

สุขภาพ
#คนทักว่าท้องเฉย! 8 กฎเหล็ก 'กินลดไขมันพุง ไม่ต้องออกกำลังกาย' หน้าท้องแบนราบแบบไม่เหนื่อย (´ ε ` )♡
ปล่อยตัวมากไปหน่อย ไขมันก่อตัวเยอะที่พุง ล่าสุดมีคนลุกให้นั่งในรถเมล์แล้วจ้า "คนท้องยืนนานไม่ดีนะ" เขินมากแม่! ไม่อยากรับบทคนท้องล้าวว ต้องเปลี่ยนการกินอย่างด่วน เสื้อครอปจ๋า พี่จะไปหาแล้ว!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
1. กินอาหาร/เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ 'ขับปัสสาวะ ลดบวม' ในทุกมื้อ
2. ดื่มชาสมุนไพรที่ช่วย 'ดีท็อกซ์ลำไส้' ตามธรรมชาติ
3. เปลี่ยนจานอาหารให้ 'เล็กลง' กว่าเดิม
4. กินอาหารที่ 'เค็มน้อย' เลี่ยงโซเดียมจากเกลือให้มากที่สุด
5. 'เคี้ยวอาหารให้ละเอียด' ก่อนกลืนลงกระเพาะ
6. เน้นกินอาหารที่มี 'ไฟเบอร์สูง'
7. กินอาหารที่มี 'แมกนีเซียมและโพแตสเซียม' สูง
8. ดื่ม 'น้ำเปล่า' 1-2 แก้วหลังตื่นนอนทันที
- - - สวัสดีค่าาา สาวๆ SistaCafe ที่กำลังมี ' พุงน้อยๆ ' ทุกคน - - -
ดูจากสถานการณ์โควิดช่วงนี้แล้ว ท่าทางจะได้ work from home กันไปยาวๆ ฟิตเนสก็ปิด จากที่ทำงานอยู่บ้านมาแล้วตลอดทั้งปี ของกินทั้งอาหารเดลิเวอรี่ ขนมหวานก็คือเต็มที่มาก จากที่เคยหุ่นดีใส่เสื้อครอป เกาะอก รัดรูป เอวลอยได้ชิลล์ๆ เจ้าไขมันตัวดีก็เริ่มโผล่มาทักทาย หน้าท้องที่เคยแบนราบ ลองจิ้มตอนนี้คือนิ่มย้วยสุดๆ ช่วงนี้ชีวิตก็ยุ่งวุ่นวายเหลือเกิน ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย แต่ก็อยากทวงคืนหุ่นดีหุ่นเดิมกลับมา หรือจะต้องเข้าโหมดอดข้าวดี??
ดูจากสถานการณ์โควิดช่วงนี้แล้ว ท่าทางจะได้ work from home กันไปยาวๆ ฟิตเนสก็ปิด จากที่ทำงานอยู่บ้านมาแล้วตลอดทั้งปี ของกินทั้งอาหารเดลิเวอรี่ ขนมหวานก็คือเต็มที่มาก จากที่เคยหุ่นดีใส่เสื้อครอป เกาะอก รัดรูป เอวลอยได้ชิลล์ๆ เจ้าไขมันตัวดีก็เริ่มโผล่มาทักทาย หน้าท้องที่เคยแบนราบ ลองจิ้มตอนนี้คือนิ่มย้วยสุดๆ ช่วงนี้ชีวิตก็ยุ่งวุ่นวายเหลือเกิน ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย แต่ก็อยากทวงคืนหุ่นดีหุ่นเดิมกลับมา หรือจะต้องเข้าโหมดอดข้าวดี??
ใจเย็นก่อน! นักโภชนาการได้บอกไว้ว่า ถ้าอยากมีหน้าท้องแบนราบ ทางออกไม่ใช่การกินน้อยลงเท่าแมวดม หรือถึงขั้นอดข้าวเสมอไป ทรมานตัวเองไม่พอ บางทีอ้วนขึ้นด้วยเพราะร่างกายเข้าโหมดจำศีล เผาผลาญน้อยลง ควร ' เลือกกินอย่างฉลาดขึ้น ' จะเข้าใกล้หุ่นในฝันมากกว่า แค่กินอาหารให้ถูกประเภท ร่างกายก็เบิร์นไขมันได้มากขึ้นโดยไม่ต้องออกกำลังกายด้วยซ้ำไป ถ้าไม่เชื่อก็ลองทำตาม ' 8 กฎเหล็ก กินลดไขมันพุง หน้าท้องแบนราบแบบไม่เหนื่อย ' ในบทความนี้กันเลย ต้องกินอาหารแบบไหนบ้าง มาดูไปพร้อมๆ กันค่ะ ╰( ͡° ͜ʖ ͡° )つ
1. กินอาหาร/เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ 'ขับปัสสาวะ ลดบวม' ในทุกมื้อ
สำหรับสาวๆ บางคนที่เพิ่งมีพุงน้อย ไขมันหน้าท้องอาจจะไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ที่ดูบวมๆ อืดๆ ล้นเสื้อครอป เกาะอกเพราะร่างกาย ' บวมน้ำ ' มากกว่า หากสาวๆ กินอาหารที่มีรสจัด เค็มจัด เผ็ดจัดเยอะเกินไป เช่น บะหมี่ ข้าวกล่องสำเร็จรูป ไส้กรอก เซลล์ในตัวจะทำการอุ้มน้ำ ทำให้ท้องอืด ตัวดูอ้วนเกินกว่าความเป็นจริงได้ ซึ่งเธอสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ ' ขับปัสสาวะ ( diuretic ) ' ชื่ออาจจะฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ ก็แค่ทำให้เข้าห้องน้ำบ่อย ลดบวมเท่านั้นเองค่ะ
เครื่องดื่มที่ทำให้หน้าท้องแบนราบได้ง่ายที่สุดคือ ' น้ำมะนาว ' เพราะมะนาวช่วยขับน้ำออกจากร่างกายได้ตามธรรมชาติ เวลาสาวๆ เห็นสูตรดีท็อกซ์ร่างกายด้วยน้ำ ทุกคนจึงแนะนำเป็นน้ำเปล่าใส่มะนาวหั่นซีก แต่ถ้าอยากกินผักผลไม้ที่ได้เคี้ยวบ้าง ก็สามารถกินเป็นแตงกวา มะเขือเทศ กีวี แตงโม ผักใบเขียวและอะโวคาโด ก็ช่วยลดบวม ทำให้เธอกำจัดน้ำส่วนเกินออกได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
เครื่องดื่มที่ทำให้หน้าท้องแบนราบได้ง่ายที่สุดคือ ' น้ำมะนาว ' เพราะมะนาวช่วยขับน้ำออกจากร่างกายได้ตามธรรมชาติ เวลาสาวๆ เห็นสูตรดีท็อกซ์ร่างกายด้วยน้ำ ทุกคนจึงแนะนำเป็นน้ำเปล่าใส่มะนาวหั่นซีก แต่ถ้าอยากกินผักผลไม้ที่ได้เคี้ยวบ้าง ก็สามารถกินเป็นแตงกวา มะเขือเทศ กีวี แตงโม ผักใบเขียวและอะโวคาโด ก็ช่วยลดบวม ทำให้เธอกำจัดน้ำส่วนเกินออกได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
2. ดื่มชาสมุนไพรที่ช่วย 'ดีท็อกซ์ลำไส้' ตามธรรมชาติ
เครื่องดื่มอีกชนิดที่เราไม่อยากให้สาวๆ พลาดหากอยากลดหน้าท้องคือ ' ชาสมุนไพร ' ที่มีสรรพคุณช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ ลดอาการท้องอืด จิบแล้วส่งผลให้สบายท้อง เพียงดื่มหลังมื้ออาหารที่รู้สึกว่ากินเยอะเกินไป หรือกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก ซึ่งก็มีหลากหลายชนิดให้เลือก ที่ดังๆ หน่อยก็เช่น ขิง, เปปเปอร์มินต์, คาโมไมล์, ชาเขียว, ชามะนาว เป็นต้น
เพียงหย่อนถุงชาลงไปถ้วย รินน้ำเดือดจัดลงไป รอให้อุ่นแล้วค่อยๆ จิบทีละนิดตอนที่ยังอุ่นอยู่ อย่าปล่อยให้เย็นชืดหรือดื่มรวดเดียว ประสิทธิภาพจะลดลง! นอกจากหน้าท้องจะยุบลงแล้ว ข้อดีคือชาสมุนไพรบางชนิดยังมีฤทธิ์ช่วยกล่อมให้ง่วงนอนได้เร็วขึ้น แก้ปัญหานอนไม่หลับได้อีกด้วย 2 in 1 สุดๆ เช่น ชาคาโมไมล์ค่ะ (´。• ω •。`) ♡
เพียงหย่อนถุงชาลงไปถ้วย รินน้ำเดือดจัดลงไป รอให้อุ่นแล้วค่อยๆ จิบทีละนิดตอนที่ยังอุ่นอยู่ อย่าปล่อยให้เย็นชืดหรือดื่มรวดเดียว ประสิทธิภาพจะลดลง! นอกจากหน้าท้องจะยุบลงแล้ว ข้อดีคือชาสมุนไพรบางชนิดยังมีฤทธิ์ช่วยกล่อมให้ง่วงนอนได้เร็วขึ้น แก้ปัญหานอนไม่หลับได้อีกด้วย 2 in 1 สุดๆ เช่น ชาคาโมไมล์ค่ะ (´。• ω •。`) ♡
3. เปลี่ยนจานอาหารให้ 'เล็กลง' กว่าเดิม
เรียกว่าเป็นทริคทางจิตวิทยาหน่อยๆ ก็ได้ แต่การเปลี่ยนขนาดจานอาหารให้เล็กลงกว่าเดิม ช่วยทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นได้จริง เพราะคนเราไม่ได้กินอาหารแค่ลิ้น แต่เรายังกินทาง ' สายตา ' ด้วยเช่นกัน ถ้าอาหารอยู่ในจานใบใหญ่ เราจะรู้สึกว่าไม่ได้เยอะขนาดนั้น ควรกินให้หมดเดี๋ยวเสียของ ( แม้จะแคลอรี่เกินโควต้าไปมากโข.... ) จึงลงเอยด้วยการได้รับพลังงานส่วนเกินโดยไม่จำเป็น น้ำหนักพุ่ง พุงออกซะงั้น
มีงานวิจัยเผยว่า คนที่กินน้อยลงกว่าเดิมในจานขนาดเล็ก จะทำให้กินได้หมดเร็วขึ้น ทำให้รู้สึกผิดที่จะเติมจานที่สองหรือหาอะไรกินเพิ่มเติมไปโดยไม่รู้ตัว จึงส่งผลทางอ้อมให้กินน้อยลงต่อวัน จึงน้ำหนักค่อยๆ ลดลงได้ในระยะยาว เพียงกินข้าวในจานหรือชามเล็กๆ ( อย่าขี้โกง อัดข้าวให้เต็มชามนะคะ ใช้ปริมาณเหมือนตักข้าวใส่ชามปกติ ) ติดต่อกันสักเดือนสองเดือน น้ำหนักลงแน่นอน พุงก็ลดลงด้วยเป็นของแถมค่ะ
มีงานวิจัยเผยว่า คนที่กินน้อยลงกว่าเดิมในจานขนาดเล็ก จะทำให้กินได้หมดเร็วขึ้น ทำให้รู้สึกผิดที่จะเติมจานที่สองหรือหาอะไรกินเพิ่มเติมไปโดยไม่รู้ตัว จึงส่งผลทางอ้อมให้กินน้อยลงต่อวัน จึงน้ำหนักค่อยๆ ลดลงได้ในระยะยาว เพียงกินข้าวในจานหรือชามเล็กๆ ( อย่าขี้โกง อัดข้าวให้เต็มชามนะคะ ใช้ปริมาณเหมือนตักข้าวใส่ชามปกติ ) ติดต่อกันสักเดือนสองเดือน น้ำหนักลงแน่นอน พุงก็ลดลงด้วยเป็นของแถมค่ะ
4. กินอาหารที่ 'เค็มน้อย' เลี่ยงโซเดียมจากเกลือให้มากที่สุด
รสเค็มจาก ' เกลือ ' และผงชูรสในอาหารที่อุดมไปด้วยโซเดียม ถือว่าเป็นศัตรูตัวร้ายของหุ่นผอมเพรียวเลยล่ะ! แม้ไม่ใช่คนน้ำหนักเกิน การกินโซเดียมเยอะเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการบวมน้ำ ทั้งใบหน้า แขน ขา นิ้ว ข้อเท้าและเท้า ทำให้ดูอ้วนขึ้น โดยเฉพาะหน้าท้องที่ร่างกายจะกักเก็บของเหลวไว้ด้านใน นอกจากจะใส่ชุดโชว์พุงไม่ได้ หรือยัดตัวเองเข้าไปในกางเกงยีนส์สกินนี่ตัวโปรดลำบากกว่าเดิมแล้ว ถ้าบวมน้ำหนักๆ อาจถึงขั้นนิ้วบวมจนใส่แหวนไม่เข้าเลยทีเดียว
แทนที่จะปรุงรสอาหารด้วยเกลืออย่างเดียว พยายามเลือกเป็นอาหารสดที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแห้ง เช่น พริกป่น ผงกระเทียม หรือพริกไทยดำแทน ให้รสชาติที่เผ็ดร้อน อร่อย แต่ไม่ทำให้ท้องอืดบวม หรือถ้าทำอาหารเองแบบโฮมเมด ก็พยายามใช้เครื่องปรุงที่เป็นมะนาวหรือน้ำส้มสายชูแทน นอกจากแคลอรี่น้อยลง ยังไม่บวมน้ำ กินแล้วรู้สึกตัวเบาสบาย หน้าท้องก็ไม่ป่องด้วยค่ะ
แทนที่จะปรุงรสอาหารด้วยเกลืออย่างเดียว พยายามเลือกเป็นอาหารสดที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแห้ง เช่น พริกป่น ผงกระเทียม หรือพริกไทยดำแทน ให้รสชาติที่เผ็ดร้อน อร่อย แต่ไม่ทำให้ท้องอืดบวม หรือถ้าทำอาหารเองแบบโฮมเมด ก็พยายามใช้เครื่องปรุงที่เป็นมะนาวหรือน้ำส้มสายชูแทน นอกจากแคลอรี่น้อยลง ยังไม่บวมน้ำ กินแล้วรู้สึกตัวเบาสบาย หน้าท้องก็ไม่ป่องด้วยค่ะ
5. 'เคี้ยวอาหารให้ละเอียด' ก่อนกลืนลงกระเพาะ
ข้อนี้อาจไม่ใช่เรื่องของชนิดอาหารโดยตรง แต่กระบวนการก่อนอาหารจะลงกระเพาะก็ควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน! เช่นการเคี้ยวอาหาร ไม่ใช่ว่าจะเคี้ยวยังไงก็ได้ ถ้ารีบกิน เคี้ยวเร็วเกินไป เธอจะกลืนลมส่วนเกินลงไปด้วย จึงทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อได้ กระเพาะก็รับหน้าที่หนักขึ้นในการย่อยอาหารด้วย ยังไม่นับว่าการกินเร็วเกิน เศษอาหารอาจติดคอ สำลักได้อีก!
ไม่ว่าจะรีบกินขนาดไหน ก็ต้องเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เมื่อตักอาหารเข้าปากหนึ่งคำ ต้องเคี้ยวซ้ำคำเดิมให้ครบ 20 ครั้งก่อนกลืน ให้แน่ใจว่าเศษอาหารถูกบดละเอียดแล้วจริงๆ เมื่อลงสู่กระเพาะก็ย่อยง่ายขึ้น เมื่อลำไส้ทำงานได้ดี หน้าท้องก็ไม่ป่องกวนใจค่ะ
ไม่ว่าจะรีบกินขนาดไหน ก็ต้องเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เมื่อตักอาหารเข้าปากหนึ่งคำ ต้องเคี้ยวซ้ำคำเดิมให้ครบ 20 ครั้งก่อนกลืน ให้แน่ใจว่าเศษอาหารถูกบดละเอียดแล้วจริงๆ เมื่อลงสู่กระเพาะก็ย่อยง่ายขึ้น เมื่อลำไส้ทำงานได้ดี หน้าท้องก็ไม่ป่องกวนใจค่ะ
6. เน้นกินอาหารที่มี 'ไฟเบอร์สูง'
หนึ่งในสารอาหารที่มีประโยชน์สุดๆ ที่ไม่ว่าจะอยากผอมหรือแค่สุขภาพดีก็ควรกินคือ ' ไฟเบอร์ ' ซึ่งมีส่วนสำคัญกับลำไส้และการย่อยอาหาร ทำให้อิ่มนาน ไม่หิวพร่ำเพรื่อ ปรับระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ อีกทั้งยังมีคุณประโยชน์อื่นๆ เช่น ลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ ทำให้อายุยืนขึ้น เพราะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้ด้วยค่ะ
อาหารประเภทไฟเบอร์หลักๆ ที่หาได้ง่ายก็เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง โฮลเกรน แครอท ข้าวโพด บร็อคโคลี่ ผักโขม หรือถ้าไม่ชอบรสสัมผัสของธัญพืชหรือความขมของผัก ก็สามารถกินผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงได้ เช่น กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล ( สีเขียวน้ำตาลน้อยกว่าสีแดง ) มะละกอ มะม่วง ฝรั่ง ( แอบกระซิบว่าดาร์กช็อกโกแลต มะพร้าวขูดและข้าวโพดคั่วที่เป็นของโปรดสาวๆ หลายคน ก็เป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ดีเช่นกัน ) ข่าวดีคืออาหารพวกนี้ก็เป็นอาหารไดเอทไปในตัวอยู่แล้ว ถ้ากินแบบควบคุมปริมาณ ยังไงหุ่นก็ดีขึ้นชัวร์
อาหารประเภทไฟเบอร์หลักๆ ที่หาได้ง่ายก็เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง โฮลเกรน แครอท ข้าวโพด บร็อคโคลี่ ผักโขม หรือถ้าไม่ชอบรสสัมผัสของธัญพืชหรือความขมของผัก ก็สามารถกินผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงได้ เช่น กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล ( สีเขียวน้ำตาลน้อยกว่าสีแดง ) มะละกอ มะม่วง ฝรั่ง ( แอบกระซิบว่าดาร์กช็อกโกแลต มะพร้าวขูดและข้าวโพดคั่วที่เป็นของโปรดสาวๆ หลายคน ก็เป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ดีเช่นกัน ) ข่าวดีคืออาหารพวกนี้ก็เป็นอาหารไดเอทไปในตัวอยู่แล้ว ถ้ากินแบบควบคุมปริมาณ ยังไงหุ่นก็ดีขึ้นชัวร์
7. กินอาหารที่มี 'แมกนีเซียมและโพแตสเซียม' สูง
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดสุขภาพ)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe