แหมมม ใครที่กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งรัก ก็คงรู้สึกเหมือนมีเสียงซาวด์เพลง ‘ ชาลาลัน ลาลัน ลั้นลา~ ’ ดังขึ้นอยู่ตลอดเวลาเลยใช่มั้ยล่ะ? พอได้อยู่ด้วยกันกับคนรัก ได้เดินจับมือไปไหนมาไหนด้วยกัน จะมองไปทางซ้าย มองไปทางขวา หรือมอง 360 องศา โลกทั้งใบก็กลายเป็นสีชมพูทั้งนั้นเลย

แต่!!! คนเราต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงนะคะซิส อย่าปล่อยให้ตัวเองรักใครมากเกินไป จนเธอหลงลืมความเป็นจริงตรงหน้าที่ต้องเผชิญ อย่างเช่นความจริงแล้วเธอสองคนมีไลฟ์สไตล์บางอย่างที่แตกต่างกัน จนทำให้เข้ากันไม่ค่อยได้และต้องทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แทนที่จะลองพูดคุยปรับความเข้าใจและหาทางปรับตัวเข้าหากัน เธอกลับเลือกที่จะมองข้ามแล้วใช้วิธีฝืนทนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขอแค่ยังได้คบกันแบบนี้ต่อไปก็เป็นพอ การไม่ยอมรับความจริงนี่แหละที่มันจะเป็นตัวต้นเหตุทำลายความรักได้

   

ขอพูดตรงๆ เลยละกันนะคะว่าการที่เธอรักเขามากเกินไป ไม่ได้มีแค่เธอฝ่ายเดียวหรอกนะที่จะรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจ แถมยังสูญเสียพลังในชีวิตไปแบบไม่จำเป็น แต่ตัวคนรักเองที่เป็นฝ่ายถูกรักมากๆ ถูกเอาใจใส่มากๆ ก็อาจรู้สึกอึดอัด รำคาญ แล้วก็เหนื่อยใจกับความรักที่ได้รับจากเธอเหมือนกัน

เพราะหากเธอรักใครมากๆ ก็คงอยากจะออดอ้อน อยากแสดงความรักอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการกอดจูบ จับแขน จับมือ เรียกง่ายๆ ว่าเกาะเหมือนลูกลิง แล้วยังอยากให้อีกฝ่ายใช้เวลาอยู่ด้วยกันแค่สองคนเท่านั้น แบบนี้เวลาเขาไปเที่ยวกับแก๊งเพื่อนสนิท เพื่อนที่ทำงาน หรือแม้แต่ครอบครัวของเขาเองก็ตาม เธอก็จะมีอาการหึงและหวงหนักมากจนกลายเป็นทะเลาะกัน ซึ่งนิสัยอยากเป็นเจ้าของเก็บเขาไว้กับตัวคนเดียว มันอาจทำให้คนรักเขาเกิดอาการกลัวและอยากจะวิ่งหนีไปจากเธอได้นะ

  

เหตุผลข้อสุดท้ายที่เราอยากเตือนสติว่าคุณสาวๆ ไม่ควรรักใครมากเกินไป ก็เป็นเพราะว่าความรักมากมายที่เธอมอบให้เขา อาจเป็นการเปิดโอกาสให้คนรักเอาเปรียบเธอได้ง่ายๆ นั่นเองค่ะ

นั่นก็เพราะอีกฝ่ายคงรู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะทำตัวแย่แค่ไหน ทำไม่ดีกับเธอมากเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องเป็นฝ่ายยอมหรือให้อภัยเขาง่ายๆ อยู่ดี แบบนี้เวลาที่เขาจะทำอะไรไม่ดีก็จะไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่นึกถึงความรู้สึกของเธออีกต่อไป รวมทั้งการที่เธอเป็นฝ่ายยอมเพราะรักก็จะทำให้คนรักรู้สึกว่า ตัวเองไม่ต้องทุ่มเทความพยายามในความสัมพันธ์ครั้งนี้ แล้วผลักภาระหน้าที่ทั้งหมดให้เธอแบกรับอยู่คนเดียวด้วย