอายุ 30 อัพ ก็ควรเริ่มใส่ใจใน ' ขั้นตอนสกินแคร์ ' ของตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพราะทุกไอเทมที่เธอใช้และทาบนผิวหน้า มีผลกับสภาพผิวของเธอในอนาคตอย่างแน่นอนค่ะ
วงการบิวตี้ยุค 2021 นี้ อาจมีโปรดักส์ความงามและของเล่นอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยบำรุง เติมแต่งผิวหน้ามากมาย ซึ่งถ้ามีงบ จะซื้อมาลองใช้ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้างบน้อยใช้สอยอย่างประหยัด ต้องการแค่ไอเทมพื้นฐานที่ช่วยป้องกัน ฟื้นฟูปัญหาผิวได้ก็พอ เราแนะนำให้มาอ่าน ' 7 สกินแคร์เบสิค Must Have ที่สาวๆ ทุกคนควรใช้ใน Skincare Routine ' เพื่อผิวสวยปิ๊งจนใครๆ ก็ต้องทัก โดยใช้ไอเทมแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น! พร้อมแล้วไปโลดค่าา (☆▽☆)
1. โฟมล้างหน้า
ไอเทมแรกที่สาวๆ สายบิวตี้ส่วนใหญ่มักมองข้ามคือ ' โฟมล้างหน้า / คลีนซิ่งโฟม ' เพราะเห็นว่าล้างบนผิวได้แป๊บๆ ไม่กี่วินาทีก็ล้างออก ยังไม่ทันได้ออกฤทธิ์บำรุงอะไรมากมาย ใช้ตัวไหนก็เหมือนกันหมด หรือลงทุนกับโฟมล้างหน้าหนักมาก หลายพันบาทหรือบางทีเป็นหมื่น แต่ล้างไปหน้าก็ยังพัง มีตุ่มสิวขึ้นรัวๆ อยู่ดี #เสียดายเงินแทน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ราคาของมันไม่ใช่ประเด็น แต่อยู่ที่ว่าโฟมตัวนั้นเหมาะกับ ' สภาพผิว ' ของเธอหรือไม่ต่างหากค่ะ
แม้จะเป็นแค่ไอเทมล้างหน้า แต่ถ้าใช้ให้แมทช์ตรงกับผิว มันก็ช่วยปรับสมดุลผิวให้เรียบเนียน และทำให้หน้าอุดตันได้ยากขึ้น เช่น ผิวหน้าแห้ง จับแล้วหยาบกร้านถูดังเอี๊ยดๆ ก็ควรเลือกคลีนซิ่งเนื้อครีมเพื่อล็อกความชุ่มชื้นให่ผิว, ผิวหน้ามัน ควรใช้มาสก์โคลนพอกหน้าเพื่อผิวไบรท์ กระจ่างใส ดึงสิ่งสกปรกจากรูขุมขนที่อุดตัน เท่านี้สาวๆ ก็เริ่มก้าวขั้นแรกไปอย่างสวยงามแล้วละ
แม้จะเป็นแค่ไอเทมล้างหน้า แต่ถ้าใช้ให้แมทช์ตรงกับผิว มันก็ช่วยปรับสมดุลผิวให้เรียบเนียน และทำให้หน้าอุดตันได้ยากขึ้น เช่น ผิวหน้าแห้ง จับแล้วหยาบกร้านถูดังเอี๊ยดๆ ก็ควรเลือกคลีนซิ่งเนื้อครีมเพื่อล็อกความชุ่มชื้นให่ผิว, ผิวหน้ามัน ควรใช้มาสก์โคลนพอกหน้าเพื่อผิวไบรท์ กระจ่างใส ดึงสิ่งสกปรกจากรูขุมขนที่อุดตัน เท่านี้สาวๆ ก็เริ่มก้าวขั้นแรกไปอย่างสวยงามแล้วละ
2. เมคอัพรีมูฟเวอร์
สายๆ สายเมคอัพยิ่งขาดไม่ได้ มันคือไอเทมชี้เป็นชี้ตายว่าหลังแต่งหน้าแล้ว ผิวของเธอจะยังสวยดูดี สิวไม่เห่อไม่ผุดหรือไม่? เพราะคงไม่มีใครอยากสวยเฉพาะตอนแต่งหน้า แต่อายหน้าสดสุดพลังเพราะมีสิว กระฝ้า จนต้องใช้คอนซิลเลอร์กับรองพื้นกดทับตลอดหรอกใช่ไหมล่ะ เมื่อแต่งหน้าจนพอใจแล้ว ก็ต้องเลือกไอเทมกู้ชีพอย่าง ' รีมูฟเวอร์ ' เพื่อเช็ดให้ใสสะอาดค่ะ
แม้รีมูฟเวอร์ในท้องตลาดจะมีหลายสูตรมากๆ แต่ยุคนี้เราขอแนะนำเป็น ' ไมเซลลาร์วอเตอร์ ' ที่เช็ดแล้วหน้าใสกิ๊งได้ทันใจ ด้วยอนุภาคไมเซลลาร์ที่ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กดึงสิ่งสกปรก ฝุ่นควันและคราบเมคอัพส่วนเกินออกมา จะใช้แบบน้ำชุบสำลี หรือเป็นแบบแผ่น makeup wipes ก็ได้หมด แต่ถ้าเป็นสาวผิวแพ้ง่ายมากๆ ควรใช้เป็นคลีนซิ่งบาล์ม ( cleansing balm ) แทน เพื่อลดการเสียดสีกับผิว และถ้าเป็นคนแต่งหน้าค่อนข้างหนัก คัดเบ้าเต็ม ปากทาทิ้นท์แน่นๆ ถูจนปากเปื่อยยังไม่หลุด ให้ซื้อ ' Lip & Eye Remover ' แยกเพื่อใช้ลบตากับปากโดยเฉพาะ เพื่อลดการเช็ดตาและปากแรงๆ โดยไม่จำเป็นค่ะ
แม้รีมูฟเวอร์ในท้องตลาดจะมีหลายสูตรมากๆ แต่ยุคนี้เราขอแนะนำเป็น ' ไมเซลลาร์วอเตอร์ ' ที่เช็ดแล้วหน้าใสกิ๊งได้ทันใจ ด้วยอนุภาคไมเซลลาร์ที่ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กดึงสิ่งสกปรก ฝุ่นควันและคราบเมคอัพส่วนเกินออกมา จะใช้แบบน้ำชุบสำลี หรือเป็นแบบแผ่น makeup wipes ก็ได้หมด แต่ถ้าเป็นสาวผิวแพ้ง่ายมากๆ ควรใช้เป็นคลีนซิ่งบาล์ม ( cleansing balm ) แทน เพื่อลดการเสียดสีกับผิว และถ้าเป็นคนแต่งหน้าค่อนข้างหนัก คัดเบ้าเต็ม ปากทาทิ้นท์แน่นๆ ถูจนปากเปื่อยยังไม่หลุด ให้ซื้อ ' Lip & Eye Remover ' แยกเพื่อใช้ลบตากับปากโดยเฉพาะ เพื่อลดการเช็ดตาและปากแรงๆ โดยไม่จำเป็นค่ะ
3. สครับขัดผิว ( ทั้งผิวหน้าและผิวกาย )
สาวๆ มากมายไม่กล้าใช้ ' สครับ ' ทั้งหน้าและตัว เพราะกลัวว่าผิวจะยิ่งสาก หยาบกร้าน หรือเป็นแผลมากกว่าเดิม แต่ถ้าอยากผิวหน้าใสเรียบเนียนจริงๆ ยังไงก็หนีสครับไม่พ้นค่ะ! ผิวหนังของเราก็เหมือนหน้าดินหรือผืนผ้าใบที่ขรุขระ มีฝุ่นและสิ่งสกปรกเกาะอยู่ตลอดเวลา และระบบร่างกายยังมีการผลัดเซลล์ผิวเรื่อยๆ ทุกเดือน เซลล์ผิวที่ตายแล้วก็จะลอยขึ้นมาบนผิวชั้นนอก ถ้าไม่สครับออก เซลล์เหล่านั้นจะสะสมอัดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าโชคดีก็แค่ผิวหมอง ผิวขรุขระ โชคร้ายหน่อยก็สิวอุดตันบุก ต้องมาทาเจลแต้มสิวให้เจ็บใจเล่น TT
สครับในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงสครับเป็นเม็ดเล็กๆ สากๆ แบบสครับน้ำตาล สครับกาแฟเท่านั้น แต่รวมถึงการใช้กรดผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ เช่น AHA, BHA เพื่อเร่งผลัดเซลล์ผิวออกอย่างเป็นธรรมชาติควบคู่ไปด้วย เพื่อให้หน้าใสปิ๊งมากยิ่งขึ้น ( แต่ถ้าผิวแพ้ง่าย ก็เลือกสกินแคร์ที่เปอร์เซนต์กรดต่ำไว้ก่อนนะ เพราะหน้าอาจจะลอกหรือแสบได้ ) ขัดผิวเป็นประจำทุกสัปดาห์ สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการรบกวนผิวแทน เจ็บผิวขึ้นมาจะอดสครับกันไปยาวๆ นะจ๊ะ
สครับในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงสครับเป็นเม็ดเล็กๆ สากๆ แบบสครับน้ำตาล สครับกาแฟเท่านั้น แต่รวมถึงการใช้กรดผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ เช่น AHA, BHA เพื่อเร่งผลัดเซลล์ผิวออกอย่างเป็นธรรมชาติควบคู่ไปด้วย เพื่อให้หน้าใสปิ๊งมากยิ่งขึ้น ( แต่ถ้าผิวแพ้ง่าย ก็เลือกสกินแคร์ที่เปอร์เซนต์กรดต่ำไว้ก่อนนะ เพราะหน้าอาจจะลอกหรือแสบได้ ) ขัดผิวเป็นประจำทุกสัปดาห์ สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการรบกวนผิวแทน เจ็บผิวขึ้นมาจะอดสครับกันไปยาวๆ นะจ๊ะ
4. โทนเนอร์
เป็นอีกไอเทมที่โดนมองข้ามตลอดๆ โดยเฉพาะมือใหม่เพิ่งเข้าวงการ เพราะเห็นว่า ' โทนเนอร์ ' ไม่ได้มีหน้าที่อะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ บางคนบอกว่าเหมือนเอาน้ำเปล่ามาลูบหน้า เหยย ไม่จริงนะยูว ที่จริงมันคือขั้นตอนปรับสมดุล ช่วยลดหน้ามัน ลดสิวได้ดีกว่าครีมบำรุงด้วยซ้ำ เพราะมันคือสกินแคร์ด่านแรกหลังล้างหน้า ที่ช่วยสกัดกั้นปัญหาผิวได้ทันที!
หลังล้างหน้าด้วยโฟมปกติ ส่วนใหญ่ผิวหน้าของเราจะเสียค่า pH ที่สมดุลไป ทำให้เกิดสิว หน้ามันเยิ้ม หรือหน้าแห้งกร้านได้ แต่โทนเนอร์จะเข้าไปปรับสมดุลให้พอดี ปลอบประโลมผิว พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป เราแนะนำให้ใช้สูตรที่เป็น ' alcohol-free ' หรือไม่ใส่แอลกอฮอล์ ป้องกันหน้าแห้งกร้านเกินไป หากเลือกเป็นสูตรออร์แกนิก ไม่ใส่สี กลิ่น น้ำหอม ก็จะยิ่งถนอมผิวหน้าของซิสได้ดียิ่งขึ้นค่ะ เพียงเหยาะใส่สำลีให้ชุ่มๆ ( ย้ำว่าต้องชุ่ม ถ้างกเหยาะน้อย สำลีจะแห้งและไปขูดกับผิวหน้าแทน ) เช็ดจากในออกนอกตามแนวรูขุมขนให้ทั่วใบหน้า ทิ้งให้แห้ง 1-2 นาทีจึงเริ่มสกินแคร์ขั้นต่อไปค่ะ
หลังล้างหน้าด้วยโฟมปกติ ส่วนใหญ่ผิวหน้าของเราจะเสียค่า pH ที่สมดุลไป ทำให้เกิดสิว หน้ามันเยิ้ม หรือหน้าแห้งกร้านได้ แต่โทนเนอร์จะเข้าไปปรับสมดุลให้พอดี ปลอบประโลมผิว พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป เราแนะนำให้ใช้สูตรที่เป็น ' alcohol-free ' หรือไม่ใส่แอลกอฮอล์ ป้องกันหน้าแห้งกร้านเกินไป หากเลือกเป็นสูตรออร์แกนิก ไม่ใส่สี กลิ่น น้ำหอม ก็จะยิ่งถนอมผิวหน้าของซิสได้ดียิ่งขึ้นค่ะ เพียงเหยาะใส่สำลีให้ชุ่มๆ ( ย้ำว่าต้องชุ่ม ถ้างกเหยาะน้อย สำลีจะแห้งและไปขูดกับผิวหน้าแทน ) เช็ดจากในออกนอกตามแนวรูขุมขนให้ทั่วใบหน้า ทิ้งให้แห้ง 1-2 นาทีจึงเริ่มสกินแคร์ขั้นต่อไปค่ะ
5. อายครีม
' อายครีม ' ไอเทมนี้สาวๆ วัยรุ่นมัธยมอาจจะไม่ค่อยเห็นความสำคัญ แต่เชื่อเถอะว่าเลย 20 ไปแล้ว มันคือของ must have ที่ต้องมี! เพราะผู้หญิงเราหลังอายุ 25 ปีไปแล้ว การผลิตคอลลาเจนจะค่อยๆ ลดลง การผลัดเซลล์ผิวก็ช้าลง ทำให้ผิวเริ่มมีริ้วรอยและแห้งกร้านมากขึ้น จากคนที่ตอนเด็กๆ ผิวมันเยิ้ม อาจตกใจที่พอเข้าวัยทำงานสักพัก กลายเป็นสาวผิวแห้งซะงั้น ซึ่งบริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่ผิวแห้งง่ายและบอบบางเป็นพิเศษ ถ้าไม่ทาครีมไว้แต่เนิ่นๆ ตีนกามาก่อนวัยชัวร์
แนะนำให้เริ่มทาไว้เนิ่นๆ ตั้งแต่มัธยมปลายเป็นต้นไปเลยยิ่งดี ถ้าอายุยังไม่เกิน 25 ก็เน้นแค่ความชุ่มชื้นไว้ก่อน เลือกสูตรที่มี ' hyaluronic acid ' เยอะๆ เพราะกรดนี้จะช่วยอุ้มน้ำให้ผิวใต้ตาอิ่มฟู ฉ่ำเด้ง แต่ถ้าอายุ 25++ ขึ้นไป ควรใส่ใจสูตรที่ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตามากขึ้นด้วย เน้นสูตรที่มี ' เรตินอลและเปปไทด์ ' สูง เพราะเป็นสารที่ช่วยต่อต้านริ้วรอย เพิ่มคอลลาเจนให้ผิว ทาทุกวันก่อนนอนตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนเด็กยังไม่เห็นผลชัดหรอก ผ่านไปสิบปียี่สิบปี จะเห็นความแตกต่างชัดเจนจากคนไม่ทาแน่นอนค่ะ
แนะนำให้เริ่มทาไว้เนิ่นๆ ตั้งแต่มัธยมปลายเป็นต้นไปเลยยิ่งดี ถ้าอายุยังไม่เกิน 25 ก็เน้นแค่ความชุ่มชื้นไว้ก่อน เลือกสูตรที่มี ' hyaluronic acid ' เยอะๆ เพราะกรดนี้จะช่วยอุ้มน้ำให้ผิวใต้ตาอิ่มฟู ฉ่ำเด้ง แต่ถ้าอายุ 25++ ขึ้นไป ควรใส่ใจสูตรที่ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตามากขึ้นด้วย เน้นสูตรที่มี ' เรตินอลและเปปไทด์ ' สูง เพราะเป็นสารที่ช่วยต่อต้านริ้วรอย เพิ่มคอลลาเจนให้ผิว ทาทุกวันก่อนนอนตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนเด็กยังไม่เห็นผลชัดหรอก ผ่านไปสิบปียี่สิบปี จะเห็นความแตกต่างชัดเจนจากคนไม่ทาแน่นอนค่ะ
6. ครีมกันแดด
ไอเทมนี้ก็รู้ๆ กันอยู่เนอะว่าถ้าขาดเธอคือขาดใจ! ' ครีมกันแดด ' ที่ไม่ใช่เครื่องสำอางอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นสกินแคร์ปกป้องผิวตั้งแต่เริ่มต้น ควรทาทุกวัน เพราะเราเจอรังสียูวีจากแสงแดดทุกวัน แม้ในวันที่ฟ้าครึ้ม ฝนตกยังไงก็ต้องทา เพราะยูวีจะลอดผ่านลงมาจากก้อนเมฆทะลุผิวของเธอเสมอ หากไม่ทาติดต่อกันเป็นเวลานาน ทุกอย่างที่เรียกว่าปัญหาผิวจะมาหาเธอแน่นอน! ทั้งอาการเห่อแดง แสบร้อน ริ้วรอย หยาบกร้าน ฝ้ากระ จุดด่างดำ #แค่คิดก็ขนลุก
หากเป็นคนไม่ค่อยเจอแดด ทำงานอยู่ในออฟฟิศห้องแอร์ตลอด ค่า SPF ประมาณ 35 ก็พอไหว แต่ด้วยแดดเมืองไทยที่ค่อนข้างแรง ใช้ SPF50+ PA++++ ที่กันแดดได้สูงสุดเลยจะดีกว่า เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า ถ้าผิวมันก็เลือกเป็นเนื้อเจลหรือโลชั่น ถ้าผิวแห้งก็เลือกเป็นครีมหรือบาล์ม ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงไม่ว่าจะอยู่กลางแจ้งหรือไม่ก็ตาม เพราะกันแดดยิ่งทาไว้นาน ประสิทธิภาพก็ยิ่งลดลง ถ้าไม่สะดวกทาทับเมคอัพ ก็ซื้อกันแดดแบบสเปรย์มาใช้ค่ะ ฉีดแป๊บเดียวเสร็จ ช่วยชีวิตสุดๆ
หากเป็นคนไม่ค่อยเจอแดด ทำงานอยู่ในออฟฟิศห้องแอร์ตลอด ค่า SPF ประมาณ 35 ก็พอไหว แต่ด้วยแดดเมืองไทยที่ค่อนข้างแรง ใช้ SPF50+ PA++++ ที่กันแดดได้สูงสุดเลยจะดีกว่า เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า ถ้าผิวมันก็เลือกเป็นเนื้อเจลหรือโลชั่น ถ้าผิวแห้งก็เลือกเป็นครีมหรือบาล์ม ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงไม่ว่าจะอยู่กลางแจ้งหรือไม่ก็ตาม เพราะกันแดดยิ่งทาไว้นาน ประสิทธิภาพก็ยิ่งลดลง ถ้าไม่สะดวกทาทับเมคอัพ ก็ซื้อกันแดดแบบสเปรย์มาใช้ค่ะ ฉีดแป๊บเดียวเสร็จ ช่วยชีวิตสุดๆ
7. ลิปบาล์ม
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดความงาม)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe