ระวังได้ work from เตียงผู้ป่วย! 7 นิสัยเคยชินเมื่อ ' Work From Home ' เสี่ยงสุขภาพพัง ใครทำอยู่ปรับตัวด่วน
PAGE 2/2
Home » สุขภาพ » ระวังได้ work from เตียงผู้ป่วย! 7 นิสัยเคยชินเมื่อ ' Work From Home ' เสี่ยงสุขภาพพัง ใครทำอยู่ปรับตัวด่วน
หากการทำงานเกิดขึ้นที่ออฟฟิศ ไม่ว่าจะเรื่องเนื้องาน เกลียดหัวหน้า ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน มันก็เกิดและจบแค่ตรงนั้น บางบริษัทถ้าหมดเวลางานก็ log out ออกจากไลน์และอีเมลในนามบริษัททันที สลัดความเครียดทิ้ง กลับมามีชีวิตส่วนตัว 100% ได้อีกครั้ง แต่เมื่อถึงเทศกาล work from home ทุกอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ หลายที่ทำงานจึงให้พนักงานแสตนด์บายตลอดเวลา หากมีปัญหากับใครก็ไปเคลียร์กันซึ่งๆ หน้าไม่ได้อีก
ไหนจะเรื่องอุปกรณ์ไม่พร้อม ระบบติดตั้งไม่เสร็จ สุดท้ายคุณภาพงานออกมาแย่กว่าเดิม โดนเจ้านายด่า สำหรับในหลายๆ อาชีพที่ไม่ได้ตั้งระบบรองรับการทำงานออนไลน์ตั้งแต่แรก บอกเลยว่าทำงานที่บ้านคือนรก! ร้องไห้กันหน้าคอมก็มี ทั้งหงุดหงิดที่งานแย่และการสื่อสารของทีมที่ไม่ลงตัว เสี่ยงเป็นภาวะซึมเศร้า โรคเครียด โรควิตกกังวล
วิธีแก้ไข : หากเป็นไปได้ แนะนำให้สาวๆ ปรึกษากับระดับหัวหน้าถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เสนอหนทางแก้ไขที่เธอมี หรือต่อรองไปว่าด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้ เธอสามารถทำงานได้ถึงระดับไหน มันอาจจะออกมาไม่ดีเท่าใช้ทรัพยากรออฟฟิศทำโดยตรง แต่ก็ต้องยอมรับเพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่อำนวย ควบคู่ไปกับหาทางระบายความเครียด เช่น ดูหนังฟังเพลง เล่นดนตรี วาดรูป กินของอร่อย เป็นต้น
ไหนจะเรื่องอุปกรณ์ไม่พร้อม ระบบติดตั้งไม่เสร็จ สุดท้ายคุณภาพงานออกมาแย่กว่าเดิม โดนเจ้านายด่า สำหรับในหลายๆ อาชีพที่ไม่ได้ตั้งระบบรองรับการทำงานออนไลน์ตั้งแต่แรก บอกเลยว่าทำงานที่บ้านคือนรก! ร้องไห้กันหน้าคอมก็มี ทั้งหงุดหงิดที่งานแย่และการสื่อสารของทีมที่ไม่ลงตัว เสี่ยงเป็นภาวะซึมเศร้า โรคเครียด โรควิตกกังวล
วิธีแก้ไข : หากเป็นไปได้ แนะนำให้สาวๆ ปรึกษากับระดับหัวหน้าถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เสนอหนทางแก้ไขที่เธอมี หรือต่อรองไปว่าด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้ เธอสามารถทำงานได้ถึงระดับไหน มันอาจจะออกมาไม่ดีเท่าใช้ทรัพยากรออฟฟิศทำโดยตรง แต่ก็ต้องยอมรับเพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่อำนวย ควบคู่ไปกับหาทางระบายความเครียด เช่น ดูหนังฟังเพลง เล่นดนตรี วาดรูป กินของอร่อย เป็นต้น
7. ไม่ติดต่อกับใคร ตัดการสื่อสารโลกภายนอก เสี่ยง ' ภาวะซึมเศร้า '
สำหรับงานในบางสายอาชีพ ที่จริงสามารถทำที่บ้านคนเดียวได้ แต่ที่ต้องไปออฟฟิศเพราะเป็นนโยบายของบริษัท อยากเห็นหน้าพนักงาน กลัวพนักงานอู้งาน ( บางที่เป็นแบบนี้จริงๆ ) แต่ผลพลอยได้ก็คือเราได้เจอคน เจอสังคมอยู่ทุกวัน ได้ทักทายเพื่อนร่วมงาน ได้คุยกับหัวหน้า กับป้าแม่บ้าน กับลุงยาม ที่อาจจะไม่ใช่เพื่อนแก๊งเดียวกันขนาดนั้น แต่ก็ได้คลายเหงาว่าเรายังมีมนุษย์คนอื่นในชีวิตอยู่
เมื่อต้องมา work from home เต็มตัว บางคนเนื้องานยังทำได้ดีเหมือนเดิม แต่ด้านอารมณ์ สังคมคือเหี่ยวเฉามาก เพราะไม่ได้เจอใครเลยตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตื่นมาทำงาน เย็นเลิกงาน คลิกๆ พิมพ์ๆ อยู่ที่โต๊ะกับคอม ไม่มีใครนั่งข้าง ไม่มีใครมาแตะไหล่ชวนไปกินข้าว ไม่มีเสียงคุยเสียงโทรศัพท์อย่างที่คุ้นชิน ซึ่งสำหรับคนที่ extrovert สังคมจ๋ามากๆ นานเข้าก็อาจเป็นภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลได้ บางคนทักษะทางสังคมลดลงเพราะไม่ได้เจอคนนาน คุยตะกุกตะกัก ไม่กล้าสบตาคนก็มีค่ะ
เมื่อต้องมา work from home เต็มตัว บางคนเนื้องานยังทำได้ดีเหมือนเดิม แต่ด้านอารมณ์ สังคมคือเหี่ยวเฉามาก เพราะไม่ได้เจอใครเลยตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตื่นมาทำงาน เย็นเลิกงาน คลิกๆ พิมพ์ๆ อยู่ที่โต๊ะกับคอม ไม่มีใครนั่งข้าง ไม่มีใครมาแตะไหล่ชวนไปกินข้าว ไม่มีเสียงคุยเสียงโทรศัพท์อย่างที่คุ้นชิน ซึ่งสำหรับคนที่ extrovert สังคมจ๋ามากๆ นานเข้าก็อาจเป็นภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลได้ บางคนทักษะทางสังคมลดลงเพราะไม่ได้เจอคนนาน คุยตะกุกตะกัก ไม่กล้าสบตาคนก็มีค่ะ
วิธีแก้ไข : หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พร้อมจะออกนอกบ้านไปเจอใคร อย่างน้อยก็แชทหา โทรคุย หรือ
วิดีโอคอลกับคนสนิทบ้าง ไม่ต้องเป็นเพื่อนร่วมงานก็ได้ เป็นเพื่อนในแก๊งสมัยเรียน หรือเพื่อนที่เรารู้สึกว่าคุยแล้วอบอุ่นใจก็ช่วยแก้เหงาได้ และถ้าสถานการณ์ดีขึ้นจนรวมตัวได้บ้าง สถานที่ co-working space ก็เหมาะสำหรับสายฟรีแลนซ์ที่มานั่งคุย นั่งทำงานร่วมกันค่ะ
วิดีโอคอลกับคนสนิทบ้าง ไม่ต้องเป็นเพื่อนร่วมงานก็ได้ เป็นเพื่อนในแก๊งสมัยเรียน หรือเพื่อนที่เรารู้สึกว่าคุยแล้วอบอุ่นใจก็ช่วยแก้เหงาได้ และถ้าสถานการณ์ดีขึ้นจนรวมตัวได้บ้าง สถานที่ co-working space ก็เหมาะสำหรับสายฟรีแลนซ์ที่มานั่งคุย นั่งทำงานร่วมกันค่ะ
-------------------------------------
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว มีสาวๆ ทำงานที่บ้านคนไหนบ้าง ที่ไม่เคยเจอปัญหาใดๆ จาก 7 ข้อในบทความนี้เลย ถ้าเธอคือคนนั้นขอปรบมือให้ดังๆ ว่าเตรียมตัวรับมือมาดีมาก ขอแสดงความยินดีด้วยที่จะไม่เจอปัญหาสุขภาพมากมายในอนาคต!! แต่สำหรับอีกหลายคนที่เผลอกินขนมจุบจิบทั้งวัน, นั่งๆ นอนๆ ไม่ออกกำลังกาย, ไม่ติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก, ทำงานไม่เป็นเวลา ก็ต้องระวังจะป่วยทั้งทางกายและทางจิตใจ
' บ้าน ' โดยปกติก็ควรเป็นสถานที่ผ่อนคลาย พักผ่อน แต่เมื่อนำงานมาปะปนหรือกลืนกิน ก็ทำให้หลายคนไม่มองว่าบ้านเป็นเซฟโซนอีกต่อไป จะเลี่ยงงานก็ยาก สะสมเป็นความเครียดได้ จึงอยากให้สาวๆ ทุกคนแยกเวลางานกับเวลาส่วนตัวเท่าที่ทำได้ หางานอดิเรกสนุกๆ ทำบ้าง และที่สำคัญมองโลกในแง่บวก คิดแต่เรื่องดีๆ ไว้เสมอ เพราะถ้าจิตใจเราโอเค ร่างกายก็จะสดชื่นแจ่มใสไปด้วย จับมือกันไว้นะคะ เราจะต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน! วันนี้ขอตัวไป work from home ก่อนล้าา บ๊ายบาย
(ღ˘⌣˘ღ)