'ผิวหนัง' คืออวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกาย สภาพผิวหนังบ่งบอกอะไรบางอย่างเสมอ ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่เกี่ยวกับสุขภาพในร่างกาย และบ่งบอกด้วยว่า เราดูแลตัวเองดีแค่ไหน! บางครั้งผิวที่ดูสุขภาพดี อาจเป็นแค่ภาพลวงหลอกตาก็ได้นะ!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
1. ผิวหนังของเรา มี 'ความเสียหายจากแสงแดด' ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า!
2. ผิวหนังมีส่วนสำคัญในการ 'กำหนดอุณหภูมิของร่างกาย'
3. กว่าผิวจะผลัดเซลล์ผิวเก่า 'ทั้งหมด' เสร็จสิ้น ใช้เวลาทั้งสิ้นถึง 28 วัน!
4. 'ความเครียดในจิตใจ' ส่งผลต่อสภาพผิวหนังจริงๆ ไม่จ้อจี้!
5. 'สภาพผิวที่เปลี่ยนไป' อาจส่งสัญญาณถึง ปัญหาสุขภาพภายใน!
6. 'ผิวหนังที่หนาขึ้นผิดปกติ' อาจบ่งบอกถึงปัญหาผิวบางอย่าง
7. หากใช้สกินแคร์เหมาะกับผิว ตัวเดียวก็ใช้ได้ 'หัวจรดเท้า' ไม่ต้องแยกส่วนทา!
สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafe คนน่ารักน่าเลิฟทุกคน (•‾⌣‾•)و ̑̑♡
' ผิวหน้า-ผิวตัว ' ถือเป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญของผู้หญิง เพราะเป็นส่วนเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดรองจากดวงตา ริมฝีปาก หรือเพิ่มความ ' สวย ' นั่นเอง สังเกตว่าใครที่ผิวดี ผิวเนียนมักได้รับคำชม คำยกย่อง แต่ที่จริงผิวไม่ได้ทำให้เราสวยเท่านั้น แต่ยังกุมความลับไว้อีกหลายอย่างที่สาวๆ อาจไม่เคยรู้มาก่อนค่ะ
ผิวหนังเป็นแหล่งรวมของเซลล์ผิวหนัง ต่อมไขมัน หลอดเลือดและเส้นประสาทนับร้อยนับพัน ดังนั้นสภาพผิวที่เราเห็นด้วยตาเปล่า มักหมายถึงสัญญาณอะไรบางอย่างในร่างกายเสมอ อยู่ที่เธอจะสังเกตเห็นหรือเปล่าเท่านั้น ผิวยังมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพโดยตรงอีกด้วย เพราะเซลล์ภูมิคุ้มกันแบบพิเศษก็มีหน้าที่ต้านอาการภูมิแพ้ผิวหนัง เอาง่ายๆ คือผิวเท่ากับกระจกส่องสุขภาพภายในของเรา ใครที่สงสัยว่าผิวที่เราลูบ สัมผัสอยู่ทุกวัน มีส่วนอะไรกับสุขภาพและความงามของเราบ้าง เพื่อดูแลผิวของตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก็เลื่อนลงมาอ่านกันได้เลยค่ะ (๑・ω-)~♥”
1. ผิวหนังของเรา มี 'ความเสียหายจากแสงแดด' ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า!
หากยังไม่ป้องกันผิวให้ดี การทำลายกัดกร่อนของแดดก็จะทะลุจากชั้นในสู่ชั้นนอก จากที่เห็นแค่ในรูปถ่ายก็จะเริ่มเห็นด้วยตาเปล่า นั่นคือผิวคล้ำเสียจากแดด ผิวไหม้ที่เราเรียกกันนั่นเอง หมอผิวหนังแนะนำว่า ถ้าไม่อยากผิวพังก็ให้ทากันแดดทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน! เพื่อชะลอและยับยั้งรังสียูวีไม่ให้เข้าถึงชั้นผิว และใช้ผลิตภัณฑ์ retinoid ในช่วงกลางคืน เพราะเรตินอยด์มีคุณสมบัติรักษาสิว ลดริ้วรอย และเยียวยาผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดค่ะ
2. ผิวหนังมีส่วนสำคัญในการ 'กำหนดอุณหภูมิของร่างกาย'
นอกจากเหงื่อแล้ว อีกวิธีที่ร่างกายปรับสมดุลอุณหภูมิคือ ' ขยายหลอดเลือด ' เมื่อร่างกายของเราอุ่นเกินปกติ จะเกิดการขยายหลอดเลือดใต้ผิว ส่งผลให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น กระจายความร้อนทั่วตัวให้ร่างกายเย็นลง ในทางกลับกัน หากอยู่ในที่อากาศหนาว ผิวก็จะทำให้ตัวเองอุ่นด้วยการ ' หลอดเลือดบีบตัว ' เพื่อเพิ่มความดันในเลือดด้วยเช่นกัน ส่งผลให้รูขุมขนกระชับขึ้น เล็กลง จึงไม่แปลกที่คนเมืองหนาวจะดูผิวดีกว่าคนเมืองร้อน แต่หากหนาวไปผิวก็จะบีบตัวมากเกินไปจนเป็นรอยช้ำแดง ดังนั้นอยู่ที่อากาศเย็นนิดๆ หรืออุ่นหน่อยๆ น่าจะดีกับผิวมากที่สุดค่ะ
3. กว่าผิวจะผลัดเซลล์ผิวเก่า 'ทั้งหมด' เสร็จสิ้น ใช้เวลาทั้งสิ้นถึง 28 วัน!
แต่ถ้าต้องรอร่างกายผลัดเซลล์ผิวเองอย่างเดียว ผิวอาจไม่กระจ่างใสเท่าที่ควร ถ้าอยากมีผิวใสๆ อยู่เสมอ ก็ต้องขัดผิวเองด้วย เลือกใช้สครับจากธรรมชาติ ไม่ผสมสี น้ำหอม และสารเคมีอันตราย สครับควรมีค่าเป็นกรดอ่อนๆ จะขัดได้ผลดีที่สุด ขัดเบาๆ อย่าแรงมาก ผิวจะระคายเคืองได้ แค่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เกินพอ แต่คนที่มีสิว ผิวผสมหรือผิวมัน ควรเพิ่มเป็น 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เลือก texture นุ่มๆ อย่าใช้สครับที่แข็งหรือแหลม เพราะอาจเกิดรอยฉีกขาดเล็กๆ ในชั้นผิวได้ค่ะ
4. 'ความเครียดในจิตใจ' ส่งผลต่อสภาพผิวหนังจริงๆ ไม่จ้อจี้!
คนที่มีสิวอาการรุนแรง ส่วนใหญ่จะไม่ได้มาจากเรื่องนอยด์เล็กๆ น้อยๆ ประจำวัน แต่เป็นความเครียดสะสมมาหลายเดือน หลายปี ควรต้องแก้ที่ต้นเหตุ ปรับไลฟ์สไตล์ ชีวิตประจำวันให้ดีขึ้นด้วยการ ' ลดความเครียด ' วิธีที่ดีสุดคือ ออกกำลังกาย โดยเฉพาะโยคะทุกเช้า จะช่วยลดอาการเครียด วิตกกังวล และทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นค่ะ
5. 'สภาพผิวที่เปลี่ยนไป' อาจส่งสัญญาณถึง ปัญหาสุขภาพภายใน!
ทั้งนี้ยังมีโรคอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคตับ โรคอ้วน โรคมะเร็ง หรือโรคขาดสารอาหาร ที่มีสัญญาณบ่งชี้ทางผิวหนัง เช่น จุดดำ ไฝ หรือเนื้องอก หากหมอตรวจก็จะพอรู้คร่าวๆ เลยว่าเธอน่าจะป่วยเป็นโรคอะไร โดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านมที่จะเห็นชัดเจนผ่านสี รูปร่าง ลักษณะของเต้านมที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นมะเร็งที่เห็นชัดที่สุดแล้ว ดังนั้นสาวๆ อย่าลืมเช็คเต้านมของตัวเองทุกเดือนว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ หากเห็นท่าไม่ดีจะได้รีบไปหาหมอนะคะ
6. 'ผิวหนังที่หนาขึ้นผิดปกติ' อาจบ่งบอกถึงปัญหาผิวบางอย่าง
อีกอาการที่อาจเจอได้คือ ผิวหนังหนาขึ้นบริเวณข้อศอก เพราะชอบท้าวข้อศอกอยู่บ่อยๆ ต่อเนื่องเป็นปี แรงเสียดทานระหว่างพื้นกับข้อศอกก็จะทำให้ศอกหนาขึ้นไปโดยปริยาย หากสาวๆ ดันมีศอกหนาไปซะแล้ว แต่ก็กลัวจะดูไม่สวย ก็แก้ไขได้ด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่มีฤทธิ์ลอกผิว เช่น กรดแลกติก เพื่อทำให้ผิวส่วนที่หนาบางลง สามารถใช้ได้ทั้งข้อศอก เข่าและข้อเท้า เพราะความแข็งแรงของผิวพอๆ กันค่ะ
7. หากใช้สกินแคร์เหมาะกับผิว ตัวเดียวก็ใช้ได้ 'หัวจรดเท้า' ไม่ต้องแยกส่วนทา!

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดความงาม)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe