เลิกโทษครีมได้แล้วนะ! รวม 7 สาเหตุว่าทำไมใช้ 'สกินแคร์' แล้วไม่ได้ผลสักที ต่อให้บำรุงดีแค่ไหนผิวก็ไม่ปัง ❌

เราเชื่อว่าช่วงไหนที่คุณสาวๆ มีปัญหาผิวกวนใจ ไม่ว่าจะเป็นสิว ริ้วรอย ความหมองคล้ำ ผิวแห้ง หรือผิวมัน วิธีแก้ไขปัญหายอดฮิตที่เลือกทำกันเป็นอันดับแรกๆ ก็คือ การทาสกินแคร์ เพื่อฟื้นฟูและบำรุงผิวแน่ๆ เลยล่ะสิ ซึ่งก่อนที่จะซื้อสกินแคร์แต่ละตัวมาใช้ก็คงจะต้องเสิร์ชหาข้อมูล เปิดดูรีวิว หรือเลือกสกินแคร์ตัวแพง แบรนด์ดัง เพราะหวังเอาไว้ว่าเจ้าสกินแคร์ตัวนั้นๆ จะต้องช่วยแก้ปัญหาผิวแบบได้ผลนั่นเอง

แต่เราขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่า สำหรับสาวซิสคนไหนที่ต่อให้จะใช้ครีมแพงๆ ครีมตัวที่คนอื่นเค้ารีวิวว่าใช้ดี แต่กลับใช้แล้วกลับไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงใดๆ มันอาจไม่ได้เป็นเพราะว่าครีมบำรุงผิวตัวนั้นๆ ไม่ได้ประสิทธิภาพเสมอไปหรอกนะ วันนี้เราเลยจะขออาสาพาทุกคนไปส่อง 7 สาเหตุว่าทำไมใช้ ‘ สกินแคร์ ’ แล้วไม่ได้ผลสักที ถ้าอยากรู้ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตามไปดูได้เลยยย

คุณสาวๆ จ๋าาา ขอให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนรีบบีบครีมออกมาใช้ทันที โดยที่ยังไม่อ่านฉลากก่อนใช้เด็ดขาดเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ที่ใช้ทาผิวหน้าหรือผิวกายก็ตาม เพราะว่าสกินแคร์แต่ละตัวที่ผลิตออกมาให้ได้เลือกช้อปไปใช้บำรุงผิวพรรณกัน ก็มีวิธีการทาที่แตกต่างกันไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด อย่างเช่นโทนเนอร์บางตัวควรใช้กับสำลีแผ่น หรือครีมบำรุงผิวบางชนิดควรใช้วิธีนวดๆ / เซรั่มบางแบรนด์ต้องใช้เทคนิคตบเบาๆ เพื่อให้ซึมลึกเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น

ดังนั้น ก่อนที่จะรีบคว้าสกินแคร์มาทาผิวแบบด่วนจี๋ ควรลองพลิกด้านหลังขวด / กระปุกเพื่ออ่านฉลาก ที่อธิบายวิธีใช้งานก่อนทุกครั้งด้วยนะ เช่น ควรทาตอนไหน? ต้องทาวันละกี่ครั้ง? มีวิธีการทายังไง? แบบนี้จะได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสกินแคร์ ให้สามารถบำรุงและแก้ปัญหาผิวแบบได้ผลค่ะ

ลองคิดตามดูนะคะว่าหากเวลาที่ฝนตกแล้วเราใส่เสื้อกันฝน หยาดฝนที่โปรยปรายลงมาก็ไม่สามารถกระทบมาโดนตัวเราได้ ซึ่งถ้าคุณสาวๆ เป็นคนที่เร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการทำความสะอาดผิวหน้า ก็อาจจะทำให้มีสิ่งสกปรก คราบเครื่องสำอาง หรือความมันตกค้างอยู่บนผิว จนกลายเป็นกำแพงกั้นไม่ให้สกินแคร์สารพัดอย่างที่ทาผิว ซึมเข้าไปบำรุงผิวพรรณได้อย่างเต็มที่ได้เหมือนกันนะ

เพราะฉะนั้นเราเลยอยากแนะนำให้สาวๆ ทุกคนใส่ใจในขั้นตอนการทำความสะอาดผิวพรรณให้ดีๆ โดยควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้า - เย็น หากวันไหนที่แต่งหน้าออกไปข้างนอก ก็ควรเช็ดคราบเมคอัพออกด้วยรีมูฟเวอร์ก่อน จากนั้นก็ค่อยทำความสะอาดผิวด้วยโฟมล้างหน้า แล้วตามด้วยการใช้โทนเนอร์เคลียร์ผิวอีกหนึ่งสเต็ป ก็จะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดใสไร้สิ่งตกค้างได้อย่างมั่นใจ รวมถึงควรสครับหน้าเป็นประจำ 1 - 2 ครั้ง / สัปดาห์ด้วยนะ จะได้ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกออกไปจากผิวหน้า พอผิวสะอาดใสไร้สิ่งตกค้างก็จะทำให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมได้แล้ว

ถ้าอยากให้ผิวสวยเร็ว ฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงได้อีกครั้งแบบเร็วทันใจ ก็จงบอกตัวเองไว้เลยว่า ‘ ห้ามงกเด็ดขาด! ’ ถึงแม้ว่าเวลาที่เราเปิดดูโฆษณาขายครีมทาผิวของแบรนด์ดังๆ ทั้งหลาย แล้วเหล่านางแบบจะแตะครีมขึ้นมาแค่ปลายนิ้ว แล้วทาครีมลงบนผิวแบบฉุ่มฉ่ำทั่วใบหน้า แต่!!! ชีวิตจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะคะ เพราะใบหน้าของคนเราก็มีขนาดเล็ก - ใหญ่ไม่เท่ากัน แถมสภาพผิวยังแตกต่างกันไปอีกต่างหาก อย่างเช่นใครที่มีสภาพผิวมันก็ไม่ควรใช้สกินแคร์สูตรน้ำมันในปริมาณมากเกินไป ไม่อย่างนั้นอาจจะยิ่งทำให้ผิวหน้ามันเยิ้ม เสี่ยงเกิดการอุดตัน และทำให้เกิดสิวเม็ดใหญ่เป้งได้ในที่สุด

คุณสาวๆ เลยควรใช้สกินแคร์แต่ละตัวในปริมาณที่พอดี ใช้ให้เหมาะสมกับใบหน้าและสภาพผิวของตัวเองด้วยเช่นกัน สกินแคร์จะได้เข้าไปช่วยบำรุงผิวได้เต็มที่ แบบที่ไม่ต้องมานั่งเสียดายเงินทีหลังไงล่ะ

กาลเทศะเป็นเรื่องสำคัญ… การทาสกินแคร์ก็ต้องทาให้ถูกที่ ถูกเวลาเช่นกันนะคะ เพราะหนึ่งในสาเหตุที่ใช้สกินแคร์แล้วไม่ได้ผล ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ มันก็อาจเกิดจากการที่เราทาสกินแคร์ผิดเวลานั่นเอง โดยสกินแคร์บำรุงผิวแต่ละตัวก็มีระบุช่วงเวลาที่ควรทาไว้บนฉลากแทบจะทุกตัวเลยนะ เช่น Day Cream ที่ใช้บำรุงผิวช่วงเช้า / Night Cream ใช้ทาบำรุงผิวตอนกลางคืน / ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ก็ต้องทาช่วงก่อนนอน เพราะอาจทำให้ผิวไวต่อแดดมากขึ้น เป็นต้น

งานนี้ถ้าอยากจะบำรุงผิวให้แข็งแรง สวยปัง และแก้ปัญหาผิวได้แบบอยู่หมัด ก็ต้องอ่านฉลากที่ระบุไว้บนแพ็กเกจของสกินแคร์ก่อนใช้ทุกครั้ง แล้วต้องทาสกินแคร์แต่ละตัวตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ด้วยนะคะ