Articles etc
อื่น ๆ

#อ่านยังไงก็ไม่เข้าหัว! 7 ทริคเด็ด ' บูสต์ความจำ สมาธิพุ่ง ' โฟกัสได้นาน สอบผ่าน ทำงานมีประสิทธิภาพ 📖💡

ในยุคออนไลน์ที่คนเริ่มจดจ่อกับสิ่งต่างๆ ได้สั้นลงทุกที ข้อเสียที่ตามมาคือ สมาธิสั้นจ้า ทำอะไรไม่ได้นาน หลุดโฟกัส เบื่อซะก่อน อ่านหนังสือหรือสอบเหรอ ทำไม่เสร็จสักอย่าง แต่ก็ใกล้สอบละนะ อ่านยังไม่ถึงไหนเลย จะทำไงดี?? บทความนี้ช่วยได้ค่ะ


» » - - - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • 1. จงนึกถึง ' คุณค่าของเวลา ( ผัดวันประกันพรุ่ง ) ที่เสียไป '

    • 2. ถ้าอยู่ที่เดิมแล้วล่อกแล่ก ใจไม่อยู่กับตัวก็ ' เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ' ซะ

    • 3. ทำ ' To Do List ' อย่างจริงจัง ว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง ในแต่ละวัน

    • 4. สร้างบรรยากาศดีๆ จัดสถานที่ทำงานให้ ' สะอาดและเนี้ยบ '

    • 5. จัดตารางวันเวลาที่ตัวเอง ' สะดวก ' เพื่อให้จิตใจแน่วแน่กว่าเดิม

    • 6. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ให้ร่างกายสบาย พร้อมทำงานมากที่สุด

    • 7. ' ให้รางวัลตัวเอง ' เมื่ออ่านหนังสือ / ทำงานที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จ

     

    สวัสดีค่า สาวๆ SistaCafe ที่อยาก ' เรียนดี ทำงานเด่น ' ทั้งหลาย ~(^з^)-♡

    ' โฟกัสกับสิ่งตรงหน้าให้ได้สิ มีสมาธิหน่อย! ' เชื่อว่าคนรุ่นใหม่เยอะมากๆ ที่กำลังเจอกับปัญหาประมาณนี้ แต่ไม่รู้จะแก้ไขยังไง ด้วยยุคโซเชียลที่มีสิ่งยั่วยุให้เรา ' หลุด ' ได้ง่ายมาก ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือโทรศัพท์มือถือ แป๊บนึงเด้งโนติเฟซบุ๊ก เปิดดู วางลง จะอ่านหนังสือหรือทำงานต่อ ไม่ถึง 5 วิเด้งอีกละ ยิ่งตอนนี้เฟซบุ๊กมีออฟชันแจ้งเตือนโนติที่ไม่เกี่ยวกับเราอีก ยิ่งเพิ่มความถี่รัวๆ จนสุดท้ายก็วางหนังสือ ละสายตาจากคอมมาเล่นมือถือต่ออีกเป็นชั่วโมงเลยจ้า //เรารู้เธอก็เป็น

    ถ้ายังปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทำอะไรก็ไม่เสร็จสักอย่างแบบนี้ มันส่งผลกับเกรดการเรียน หรือผลลัพธ์ในการทำงานของเธอแน่นอน พอจดจ่อกับเนื้อหาไม่ได้ งานก็ออกมาไม่ดี เกรดตก งานคุณภาพต่ำจนโดนเรียกคุย สาวซิสคงไม่อยากลงไปอยู่ถึงจุดนั้นกันใช่ไหมเอ่ย? ในวันนี้เราเลยมี ' 7 ทริคเด็ดบูสต์ความจำ ให้สมาธิพุ่งพรวด ' เพื่อช่วยให้ทั้งการเรียนและทำงานของสาวๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใครอยากหลุดจากลูปนรก สมาธิสั้นทำชีวิตใกล้พัง ที่นี่มีทางออกให้แน่นอน ตามมาเลยจ้า!

    1. จงนึกถึง ' คุณค่าของเวลา ( ผัดวันประกันพรุ่ง ) ที่เสียไป '

    เชื่อไหมว่าข้อแรกเราก็เป็น เป็นบ่อยด้วย! คือตอนไหนมีงานต้องทำ หรือมีหนังสือที่ต้องอ่าน ก็จะพยายามเลื่อนวันไปเรื่อยๆ ถ้ายังไม่ใกล้เดตไลน์ก็ไม่แตะเลย หรือถ้าแตะก็ทำนิดหน่อยพอเป็นพิธี แล้วไปเผาเอาวันส่ง One Night Miracle ไปไม่รู้กี่หนต่อกี่หน ซึ่งตอนมัธยมก็อาจจะพอทำได้แหละ แต่พอขึ้นมหาลัย เริ่มเข้าทำงานในบริษัท มันจะวันไนท์มิราเคิลไม่ได้แล้วเด้อ สิ่งที่ต้องทำมันยาก ซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจระดับนึงเลยค่ะ

    มีอยู่งานหนึ่งที่ควรเตรียมตัวเป็นสัปดาห์ แต่เรากลับเอ้อระเหยลอยชาย ดูหนังฟังเพลงไปเรื่อย สุดท้ายมาไฟลนก้นตอนสองวันสุดท้าย ซึ่งเนื้อหาเยอะมากจนเราไม่สามารถย่อยทันในระยะเวลาเท่านั้นได้ สุดท้ายก็ต้องส่งงานไปแบบคุณภาพต่ำมากๆ จนอายตัวเองไปพักนึงเลย ถ้าซิสไม่อยากเสียดายเวลาแบบเรา ก็ขอให้นึกถึง ' คุณค่าของเวลาที่เสียไป ' ให้มากๆ ลองคิดดูว่า ถ้ายอมใช้เวลากับมันตั้งแต่แรก งานก็คงเสร็จแบบสมบูรณ์แบบให้ตัวเองและคนตรวจภูมิใจไปแล้ว ที่สำคัญเวลามันไม่ไหลย้อนกลับนะคะ ผ่านแล้วผ่านเลย ดังนั้นมีเวลาในมือแล้วก็จัดการให้มีประโยชน์และคุ้มค่าที่สุดดีกว่า

    2. ถ้าอยู่ที่เดิมแล้วล่อกแล่ก ใจไม่อยู่กับตัวก็ ' เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ' ซะ

    ต้องยอมรับว่า ในงานบางสายโดยเฉพาะงานแนวความคิดสร้างสรรค์ ต้องใช้จินตนาการและไอเดียใหม่ๆ ค่อนข้างเยอะ เช่น กราฟิกดีไซเนอร์ ครีเอทีฟ นักวาดภาพประกอบ นักเขียน ถ้าทำงานในสถานที่เดิมซ้ำซากเป็นเวลานาน ก็จะทำให้ความคิดเริ่มตัน เพราะมันไม่มีวัตถุดิบสดใหม่เลย งานก็ไม่เดินหน้า ฟุ้งซ่าน สุดท้ายก็กลับไปเล่นมือถือแก้เซ็ง เราเคยไถฟีดโซเชียลซ้ำๆ เป็นร้อยรอบ ทั้งที่ก็ไม่มีข่าวหรือข้อมูลอะไรใหม่ เพียงเพราะเราอยากหลีกหนีความจริงว่างานไม่ไปถึงไหนเลย เศร้าเนอะ 

    ดังนั้นถ้าสาวๆ คนไหนกำลังเบื่อ เหนื่อย อึดอัด มึนหัวกับการทำงานหรืออ่านหนังสือเรียน ลองเปลี่ยนสถานที่ทำงานดูบ้าง จากที่บ้านก็ลองไปคาเฟ่หรือ co working space ให้สมองเราได้เปลี่ยนการรับรู้ใหม่ๆ กลิ่นกาแฟ กลิ่นเครื่องปรับอากาศ กลิ่นต้นไม้จากสถานที่อื่น บางทีก็กระตุ้นให้เราจดจ่อมีสมาธิได้มากขึ้นจริง บางคนทำงานที่บ้านเงียบๆ งานไม่ดีเท่าไปคาเฟ่ที่มีเสียงพูดคุยกันก็มี แต่ถ้าช่วงนี้ใครกลัวโควิด ไม่อยากออกไปข้างนอก แค่เปลี่ยนมุมทำงานในบ้าน จัดวางข้าวของใหม่ หามุมที่มีแสงเข้าให้จิตใจปลอดโปร่ง หาของกินอร่อยๆ กับไอเทมที่ต้องใช้ระหว่างทำงานมาไว้ข้างตัว ออกไปเดินเล่น หาฟังเพลงหรือ podcast ใหม่ๆ ก็ช่วยได้ แม้แต่การลองใส่เสื้อผ้าใหม่ก็ทำให้มู้ดอารมณ์เราเปลี่ยนได้นะคะ ลองดู

    3. ทำ ' To Do List ' อย่างจริงจัง ว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง ในแต่ละวัน

    ไม่ใช่แค่ส่วนนึง แต่แทบเป็นส่วนใหญ่เลยของคนไม่ค่อยมีสมาธิ อ่านหนังสือก็ไปไม่ถึงไหน งานก็ไม่มีความคืบหน้า เพราะเธอไม่มี ' กำหนดการที่ชัดเจน ' ว่าชีวิตในวันหนึ่งต้องทำอะไรบ้าง แค่รู้ว่าวันนี้ต้องทำสิ่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มกี่โมง จบกี่โมง พอกะเวลาไม่ได้สุดท้ายก็เละเทะ นี่คือข้อเสียอย่างนึงของการมีอิสระมากเกินไป เพราะถ้าเราคุมตัวเองไม่ได้ อิสระนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเธอเอง เราเคยเป็นมาแล้ว กะจะเขียนบทความ 4 ชิ้นในวันนั้น สุดท้ายไม่ได้งานสักชิ้น เพราะคิดแต่ว่าเดี๋ยวก่อนๆ สรุปส่งไม่ทัน เจ็บนี้จำไปอีกนาน

    เพื่อไม่ให้สาวๆ ที่เข้ามาอ่านต้องพลาดแบบเรา ก็อยากให้ทุกคนมี ' To Do List ' ของตัวเอง คิดและเขียนให้ชัดเจนว่าวันที่จะต้องทำงานหรืออ่านหนังสือทบทวน เตรียมสอบ จะต้องทำอะไรในช่วงเวลาไหนบ้าง เช่น 8 โมงตื่นนอน, 9 โมงกินข้าวเช้า, 10 โมงเช้า - เที่ยง อ่านหนังสือ 2 วิชา, พักเที่ยง บ่าย 2-4 โมงเย็น อ่านหนังสืออีก 1 วิชา เป็นต้น การจำกัดเวลาจะทำให้เธอไม่อยากว่อกแว่ก เพราะรู้ว่ายังมีอย่างอื่นจ่อคิวรอที่ต้องทำต่อ ถ้าเลื่อน 1 ไปแล้ว 2 3 4 ก็จะล้มตามเป็นโดมิโน่ไปด้วย จึงเป็นการดัดนิสัยให้มีวินัยขึ้นไปด้วยในตัวค่ะ

    4. สร้างบรรยากาศดีๆ จัดสถานที่ทำงานให้ ' สะอาดและเนี้ยบ '

    อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับการฝึกสมาธิโดยตรง แต่เป็นเหตุผลทางจิตวิทยาว่า เวลาเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่สิ่งของสกปรก รกรุงรัง อะไรก็วางไม่เป็นที่เป็นทาง มันจะส่งผลให้เราจิตใจฟุ้งซ่าน รุงรังเหมือนของที่เราเห็นไปด้วย เธอคงเคยเห็นคนรู้จัก หรือแม้แต่ตัวเธอเองที่เวลาคิดงานไม่ออก อ่านหนังสือไม่เข้าหัว ไปทำงานบ้าน จัดหนังสือ ล้างจาน ถูบ้านสักหน่อย กลับคิดงานออกเสียอย่างนั้นเพราะหัวโล่ง บางทีไม่ได้โล่งเพราะทำงานบ้านหรอก แต่โล่งตั้งแต่เธอเดินออกจากพื้นที่รกๆ นั้นแล้วมากกว่า 

    เพื่อให้จดจ่อ มีสมาธิที่ดีขึ้น เราแนะนำให้เธอจัดโต๊ะ หรือพื้นที่ทำงานให้มีระเบียบเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ( เพราะเข้าใจว่างานบางอย่างมันเก็บของให้เนี้ยบไม่ได้จริงๆ เช่น งานทางศิลปะ ) แยกสิ่งของที่ใช้ตามหมวดหมู่ ตามสีสัน ตามความสำคัญในการใช้ แล้วเก็บเข้าแฟ้ม, กล่อง ติดชื่อว่ากล่องนี้เก็บอะไรไว้บ้างกันลืม ถ้ามีเศษทิชชู่ ขี้ดินสอ ซองขนมวางทิ้งไว้เกลื่อนกลาด ก็โกยลงถังขยะให้หมด เอาจริงๆ ไม่ต้องถึงกับจัดของด้วยซ้ำ แค่ทิ้งขยะที่ไม่จำเป็นก็ทำให้โต๊ะสะอาด พร้อมอ่านหนังสือได้ยาวๆ แล้วละค่ะ

    5. จัดตารางวันเวลาที่ตัวเอง ' สะดวก ' เพื่อให้จิตใจแน่วแน่กว่าเดิม

    อีกปัญหาหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่มีสติ หรือสมาธิจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า เพราะมีเรื่องอื่นที่ต้องคิดเยอะไปหมด และยังหาทางออกให้มันไม่ได้ เช่น วันนี้ตั้งใจไว้ว่าจะทำงานให้เสร็จ แต่ช่วงเช้าต้องออกไปส่งของ ตอนเย็นก็ต้องไปรับน้องที่โรงเรียน รถเก็บขยะจะมาวันนี้ ต้องรีบเอาถุงขยะออกไปทิ้ง สรุปก็คือยุ่งทั้งวัน ทำงานไปในหัวก็คิดว่าจะออกไปรับน้องทันไหม กลัวรถติด ถ้าขยะทิ้งไม่ทันก็ต้องรอสัปดาห์หน้าเลย บลาๆ หรือบางคนจะไปเดตกับแฟนครั้งแรกวันพรุ่งนี้ วันนี้ก็คือใจเต้นตึกตัก ไม่มีกะจิตกะใจจะรับเนื้อหาใดเข้าสมองทั้งสิ้น แบบนี้ก็มีค่ะ

    ดังนั้นจะดีมาก ถ้างานไหนที่ยังเหลือกำหนดระยะเวลาอยู่ และเธอมีธุระอื่นที่ต้องทำให้เสร็จก่อนหน้านั้น ก็เลื่อนงานนั้นไปเป็นวันที่เธอว่าง ไม่ติดนู่นนี่จะดีกว่า จะได้ทุ่มเทให้กับงานนั้นได้ดีขึ้นด้วย แต่ถ้าโชคร้ายงานนั้นใกล้เดดไลน์แล้ว ยังไงก็ต้องทำวันสองวันนี้แน่ๆ ก็ต้องไปบริหารจัดการธุระส่วนตัวนั้นเอาเอง บางอย่างอาจต้องเลื่อน บางอย่างอาจต้องงดเพื่อให้งานเสร็จทัน สุดท้ายก็คือ ต้องลำดับความสำคัญให้เป็นค่ะ

    6. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ให้ร่างกายสบาย พร้อมทำงานมากที่สุด

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดอื่น ๆ)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe