Articles health
สุขภาพ

#เขาว่าทำแบบนี้จะผอม ( เหรอ ) 7 ทริคลดความอ้วนสุด ' จ้อจี้ ' ทำไปน้ำหนักก็ไม่ลด ตัวกลมปุ๊กลุกเท่าเดิม ;__;

นักโภชนาการผู้เชี่ยวชาญคอนเฟิร์มเองว่า " อย่าเชื่อวิธีลดความอ้วนทุกอย่างในเน็ต!! "
ถ้ามันง่ายแบบนั้น คงไม่มีคนอ้วนในโลกใบนี้แล้วล่ะ จริงมั้ย?? (つω`。)


» » - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • 1. ทำให้การกินเป็น ' ความลำบาก ' เข้าไว้ จะได้กินน้อยลง

    • 2. ใส่เสื้อผ้า ' คับๆ รัดแน่นๆ ' ก่อนกินอาหารทุกครั้ง จะได้กินน้อยๆ

    • 3. ดื่ม ' โปรตีนเชค ' แทนมื้ออาหาร

    • 4. กินอาหาร ' ประเภทเดียวซ้ำๆ ' เพื่อลดความอ้วน

    • 5. ไม่แตะอาหารทุกชนิดที่เป็น ' คาร์โบไฮเดรต ' เลย

    • 6. ตัดอาหารที่มี ' ไขมัน ' ผสมอยู่ ไม่ว่าจะมีเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม

    • 7. กินแคลอรี่ที่คำนวณไว้ ' เป๊ะๆ ' ไม่แตะอาหารนอกตารางแม้แต่คำเดียว

     

    ฮัลโหลค่าา สาวๆ SistaCafe ที่อยากมี หุ่นสวยในฝัน! ทุกคน (*¯ ³¯*)♡

    บางครั้งก็นึกอิจฉาคนมีพันธุกรรมดี กินเยอะเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนเหมือนกันนะ เพราะยังมีสาวๆ อีกหลายล้านคนบนโลกใบนี้ที่ไม่โชคดีอย่างนั้น แต่อยากมีหุ่นสวย ได้ใส่เสื้อผ้าแซ่บๆ โชว์หุ่น ถ่ายรูปลงโซเชียลก็มีคนกดไลก์เยอะ มีโอกาสรับงานเป็น influencer เวลาสัมภาษณ์งาน ถ้าคุณสมบัติเท่าๆ กัน หุ่นอวบกับหุ่นสมส่วนก็เดาไม่ยากว่าเขาจะเลือกใคร ด้านความรัก ถ้าหุ่นดีกว่า โอกาสในการเลือกคนที่เข้ามาก็เยอะกว่า จึงไม่แปลกที่สูตรลดความอ้วน อาหารไดเอท และยาลดน้ำหนักจึงขายดิบขายดีอยู่เสมอไม่เคยตกกระแสแต่อย่างใด

    หากเธอเป็นคนหนึ่งที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ลดน้ำหนักให้มีรูปร่างที่ผอมและเฟิร์มขึ้น ก่อนจะเริ่มทำตามสูตรไหนก็ตาม ขอเตือนไว้ก่อนว่า ไม่ใช่สูตรทุกอย่างบนโลกอินเตอร์เน็ตที่จะเชื่อถือได้! บางสูตรทำไปก็ไม่ลด หรือถ้าลดก็โยโย่อ้วนกว่าเดิมในภายหลัง ถ้าไม่อยากเข้าสู่วงจรผอม > อ้วน > ผอม แบบไม่สิ้นสุด ก็อย่าทำตาม ' 7 ทริคลดความอ้วนสุดจ้อจี้ ' ที่ทำไปก็ไม่ผอมลง แต่ตัวกลมเท่าเดิม ( หรืออาจมากกว่าเดิม ) ไปส่องกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

    1. ทำให้การกินเป็น ' ความลำบาก ' เข้าไว้ จะได้กินน้อยลง

    เวลาอ่านกระทู้รีวิวของบางคนที่ลดความอ้วนสำเร็จ หรือวิธีลดน้ำหนักในบางเว็บไซต์ มักจะแนะนำทริคแปลกๆ บางอย่างเช่น ' ทำให้การกินเป็นเรื่องลำบาก ต้องกินให้ยากเข้าไว้ จะได้เหนื่อย กินได้น้อยลง ' เช่น ใช้ช้อนโยเกิร์ตกินข้าว, ใช้มือที่ไม่ถนัดถือช้อน, ใช้ตะเกียบกินข้าวแทนช้อน เป็นต้น ซึ่งตอนแรกก็คงทำให้กินน้อยลงได้จริง แต่มีข้อเสียตามมามากมายเป็นขบวนเลยละค่ะ!

    อย่างแรกคือ มันเสียเวลา! ถ้ากินข้าวกับเพื่อนตอนพักเที่ยง แล้วเธอพยายามใช้ช้อนจิ๋วกินข้าวอยู่นั่น คนนอกจะมองว่ามันดูตลกและหงุดหงิดที่เป็นชั่วโมงแล้วเธอยังกินข้าวไม่หมดสักที ถ้าต้องมีกินข้าวรับรองลูกค้าหรือเจ้านาย ทำแบบนี้จะโดนมองว่าเสียบุคลิก ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ส่งผลกับหน้าที่การงานแน่นอน หรือถ้าในวันหิวจัด วิธีนี้ก็มีสิทธิ์เฟลสูงมาก เพราะความหิวจะชนะทุกอย่าง เผลอๆ จะกินเยอะกว่าเดิมด้วยเพราะอัดอั้นมานาน ดังนั้นเรียนรู้ที่จะจำกัดปริมาณอาหาร แล้วกินโดยใช้ช้อนส้อมปกติจะดีกว่าค่ะ

    2. ใส่เสื้อผ้า ' คับๆ รัดแน่นๆ ' ก่อนกินอาหารทุกครั้ง จะได้กินน้อยๆ

    วิธีนี้มีหลายคนนิยมทำกัน เป็นการบังคับตัวเองกลายๆ ไม่ให้กินเยอะเกินไป คือใส่เสื้อผ้าที่คับแน่น หรือพอดีตัวเป๊ะก่อนออกจากบ้าน เช่น กางเกงยีนส์ ชุดรัดรูป กระโปรงแบบติดตะขอ รูดซิป เพื่อให้มีสติทุกครั้งก่อนจะกินอะไรเข้าปาก แต่บางคนก็สุดโต่งเกินไป แทนที่จะใส่ชุดที่มีอยู่แล้วในบ้าน ดันไปซื้อชุดที่เล็กกว่าไซส์ตัวเอง 1-2 ขนาด แล้วพยายามยัดตัวเองเข้าไป กล่อมตัวเองว่าต้องลดหุ่นให้เข้ากับชุดนี้ให้ได้ อึดอัดหายใจไม่ออกก็ทนเอา ซึ่งมันไม่ใช่วิธีที่เฮลทีในระยะยาวเลย!

    เพราะหากการวัดค่าความผอม = เสื้อผ้าที่ใส่ ถ้าพุงปลิ้น ติดตะขอไม่ได้ = น่าเกลียด จะมีสิทธิ์ทำให้เธอยึดติดกับรูปร่างมากเกินไป และถ้าโชคไม่ดี เกิดมีปัญหาสุขภาพหรือมีเหตุผลบางอย่างที่ลดน้ำหนักไม่ได้ตามหวัง บางคนอาจถึงขั้นรู้สึก ' ด้อยค่า ' self-esteem ลดฮวบเพราะหุ่นไม่สวยเหมือนไอดอล นางแบบ ซึ่งจะนำไปสู่โรคบูลิเมียและอะนอเร็กเซีย ( คลั่งผอม ) ได้ในอนาคต มันไม่ผิดที่จะใส่ชุดสวยๆ เป็นแรงบันดาลใจ แต่ลองเริ่มจากชุดสวยๆ ที่มีอยู่แล้วที่เข้ากับรูปร่างของเรา คุมอาหารให้ดี และถ้าตัวเล็กลงก็ค่อยซื้อชุดใหม่ จะได้ไม่กดดันตัวเองมากเกินไปค่ะ

    3. ดื่ม ' โปรตีนเชค ' แทนมื้ออาหาร

    ด้วยยุคสมัยนี้ที่เร่งรีบ คนต้องการใช้เวลากับเรื่องกินให้น้อยลง แต่ร่างกายก็ยังต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนกับร่างกาย จึงมีการคิดค้น ' โปรตีนเชคทดแทนมื้ออาหาร ' ขึ้นมา ซึ่งตอนแรกก็ใช้กับคนออกกำลังกายที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อ, คนทำงานหรือนักธุรกิจที่ไม่ค่อยมีเวลา แต่ตอนนี้ก็มียี่ห้อที่ทำขึ้นเพื่อสาวๆ ที่ไดเอทอยู่และอยากผอมโดยเฉพาะ โดยให้กินแทนมื้ออาหารหลักไปเลย เพื่อลดปริมาณแคลอรี่ต่อวัน แต่มันก็ไม่ได้ผลดีกับทุกคนเสมอไป!

    โปรตีนหลายยี่ห้อให้พลังงานน้อยมากต่อแก้ว อาจจะแค่ 120-240 แคลอรี่เท่านั้น ซึ่งคนที่จะลดน้ำหนักส่วนใหญ่ก็คือคนน้ำหนักเกินเกณฑ์ แค่แคลอรี่ที่นั่งเฉยๆ ก็ใช้เยอะอยู่แล้ว ถ้ากินโปรตีนแทนอาหารก็มีสิทธิ์สูงมากที่จะไม่อิ่มถึงมื้อถัดไป และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการหาของกินจุกจิกเพิ่มอยู่ดี แถมบางยี่ห้อก็ใส่น้ำตาลแฝงไว้ค่อนข้างสูงมาก เหมือนกินขนมหวานดีๆ นี่เอง ถ้าจะกินสองแก้วให้อิ่ม วันนั้นน้ำตาลในเลือดพุ่งแน่นอน! บางวันที่รีบจริงๆ จะกินแทนข้าวก็ได้ แต่ควรกินสลับกับอาหารคลีน ที่มีข้าวกล้อง มีเนื้อ มีผัก จำกัดแคลอรี่ที่ไม่ใส่ผงชูรส เพื่อให้ร่างกายได้รับอาหารที่หลากหลายค่ะ

    4. กินอาหาร ' ประเภทเดียวซ้ำๆ ' เพื่อลดความอ้วน

    มักจะเจอกันบ่อยๆ กับสูตรลดความอ้วนของดารา ไอดอลคนดังที่นิยมกินแต่อาหารประเภทเดียวซ้ำๆ เช่น กินแต่เต้าหู้ กินแต่แตงกวา กินแต่มันหวาน หรือถ้าฝั่งตะวันตกก็จะกินแต่ผลไม้ เช่น เกรปฟรุต กล้วย แอปเปิ้ล ส้ม โดยมีคอนเซปต์ที่ว่า ถ้าเรากินอาหารชนิดเดิมซ้ำๆ ก็จะกินไม่ได้เยอะเพราะเบื่อและเลี่ยน จึงทำให้ได้รับพลังงานต่อวันน้อยลง น้ำหนักค่อยๆ ลดลงไปเองโดยปริยาย แต่บอกเลยว่ามันไม่ดีกับสุขภาพอย่างมาก!

    การบังคับตัวเองให้กินแต่ของซ้ำซาก นอกจากร่างกายจะไม่ได้รับสารอาหารที่หลากหลาย เสี่ยงป่วยง่ายแล้วนั้น ยังส่งผลต่อสุขภาพจิต มีแนวโน้มป่วยเป็นโรคพฤติกรรมการกินผิดปกติ ( eating disorder ) ซึ่งจะทำให้กลับมากินอาหารแบบปกติได้ยากขึ้น หรือเป็นอะนอเร็กเซียไม่ยอมกินอาหารอื่นๆ อีกเลย สุดท้ายแทนที่จะมีหุ่นสวย ได้ไปให้น้ำเกลือในโรงพยาบาลแทน - - ดังนั้นกินอาหารมีประโยชน์ให้หลากหลาย แต่คุมแคลไม่ให้เกินโควต้าต่อวัน จะดีกับร่างกายมากกว่านะคะ

    5. ไม่แตะอาหารทุกชนิดที่เป็น ' คาร์โบไฮเดรต ' เลย

    เป็นสูตรไดเอทที่มีมานาน จนทุกวันนี้ก็ยังมีสาวๆ หลายคนทำสูตรนี้อยู่ คืองดแป้งเด็ดขาด ไม่ยอมแตะอาหารใดๆ ที่มีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตเลย อาจจะเพราะมีวิธีไดเอทมากมายที่ตัดแป้งแล้วน้ำหนักลดฮวบลงจริงๆ เช่น atkins diet  ที่กินแต่เนื้อสัตว์ หรือกินแบบ ketogenic diet ที่เน้นโปรตีนกับไขมัน ซึ่งมีกฎกติกาที่ค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ต้องชั่งตวงอาหาร กินตามสัดส่วนที่คำนวณเป๊ะๆ เท่านั้น แต่การทำสูตรเหล่านี้ก็ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน และอาจร่างกายพังในระยะยาวได้ค่ะ

    การที่ร่างกายไม่ได้รับคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักเป็นระยะเวลานานๆ อาจส่งผลให้ร่างกายหิวง่ายขึ้น หงุดหงิด โมโหง่าย เหนื่อยล้า ท้องผูก ปวดหัว หรือสมองเบลอได้ เนื่องจากการตอบสนองของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจึงแนะนำให้สาวๆ ปรึกษานักโภชนาการหรือหมอก่อนทำไดเอทข้างต้น เพราะก็ถือเป็นวิธีที่ค่อนข้างสุดโต่งพอสมควร ที่สำคัญ การกินแบบโลว์คาร์บเป็นเวลานานๆ จะเสี่ยงเป็นนิ่ว, โรคกระดูกพรุน และโรคเก๊าท์ได้ในอนาคตอีกด้วยค่ะ

    6. ตัดอาหารที่มี ' ไขมัน ' ผสมอยู่ ไม่ว่าจะมีเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดสุขภาพ)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe