64729332 643406519494195 9125950986523958800 n
Articles health
สุขภาพ

#คนทักว่าท้องเฉย! 8 กฎเหล็ก 'กินลดไขมันพุง ไม่ต้องออกกำลังกาย' หน้าท้องแบนราบแบบไม่เหนื่อย (´ ε ` )♡

ปล่อยตัวมากไปหน่อย ไขมันก่อตัวเยอะที่พุง ล่าสุดมีคนลุกให้นั่งในรถเมล์แล้วจ้า "คนท้องยืนนานไม่ดีนะ" เขินมากแม่! ไม่อยากรับบทคนท้องล้าวว ต้องเปลี่ยนการกินอย่างด่วน เสื้อครอปจ๋า พี่จะไปหาแล้ว!


» » - - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • 1. กินอาหาร/เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ 'ขับปัสสาวะ ลดบวม' ในทุกมื้อ

    • 2. ดื่มชาสมุนไพรที่ช่วย 'ดีท็อกซ์ลำไส้' ตามธรรมชาติ

    • 3. เปลี่ยนจานอาหารให้ 'เล็กลง' กว่าเดิม

    • 4. กินอาหารที่ 'เค็มน้อย' เลี่ยงโซเดียมจากเกลือให้มากที่สุด

    • 5. 'เคี้ยวอาหารให้ละเอียด' ก่อนกลืนลงกระเพาะ

    • 6. เน้นกินอาหารที่มี 'ไฟเบอร์สูง'

    • 7. กินอาหารที่มี 'แมกนีเซียมและโพแตสเซียม' สูง

    • 8. ดื่ม 'น้ำเปล่า' 1-2 แก้วหลังตื่นนอนทันที


    - - - สวัสดีค่าาา สาวๆ SistaCafe ที่กำลังมี ' พุงน้อยๆ ' ทุกคน - - -

    ดูจากสถานการณ์โควิดช่วงนี้แล้ว ท่าทางจะได้ work from home กันไปยาวๆ ฟิตเนสก็ปิด จากที่ทำงานอยู่บ้านมาแล้วตลอดทั้งปี ของกินทั้งอาหารเดลิเวอรี่ ขนมหวานก็คือเต็มที่มาก จากที่เคยหุ่นดีใส่เสื้อครอป เกาะอก รัดรูป เอวลอยได้ชิลล์ๆ เจ้าไขมันตัวดีก็เริ่มโผล่มาทักทาย หน้าท้องที่เคยแบนราบ ลองจิ้มตอนนี้คือนิ่มย้วยสุดๆ ช่วงนี้ชีวิตก็ยุ่งวุ่นวายเหลือเกิน ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย แต่ก็อยากทวงคืนหุ่นดีหุ่นเดิมกลับมา หรือจะต้องเข้าโหมดอดข้าวดี??

    ใจเย็นก่อน! นักโภชนาการได้บอกไว้ว่า ถ้าอยากมีหน้าท้องแบนราบ ทางออกไม่ใช่การกินน้อยลงเท่าแมวดม หรือถึงขั้นอดข้าวเสมอไป ทรมานตัวเองไม่พอ บางทีอ้วนขึ้นด้วยเพราะร่างกายเข้าโหมดจำศีล เผาผลาญน้อยลง ควร ' เลือกกินอย่างฉลาดขึ้น ' จะเข้าใกล้หุ่นในฝันมากกว่า แค่กินอาหารให้ถูกประเภท ร่างกายก็เบิร์นไขมันได้มากขึ้นโดยไม่ต้องออกกำลังกายด้วยซ้ำไป ถ้าไม่เชื่อก็ลองทำตาม ' 8 กฎเหล็ก กินลดไขมันพุง หน้าท้องแบนราบแบบไม่เหนื่อย ' ในบทความนี้กันเลย ต้องกินอาหารแบบไหนบ้าง มาดูไปพร้อมๆ กันค่ะ  ╰( ͡° ͜ʖ ͡° )つ

    1. กินอาหาร/เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ 'ขับปัสสาวะ ลดบวม' ในทุกมื้อ

    สำหรับสาวๆ บางคนที่เพิ่งมีพุงน้อย ไขมันหน้าท้องอาจจะไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ที่ดูบวมๆ อืดๆ ล้นเสื้อครอป เกาะอกเพราะร่างกาย ' บวมน้ำ ' มากกว่า หากสาวๆ กินอาหารที่มีรสจัด เค็มจัด เผ็ดจัดเยอะเกินไป เช่น บะหมี่ ข้าวกล่องสำเร็จรูป ไส้กรอก เซลล์ในตัวจะทำการอุ้มน้ำ ทำให้ท้องอืด ตัวดูอ้วนเกินกว่าความเป็นจริงได้ ซึ่งเธอสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ ' ขับปัสสาวะ ( diuretic ) ' ชื่ออาจจะฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ ก็แค่ทำให้เข้าห้องน้ำบ่อย ลดบวมเท่านั้นเองค่ะ

    เครื่องดื่มที่ทำให้หน้าท้องแบนราบได้ง่ายที่สุดคือ ' น้ำมะนาว ' เพราะมะนาวช่วยขับน้ำออกจากร่างกายได้ตามธรรมชาติ เวลาสาวๆ เห็นสูตรดีท็อกซ์ร่างกายด้วยน้ำ ทุกคนจึงแนะนำเป็นน้ำเปล่าใส่มะนาวหั่นซีก แต่ถ้าอยากกินผักผลไม้ที่ได้เคี้ยวบ้าง ก็สามารถกินเป็นแตงกวา มะเขือเทศ กีวี แตงโม ผักใบเขียวและอะโวคาโด  ก็ช่วยลดบวม ทำให้เธอกำจัดน้ำส่วนเกินออกได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

    2. ดื่มชาสมุนไพรที่ช่วย 'ดีท็อกซ์ลำไส้' ตามธรรมชาติ

    เครื่องดื่มอีกชนิดที่เราไม่อยากให้สาวๆ พลาดหากอยากลดหน้าท้องคือ ' ชาสมุนไพร ' ที่มีสรรพคุณช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ ลดอาการท้องอืด จิบแล้วส่งผลให้สบายท้อง เพียงดื่มหลังมื้ออาหารที่รู้สึกว่ากินเยอะเกินไป หรือกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก ซึ่งก็มีหลากหลายชนิดให้เลือก ที่ดังๆ หน่อยก็เช่น ขิง, เปปเปอร์มินต์, คาโมไมล์, ชาเขียว, ชามะนาว เป็นต้น

    เพียงหย่อนถุงชาลงไปถ้วย รินน้ำเดือดจัดลงไป รอให้อุ่นแล้วค่อยๆ จิบทีละนิดตอนที่ยังอุ่นอยู่ อย่าปล่อยให้เย็นชืดหรือดื่มรวดเดียว ประสิทธิภาพจะลดลง! นอกจากหน้าท้องจะยุบลงแล้ว ข้อดีคือชาสมุนไพรบางชนิดยังมีฤทธิ์ช่วยกล่อมให้ง่วงนอนได้เร็วขึ้น แก้ปัญหานอนไม่หลับได้อีกด้วย 2 in 1 สุดๆ เช่น ชาคาโมไมล์ค่ะ (´。• ω •。`) ♡

    3. เปลี่ยนจานอาหารให้ 'เล็กลง' กว่าเดิม

    เรียกว่าเป็นทริคทางจิตวิทยาหน่อยๆ ก็ได้ แต่การเปลี่ยนขนาดจานอาหารให้เล็กลงกว่าเดิม ช่วยทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นได้จริง เพราะคนเราไม่ได้กินอาหารแค่ลิ้น แต่เรายังกินทาง ' สายตา ' ด้วยเช่นกัน ถ้าอาหารอยู่ในจานใบใหญ่ เราจะรู้สึกว่าไม่ได้เยอะขนาดนั้น ควรกินให้หมดเดี๋ยวเสียของ ( แม้จะแคลอรี่เกินโควต้าไปมากโข.... ) จึงลงเอยด้วยการได้รับพลังงานส่วนเกินโดยไม่จำเป็น น้ำหนักพุ่ง พุงออกซะงั้น

    มีงานวิจัยเผยว่า คนที่กินน้อยลงกว่าเดิมในจานขนาดเล็ก จะทำให้กินได้หมดเร็วขึ้น ทำให้รู้สึกผิดที่จะเติมจานที่สองหรือหาอะไรกินเพิ่มเติมไปโดยไม่รู้ตัว จึงส่งผลทางอ้อมให้กินน้อยลงต่อวัน จึงน้ำหนักค่อยๆ ลดลงได้ในระยะยาว เพียงกินข้าวในจานหรือชามเล็กๆ ( อย่าขี้โกง อัดข้าวให้เต็มชามนะคะ ใช้ปริมาณเหมือนตักข้าวใส่ชามปกติ ) ติดต่อกันสักเดือนสองเดือน น้ำหนักลงแน่นอน พุงก็ลดลงด้วยเป็นของแถมค่ะ

    4. กินอาหารที่ 'เค็มน้อย' เลี่ยงโซเดียมจากเกลือให้มากที่สุด

    รสเค็มจาก ' เกลือ ' และผงชูรสในอาหารที่อุดมไปด้วยโซเดียม ถือว่าเป็นศัตรูตัวร้ายของหุ่นผอมเพรียวเลยล่ะ! แม้ไม่ใช่คนน้ำหนักเกิน การกินโซเดียมเยอะเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการบวมน้ำ ทั้งใบหน้า แขน ขา นิ้ว ข้อเท้าและเท้า ทำให้ดูอ้วนขึ้น โดยเฉพาะหน้าท้องที่ร่างกายจะกักเก็บของเหลวไว้ด้านใน นอกจากจะใส่ชุดโชว์พุงไม่ได้ หรือยัดตัวเองเข้าไปในกางเกงยีนส์สกินนี่ตัวโปรดลำบากกว่าเดิมแล้ว ถ้าบวมน้ำหนักๆ อาจถึงขั้นนิ้วบวมจนใส่แหวนไม่เข้าเลยทีเดียว

    แทนที่จะปรุงรสอาหารด้วยเกลืออย่างเดียว พยายามเลือกเป็นอาหารสดที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแห้ง เช่น พริกป่น ผงกระเทียม หรือพริกไทยดำแทน ให้รสชาติที่เผ็ดร้อน อร่อย แต่ไม่ทำให้ท้องอืดบวม หรือถ้าทำอาหารเองแบบโฮมเมด ก็พยายามใช้เครื่องปรุงที่เป็นมะนาวหรือน้ำส้มสายชูแทน นอกจากแคลอรี่น้อยลง ยังไม่บวมน้ำ กินแล้วรู้สึกตัวเบาสบาย หน้าท้องก็ไม่ป่องด้วยค่ะ 

    5. 'เคี้ยวอาหารให้ละเอียด' ก่อนกลืนลงกระเพาะ

    ข้อนี้อาจไม่ใช่เรื่องของชนิดอาหารโดยตรง แต่กระบวนการก่อนอาหารจะลงกระเพาะก็ควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน! เช่นการเคี้ยวอาหาร ไม่ใช่ว่าจะเคี้ยวยังไงก็ได้ ถ้ารีบกิน เคี้ยวเร็วเกินไป เธอจะกลืนลมส่วนเกินลงไปด้วย จึงทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อได้ กระเพาะก็รับหน้าที่หนักขึ้นในการย่อยอาหารด้วย ยังไม่นับว่าการกินเร็วเกิน เศษอาหารอาจติดคอ สำลักได้อีก!

    ไม่ว่าจะรีบกินขนาดไหน ก็ต้องเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เมื่อตักอาหารเข้าปากหนึ่งคำ ต้องเคี้ยวซ้ำคำเดิมให้ครบ 20 ครั้งก่อนกลืน ให้แน่ใจว่าเศษอาหารถูกบดละเอียดแล้วจริงๆ เมื่อลงสู่กระเพาะก็ย่อยง่ายขึ้น เมื่อลำไส้ทำงานได้ดี หน้าท้องก็ไม่ป่องกวนใจค่ะ

    6. เน้นกินอาหารที่มี 'ไฟเบอร์สูง'

    หนึ่งในสารอาหารที่มีประโยชน์สุดๆ ที่ไม่ว่าจะอยากผอมหรือแค่สุขภาพดีก็ควรกินคือ ' ไฟเบอร์ ' ซึ่งมีส่วนสำคัญกับลำไส้และการย่อยอาหาร ทำให้อิ่มนาน ไม่หิวพร่ำเพรื่อ ปรับระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ อีกทั้งยังมีคุณประโยชน์อื่นๆ เช่น ลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ ทำให้อายุยืนขึ้น เพราะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้ด้วยค่ะ

    อาหารประเภทไฟเบอร์หลักๆ ที่หาได้ง่ายก็เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง โฮลเกรน แครอท ข้าวโพด บร็อคโคลี่ ผักโขม หรือถ้าไม่ชอบรสสัมผัสของธัญพืชหรือความขมของผัก ก็สามารถกินผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงได้ เช่น กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล ( สีเขียวน้ำตาลน้อยกว่าสีแดง ) มะละกอ มะม่วง ฝรั่ง ( แอบกระซิบว่าดาร์กช็อกโกแลต มะพร้าวขูดและข้าวโพดคั่วที่เป็นของโปรดสาวๆ หลายคน ก็เป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ดีเช่นกัน )  ข่าวดีคืออาหารพวกนี้ก็เป็นอาหารไดเอทไปในตัวอยู่แล้ว ถ้ากินแบบควบคุมปริมาณ ยังไงหุ่นก็ดีขึ้นชัวร์

    7. กินอาหารที่มี 'แมกนีเซียมและโพแตสเซียม' สูง

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดสุขภาพ)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe