#ย้อนกลับไปแก้ไม่ได้แล้วนะ! 7 สิ่งที่ต้องทบทวน เมื่อตัดสินใจ 'เสี่ยงครั้งใหญ่' เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ♡
PAGE 2/2
Home » อื่น ๆ » #ย้อนกลับไปแก้ไม่ได้แล้วนะ! 7 สิ่งที่ต้องทบทวน เมื่อตัดสินใจ 'เสี่ยงครั้งใหญ่' เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ♡
ขึ้นชื่อว่าความเสี่ยง ไม่มีทางที่เธอจะได้อย่างเดียว โดยไม่ต้องเสียอะไรไปเลย! ยิ่งเป็นเรื่องตัดสินใจที่ใหญ่มากๆ สิ่งที่ต้องเสียก็เยอะมากขึ้นเท่านั้น เหมือนการพนันนั่นแหละค่ะ เดิมพันเยอะ ถ้าได้กำไรก็รวย ถ้าขาดทุนก็อาจถึงขั้นหมดตัวได้ ต้องเตรียมตัว คิดหนักๆ ถึงข้อดีข้อเสียว่าสิ่งนี้คุ้มที่จะแลก เรื่องบางอย่างแลกแล้วแลกเลย เอาคืนไม่ได้แล้ว เช่น การลาออกจากงาน การขายบ้าน ขายรถ เพื่อนำเงินไปย้ายถิ่นฐานหรือซื้ออสังหาชิ้นใหม่ เป็นต้น
เรียกได้ว่าต้องใช้ ' ความกล้าบ้าบิ่น ' เพื่อตัดสินใจพอสมควร ยังมีสาวๆ อีกหลายคนที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ มีทั้งคนที่ยังไม่กล้าแลก และคนที่คิดทบทวนแล้วว่าสิ่งที่จะแลก กับสิ่งที่ได้มันไม่คุ้ม สถานการณ์ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเนอะ ทัศนคติ ความเชื่อ สังคม ค่านิยมก็ต่าง เราคงตอบแทนใครไม่ได้ เธอต้องลองไปคิด ตัดสินใจเองค่ะ
เรียกได้ว่าต้องใช้ ' ความกล้าบ้าบิ่น ' เพื่อตัดสินใจพอสมควร ยังมีสาวๆ อีกหลายคนที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ มีทั้งคนที่ยังไม่กล้าแลก และคนที่คิดทบทวนแล้วว่าสิ่งที่จะแลก กับสิ่งที่ได้มันไม่คุ้ม สถานการณ์ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเนอะ ทัศนคติ ความเชื่อ สังคม ค่านิยมก็ต่าง เราคงตอบแทนใครไม่ได้ เธอต้องลองไปคิด ตัดสินใจเองค่ะ
7. รู้ลิมิตของตัวเอง พร้อมที่จะ 'เปลี่ยนใจ' หากเงื่อนไขเก่าไม่เหมือนเดิม
ไม่ต้องกลัวถ้าอยาก ' เปลี่ยนใจ ' กะทันหัน แม้เริ่มลงมือทำไปแล้ว ที่จริงไม่ว่าจะเพิ่งเริ่ม ทำเสร็จไปแล้วครึ่งนึง หรือเกือบจะ 100% แล้วก็ตาม หากทำไปแล้วไม่เป็นไปอย่างที่คิด รู้สึกไม่โอเค ส่งผลเสียกับสุขภาพกายและจิต ทรมานจนทนไม่ไหว ไม่คุ้มกับเวลาและความพยายามที่เธอลงทุนไป ซิสก็มีสิทธิ์เต็มที่ที่จะหยุด ยกเลิก หรือเลื่อนเป้าหมายที่อยากทำออกไปก่อนค่ะ
จำไว้ว่าสุดท้ายแล้ว เธอเป็นคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่ตามมา ในบางเคสอาจมีคนอื่นได้รับผลกระทบบ้าง แต่คนที่เจ็บที่สุดคือเธออยู่ดี เช่น ธุรกิจช่วงโควิดขาดทุน แบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหวแล้ว ต้องปิดตัว เธออาจรู้สึกผิดที่ทำให้ลูกน้องต้องตกงาน ต้องเสียลูกค้า แต่ภาระค่าใช้จ่าย การดูแลธุรกิจก็ตกหนักที่เธอที่สุด ต้องยอมรับว่ามันไปไม่ไหว รู้ว่าจุดไหนที่ควรหยุด ไม่ใช่พยายามแบกจนเป็นหนี้หัวโต ถึงตอนนั้นปัญหาจะยิ่งลุกลามเหมือนไฟไหม้บ้าน ให้มันจบตอนนี้จะดีกว่า
จำไว้ว่าสุดท้ายแล้ว เธอเป็นคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่ตามมา ในบางเคสอาจมีคนอื่นได้รับผลกระทบบ้าง แต่คนที่เจ็บที่สุดคือเธออยู่ดี เช่น ธุรกิจช่วงโควิดขาดทุน แบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหวแล้ว ต้องปิดตัว เธออาจรู้สึกผิดที่ทำให้ลูกน้องต้องตกงาน ต้องเสียลูกค้า แต่ภาระค่าใช้จ่าย การดูแลธุรกิจก็ตกหนักที่เธอที่สุด ต้องยอมรับว่ามันไปไม่ไหว รู้ว่าจุดไหนที่ควรหยุด ไม่ใช่พยายามแบกจนเป็นหนี้หัวโต ถึงตอนนั้นปัญหาจะยิ่งลุกลามเหมือนไฟไหม้บ้าน ให้มันจบตอนนี้จะดีกว่า
-----------------------------
อ่านครบทั้ง 7 ข้อนี้แล้ว หวังว่าสาวซิสจะได้ข้อมูลนำไปคิดทบทวนให้ดีว่า ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ทั้งสภาพแวดล้อม จิตใจ การงานการเงิน เราพร้อมจะแบกรับความเสี่ยงในตอนนี้ไหม ยิ่งช่วงนี้อะไรๆ ก็ยังไม่แน่นอน ถ้าเธอยังไม่มั่นใจกับเป้าหมายที่ตัวเองลงมือทำ มันจะยิ่งเลื่อนลอยกันไปใหญ่ แต่ถ้าคิดตกผลึก ตกตะกอนแล้วว่าจะทำแน่ๆ ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว ก็ ' จ่าย ' ราคานั้นเลย อย่าไปกลัว!
เพราะเอาจริงๆ นะ สุดท้ายชีวิตคนเราไม่ราบเรียบไปตลอดหรอก ถึงอยู่เฉยๆ ก็มีคลื่นซัดมากระทบได้ตลอด แค่จะมีสัญญาณเตือนหรือไม่เท่านั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ช่วงโควิดนี่ล่ะค่ะ ไม่พร้อมเจอปัญหาก็ต้องเจอจนได้ เพราะฉะนั้นความเสี่ยงที่เราได้ลงมือเอง แม้ในที่สุดแล้วผลลัพธ์หลังจากนั้นจะไม่สวยงามอย่างที่ฝัน แต่เราก็จะได้ประสบการณ์เพื่อปรับปรุงแก้ไขในโอกาสครั้งหน้า ถ้าชีวิตเป็นเส้นตรงไปหมด จะต่างอะไรกับการถูกขังอยู่ในกรง ตอนยังแข็งแรง มีกำลัง ใช้มันให้สุดดีกว่า แก่ตัวไปนึกย้อนกลับมาจะได้ไม่เสียดายเวลานะคะ (*˘︶˘*).。.:*♡