อยู่ยังงี้ต่อไปไม่ได้ละ! 7 สัญญาณบอกชัดว่าเธอควร 'เปลี่ยนชีวิตเดิมๆ' ที่ซ้ำซากจำเจ ปลุกไฟในตัวอีกครั้ง
PAGE 2/2
Home » อื่น ๆ » อยู่ยังงี้ต่อไปไม่ได้ละ! 7 สัญญาณบอกชัดว่าเธอควร 'เปลี่ยนชีวิตเดิมๆ' ที่ซ้ำซากจำเจ ปลุกไฟในตัวอีกครั้ง
เพราะชีวิตปัจจุบันนี้ก็หม่นหมอง กระตุ้นให้เธอมีความรู้สึกทางลบได้ง่ายอยู่แล้ว เหมือนจิตใจเป็นเตาถ่านที่แค่มีสะเก็ดไฟเล็กๆ โยนเข้าไป ก็พร้อมจะระเบิดลุกเป็นไฟโชติช่วงได้ตลอดเวลา สะเก็ดเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนเรื่องแย่ๆ ที่เธอบังเอิญหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอในแต่ละวัน อาจจะไม่ใช่เรื่องเฉพาะเจาะจงที่เธอโดยตรง แต่เมื่อเจอก็อารมณ์เสียไปทั้งวัน เช่น หมากัด ฝนตกน้ำท่วม รถติด สะดุดเท้าตัวเองหน้าบันไดเลื่อน เจ้านายขึ้นเสียงใส่ เพื่อนไม่ชวนไปงานแต่งงาน etc.
ถ้าเธอมีชีวิตที่รวมๆ มีความสุขอยู่แล้ว เรื่องเหล่านี้อาจทำให้สะดุดไปบ้าง แต่ไม่กี่นาทีเธอก็ลืมแล้ว เพราะไม่ได้มีความสำคัญอะไร ยังมีเรื่องดีๆ อย่างอื่นให้คิด แต่ถ้าแค่ฝนตก น้ำท่วมเรื่องเดียว เธอก็นั่งคิดไปถึงชีวิตที่ผ่านมา ผังเมือง การคมนาคม ความสัมพันธ์ในครอบครัว คิดไปคิดมาก็โมโหที่ต้องทนอยู่แบบนี้ ก็ชัดแล้วว่าสภาพแวดล้อมปัจจุบันคือปัญหา หากไม่สามารถเปลี่ยนหรือเริ่มแก้ไขที่ตัวเองได้ ทางออกที่ง่ายที่สุดคือ ' หนีออกจากสภาพแวดล้อมเดิม ' เท่านั้น
ถ้าเธอมีชีวิตที่รวมๆ มีความสุขอยู่แล้ว เรื่องเหล่านี้อาจทำให้สะดุดไปบ้าง แต่ไม่กี่นาทีเธอก็ลืมแล้ว เพราะไม่ได้มีความสำคัญอะไร ยังมีเรื่องดีๆ อย่างอื่นให้คิด แต่ถ้าแค่ฝนตก น้ำท่วมเรื่องเดียว เธอก็นั่งคิดไปถึงชีวิตที่ผ่านมา ผังเมือง การคมนาคม ความสัมพันธ์ในครอบครัว คิดไปคิดมาก็โมโหที่ต้องทนอยู่แบบนี้ ก็ชัดแล้วว่าสภาพแวดล้อมปัจจุบันคือปัญหา หากไม่สามารถเปลี่ยนหรือเริ่มแก้ไขที่ตัวเองได้ ทางออกที่ง่ายที่สุดคือ ' หนีออกจากสภาพแวดล้อมเดิม ' เท่านั้น
7. ไม่มีพลังงานในการใช้ชีวิต เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะจบๆ ไปสักที
ถ้าเธอคือโทรศัพท์มือถือ จะบอกว่าตัวเองอยู่ในโหมด ' แบต 5% ' ตลอดก็คงได้ คือเฉื่อย เนือยมากเวอร์ ไม่มีกำลังใจในการใช้ชีวิตที่แท้จริง อยู่ไปวันๆ เมื่อไหร่จะหมดวัน ตอกบัตร ทำงานรับเงิน เดินทางกลับบ้าน ดูหนัง นอน ชีวิตวนอยู่แค่นี้ อ่านข่าวก็เบื่อไปหมด เมื่อไหร่โลกจะแตกสักที ขี้เกียจมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ชาติหน้ามีจริงขอไม่เกิดมาแล้วนะ บลา บลา บลา นี่แหละคนกำลังมีความทุกข์เลยค่ะ
ถ้าเธอรู้สึกเพลีย เหนื่อยล้า ไปหาหมอก็บอกว่าไม่มีความผิดปกติทางกายอะไร บางทีสาเหตุจริงอาจอยู่ที่จิตใจก็ได้ เพราะเวลาสภาพจิตใจแย่มากๆ มันก็ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายด้วยเหมือนกัน เข้าทำนองที่ว่า ' ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ' นั่นเอง หากรู้ตัวว่าสิ่งที่เป็นไม่ใช่ปัญหาที่หมอทางกายวินิจฉัยได้แน่ๆ เพราะมีแต่ความคิดลบเต็มหัวไปหมด ก็คงต้องเริ่มทบทวนว่าปัญหาเกิดจากอะไร หากมีปัจจัยจากสภาพแวดล้อม สังคมที่อยู่ ก็ลองถอยออกมาแล้วดูว่ามีความสุขมากขึ้นไหม ถ้าใช่ ก็นั่นแหละคำตอบ!
ถ้าเธอรู้สึกเพลีย เหนื่อยล้า ไปหาหมอก็บอกว่าไม่มีความผิดปกติทางกายอะไร บางทีสาเหตุจริงอาจอยู่ที่จิตใจก็ได้ เพราะเวลาสภาพจิตใจแย่มากๆ มันก็ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายด้วยเหมือนกัน เข้าทำนองที่ว่า ' ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ' นั่นเอง หากรู้ตัวว่าสิ่งที่เป็นไม่ใช่ปัญหาที่หมอทางกายวินิจฉัยได้แน่ๆ เพราะมีแต่ความคิดลบเต็มหัวไปหมด ก็คงต้องเริ่มทบทวนว่าปัญหาเกิดจากอะไร หากมีปัจจัยจากสภาพแวดล้อม สังคมที่อยู่ ก็ลองถอยออกมาแล้วดูว่ามีความสุขมากขึ้นไหม ถ้าใช่ ก็นั่นแหละคำตอบ!
---------------------------------------
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่แย่นรกแตก หาแสงสว่างปลายทางที่อุโมงค์ไม่เจอแค่ไหน เราก็ยังอยากให้สาวซิสมีความหวัง มองโลกในแง่บวกเข้าไว้! อาจจะพูดง่ายแต่ทำยาก บางคนกำลังจะอดตาย บางคนความฝันครั้งเดียวหลุดลอยไปและไม่อาจหวนคืนมาอีก แต่ถ้ามองอีกมุมมันก็คือโชคชะตาที่เราบังคับไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือยอมรับและหาทางแก้ไขปัญหา เราเชื่อว่าถ้ามนุษย์ทุกคนยังมีลมหายใจอยู่ ก็ยังเริ่มใหม่กับทุกอย่างในวันรุ่งขึ้นได้เสมอค่ะ (・ω<)☆
อย่าเพิ่งยอมแพ้กับวังวนเดิมๆ คิดไปเองว่าจะหาทางออกไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้ลอง สุดท้ายมันอยู่ที่ mindset และความตั้งใจจริงของซิสเองว่า อยากจะก้าวผ่านออกมาจากตรงนั้นจริงๆ หรือเปล่า เนื่องในช่วงใกล้สิ้นปีแล้ว ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะทิ้งสิ่งเก่าๆ ที่วนลูปจำเจ ส่งผลเสียกับสุขภาพจิต และเริ่มเขียนแพลน 2021's Resolution ขึ้นมาใหม่ ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงไม่รู้ แต่เราแน่ใจว่าถ้าความคิดดี ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน จับมือข้ามผ่านปีหน้าไปด้วยกันนะคะ สู้! ヾ(=`ω´=)ノ”