44509960 2086337671398026 4689912611163703395 n
Articles makeup
ความงาม

#สิวปะทุทุกเดือนทำไงดี? 7 คำแนะนำ 'ลดสิวอักเสบจากประจำเดือน' ให้หน้าเนียนใสปิ๊ง แม้ในวันมามาก ❤

ธรรมชาติของผู้หญิง ( ที่น่ารำคาญสุดๆ ) กับฮอร์โมนที่ไม่ได้มาแค่เลือดหรืออาการปวดท้อง แต่มี 'สิวอักเสบ' เป็นแพ็กเกจเสริมด้วย วันนี้เรามาบอกต่อคำแนะนำในการช่วย 'ลดสิวอักเสบจากประจำเดือน' จากบล็อกเกอร์สายฝ. สุขภาพทั้ง 7 คนกันค่ะ


» » - » » - - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • 1. ปล่อยสิวไว้อย่างนั้น อย่าไป 'แคะ แกะ บีบ' ให้อักเสบกว่าเดิมเด็ดขาด!

    • 2. ใช้ 'แผ่นแปะสิว' เพื่อดูดเชื้อสิวออกมา ป้องกันมือซน แกะเกาจนอักเสบ

    • 3. ไม่แต่งหน้าทับหลายชั้นมากเกินไป บริเวณที่มีสิว ผิวจะหายใจไม่ออก!

    • 4. เปลี่ยน 'ประเภทอาหารที่กิน' เพื่อป้องกันและลดสิวอักเสบ ช่วงมีปจด.

    • 5. แต้มน้ำมัน 'Tea Tree Oil' เพื่อลดสิวอักเสบ จัดการถึงต้นตอของรากสิว!

    • 6. มาส์กหน้าด้วย 'ชาร์โคล (ถ่านดำ)' เพื่อป้องกันการเกิดสิว

    • 7. ดื่มชาราสเบอร์รี่อุ่นๆ 1 แก้ว ทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดสิว

     

    ฮัลโหลค่าา สาวๆ SistaCafe คนอยากหน้าใสกิ๊งทั้งหลาย (´。• ᵕ •。`) ♡

    ผู้หญิงเหมือนเพศที่โดนพระเจ้าสาปที่แท้จริง! ต้องเจอแพ็กเกจคู่กันอย่าง ' ประจำเดือน ' เจออาการ PMS ปวดท้องน้อย เมื่อยเนื้อตัว ปวดหลัง ฮอร์โมนแปรปรวน อารมณ์ดิ่ง นั่งมองฟ้าอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้น้ำตาไหล แต่ปัญหาที่น่าเบื่อ น่ารำคาญที่สุดขอมอบให้ ' สิว ' ที่ขยันขึ้นผิวหน้าซะเหลือเกิน
    แก้มบ้าง คางบ้าง ปูดแดงอักเสบอย่างไร้เหตุผล ขยันทาเจลแต้มสิวรัวๆ พอสิวสุกใกล้หายก็ถึงรอบเดือนรอบใหม่ สิวชุดใหม่ก็มาเซย์ไฮอี๊กกก ช่วงนี้ต้องใส่แมสอับๆ ตลอดเวลา ก็มีสิวแพ้แมสอยู่แล้ว มาเจอสิวนี้อีก แล้วเมื่อไหร่จะกล้าหน้าสด หน้าใสโชว์ผู้คนล่ะเนี่ย ฮือ (ಥ﹏ಥ)

    นั่นเพราะเมื่อใกล้จะถึงรอบเดือน ระดับฮอร์โมนในตัวผู้หญิงทุกคนจะมีการเปลี่ยนแปลง กระตุ้นต่อมไขมันใต้ผิวหนังให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตัน เกิดสิวปะทุลุกลามทั่วใบหน้า! ใครโชคดีฮอร์โมนค่อนข้างสมดุลก็ขึ้นเม็ดสองเม็ด แต่ถ้าใครฮอร์โมนผันผวนสูง ก็มีสิทธิ์ที่สิวจะขึ้นรัวๆ ทั้งหน้า รวมถึงเหตุผลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สิ่งสกปรก มลภาวะ แพ้สกินแคร์ เมคอัพ แต่หากเธอแน่ใจว่าสิวที่มีมาจากฮอร์โมนในร่างกาย ก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ เพียงทำตาม 7 คำแนะนำลดสิวอักเสบ จากบล็อกเกอร์สายฝ. สายสุขภาพในบทความนี้ เป็นวิธีง่ายๆ ใครก็ทำได้ #มาสู้กับเจ้าสิวตัวร้ายไปด้วยกัน

    1. ปล่อยสิวไว้อย่างนั้น อย่าไป 'แคะ แกะ บีบ' ให้อักเสบกว่าเดิมเด็ดขาด!

    เมื่อสิวเริ่มตุ่ยๆ เป็นก้อนๆ แตะโดนแล้วรู้สึกเจ็บ รู้แน่แล้วว่ามีการอักเสบอยู่ชั้นใต้ผิว หรืออาจขึ้นหัวสิวแล้ว ก็ควรปล่อยสิวไว้อย่างนั้น อย่าไปบีบเค้น แคะ แกะ เกา เพราะจะยิ่งอักเสบบวมปูดเข้าไปใหญ่! คุณ Nicole Pearl ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและผู้ก่อตั้ง TheBeautyGirl.com แนะนำว่า " ฉันพยายามสุดๆ ที่จะไม่ไปยุ่งกับสิว เพราะยิ่งไปเค้น หน้าก็ยิ่งพังมากขึ้น " 

    หากคันไม้คันมือเหลือเกิน เห็นสิวแล้วอยากจะบีบให้ได้ ก็ให้ท่องเตือนสติตัวเองว่า " ฉันชอบบีบสิว และตอนนี้ฉันก็จะทำสิ่งที่ทิ้งรอยไว้บนหน้าหกเดือนเต็ม!!! " เพื่อยั้งมือตัวเองไม่ให้สร้างรอยแผลเป็นจากสิว เพราะถ้ามีรอยบนผิวหน้าแล้ว ใช้เวลาซ่อมนานมาก ยิ่งอายุเยอะยิ่งนาน! เธอจะใช้เจลแต้มสิวที่มีส่วนผสมของ salicylic acid แต้มลงไปทันที เพื่อให้รูขุมขนคลายตัวลง สิวหลุดออกมา โดยคุณ Nicole จะทาทิ้งไว้บริเวณที่เป็นสิว 2-3 นาทีเหมือนมาส์ก แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ

    2. ใช้ 'แผ่นแปะสิว' เพื่อดูดเชื้อสิวออกมา ป้องกันมือซน แกะเกาจนอักเสบ

    อีกทริคหนึ่งที่ช่วยยั้งมือตัวเองไม่ให้เผลอไปสัมผัสสิวอักเสบ คือการใช้แผ่นแปะดูดหัวสิวออกมา ซึ่งเป็นวิธีการที่คุณ Calyn Brooke อินฟลูเอนเซอร์ด้านสุขภาพและฟิตเนสใช้เพื่อรักษาสิวประจำเดือน แผ่นแปะเหล่านี้จะเป็นสติ๊กเกอร์ที่ทำจาก hydrocolloid สีใสๆ เพื่อเป็นฟิล์มบางป้องกันการแกะสิว เพราะเป็นสีใส เธอย้ำว่า " จะหน้าสดแปะออกนอกบ้านก็ได้ ไม่โป๊ะ ไม่มีใครสังเกตเห็นแน่นอน "

    hydrocolloid มีหน้าตาเหมือนพลาสติกชิ้นเล็กๆ ที่มีลักษณะยืดหยุ่น เป็นแผ่นแปะมีกาวในตัวที่ทำจากเพคตินหรือเจลาติน ทำให้ผิวบริเวณที่เป็นสิวชุ่มชื้น มีตัวยาที่ทำให้หายไวยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือไม่ให้สิวอักเสบมากขึ้นจากสิ่งสกปรกภายนอก ในไทยก็มีแผ่นแปะสิวให้เลือกซื้อหลากยี่ห้อ หลายขนาด เช่น วงกลม หัวใจ รูปดาว อย่าลืมเลือกขนาดแผ่นแปะให้เหมาะกับสิวที่เป็นด้วยนะคะ (´ ∀ ` *)

    3. ไม่แต่งหน้าทับหลายชั้นมากเกินไป บริเวณที่มีสิว ผิวจะหายใจไม่ออก!

    เมื่อมีสิวผุดจากประจำเดือน สาวๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าเผยหน้าสดให้ใครได้เห็น ใช้วิธีแต่งหน้ากลบสิวซะเลย แถมส่วนใหญ่ก็เติมหน้าด้วยการโปะแป้ง ลงรองพื้นทับระหว่างวันเข้าไปอีก ทับถมสิ่งสกปรกเข้าไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน กลับบ้านมาล้างเมคอัพออก สิวที่โดนกดทับมาทั้งวันก็อักเสบกว่าเดิม เพราะงั้นแทนที่จะแต่งหน้ากลบ ปล่อยไว้ให้ผิวส่วนนั้นได้หายใจ หรือแต่งให้บางที่สุดจะดีกว่า คุณ Monique Volz ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อาหารและสุขภาพชื่อ Ambitious Kitchen แนะนำว่า " ทริคที่ดีที่สุดในการเลี่ยงสิวอักเสบ คือเลิกแต่งหน้าหนาๆ ค่ะ! ยิ่งแต่งหน้าน้อยเท่าไหร่ พวกน้ำมันหรือสิ่งสกปรกก็อุดตันรูขุมขนมากขึ้นเท่านั้น "

    ผู้เชี่ยวชาญเสริมว่า เครื่องสำอางบางชนิดก่อให้เกิดตุ่มสิวแดงๆ ตามแก้ม คาง หน้าผาก, สิวหัวขาวและสิวอักเสบ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นทันที ต้องใช้เวลาสะสม ดังนั้นถ้ามีสิวประเภทนี้ ให้หยุดใช้เครื่องสำอางต้องสงสัยทีละตัว เพื่อเช็คว่าตัวไหนคือต้นเหตุ ควรเปลี่ยนไปใช้ชนิดที่ไม่มีน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ( noncomedogenic ) จะดีที่สุด และอย่าลืมล้างแปรงแต่งหน้าทุกสัปดาห์ด้วยน้ำอุ่นและแชมพู เพื่อสุขอนามัยของผิวหน้านะคะ

    4. เปลี่ยน 'ประเภทอาหารที่กิน' เพื่อป้องกันและลดสิวอักเสบ ช่วงมีปจด.

    จะลดสิวอักเสบก็ต้องแก้จากภายใน นั่นคืออาหารที่กินเข้าร่างกายค่ะ! มีสาวๆ หลายคนที่กินอาหารหลายอย่างที่กระตุ้นสิวโดยไม่รู้ตัว คุณ Jennifer Phillips บล็อกเกอร์ความงามจากธรรมชาติ ใช้วิธีคุมสิวอักเสบด้วยการ ' คุมอาหาร ' เธอบอกว่า " ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการด้านความงาม ( aesthetician ) มาหลายปี ฉันถูกสอนให้ดูแลผิวเป็นพิเศษ แค่สกินแคร์ไม่พอ ต้องคุมอาหารด้วย ฉันกินอาหารแบบ grain-free หรือไม่มีส่วนผสมของเมล็ดธัญพืช, จำกัดผลิตภัณฑ์ประเภทนม และกินผักผลไม้ให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำแบบนี้ส่งผลให้ผิวเปลี่ยนไปมากๆ เลยล่ะค่ะ " 

    ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า ไม่ว่าสิวของเธอจะมาจากฮอร์โมนหรือไม่ก็ตาม อาหารที่กินก็คือสาเหตุของการเกิดสิว สำหรับสาวๆ ทุกช่วงวัย ถ้าใครประจำเดือนมาทีไรสิวบุกทุกที ลองงด ' ผลิตภัณฑ์ประเภทนม ( dairy products ) ' ไปเลยสองเดือน และกินอาหารที่ค่า GI ต่ำที่ไม่กระตุ้นน้ำตาลในเลือด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เล่ย์ นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ เป็นต้น เมื่อระดับกลูโคสไม่ถูกกระตุ้น อินซูลินก็หลั่งน้อยลง เพราะอินซูลินมีเอฟเฟกต์เกี่ยวกับฮอร์โมนที่กระตุ้นสิว นอกจากนี้ ผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ก็ช่วยทำให้สภาพผิวดีขึ้นเช่นกันค่ะ

    5. แต้มน้ำมัน 'Tea Tree Oil' เพื่อลดสิวอักเสบ จัดการถึงต้นตอของรากสิว!

    ไม่ใช่แค่สาวผิวมันที่เจอกับปัญหาสิวเท่านั้น แต่คนผิวแห้งก็สิวขึ้นได้เช่นกัน แถมรักษายากกว่าคนผิวปกติทั่วไปด้วย! คุณ Jenn Haskins บล็อกเกอร์ของ Hello Rigby บอกไว้ว่า " ฉันมีผิวที่ทั้งแห้ง ทั้งแพ้ง่าย ซึ่งทำให้วิธีรักษาสิวทั่วๆ ไปใช้ไม่ค่อยได้ผลกับฉันเลย หลังจากลองผิดลองถูกมาเยอะ ฉันก็ค้นพบว่า tea tree oil นี่แหละ ใช้แล้วเวิร์คกับสิวปะทุจากฮอร์โมนค่ะ " 

    ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า tea tree oil หรือน้ำมันชาเขียว มีคุณสมบัติต่อต้านการอักเสบ จึงช่วยรักษาสิวได้ดี หากใช้ควบคู่กับวิตามินอีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และ witch hazel เพื่อเยียวยารอยแดงและอาการระคายเคือง แต่คำเตือนคืออย่าใช้เยอะเกินไป แค่หยดเดียวพอ เพราะออยล์ค่อนข้างเข้มข้น ใช้เยอะอาจมีผลข้างเคียง ถ้าซิสใช้แล้วมีรอยแดง หรือเคืองบริเวณสิว แปลว่าเกิดอาการแพ้ ให้หยุดใช้ด่วนๆ หรือจะทดสอบด้วยการทาบริเวณท้องแขนก่อน 2-3 วันก่อนหยดลงผิวหน้าก็ได้ หากมีอาการแพ้จะได้รู้ตัวทัน

    6. มาส์กหน้าด้วย 'ชาร์โคล (ถ่านดำ)' เพื่อป้องกันการเกิดสิว

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดความงาม)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe