

อื่น ๆ
#เมื่อไหร่โลกจะแตก! 7 สาเหตุที่ทำให้ 'รู้สึกเฉื่อย หมดแรงใจใช้ชีวิต' และวิธีแก้ไข ให้มีความสุขอีกครั้ง♡
เชื่อว่าสาวๆ หลายคนเริ่มหมดไฟ หมดใจกับการใช้ชีวิตในช่วงนี้อย่างมาก (เราเองก็หนึ่งในนั้น...) แต่ไม่ว่ายังไง ชีวิตของเราก็ต้องดำเนินต่อไป ลองไปย้อนดูสาเหตุของมันก่อนดีกว่า ว่ามันเกิดจากอะไร และจะกอบกู้ให้ตัวเอง happy อีกครั้งได้ไหม ไปดูกัน!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
❦ 1. ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ ตัวเองต้องการอะไรกันแน่??
❦ 2. ควบคุมร่างกายของตัวเองได้ 'ไม่คล่องแคล่ว สง่างาม'
❦ 3. เธอยังไขว่คว้าหาเป้าหมายได้ 'ไม่สูงพอ'
❦ 4. รับแรงกดดันเยอะเกินไป เครียดจนส่งผลกับ 'สภาพจิตใจ'
❦ 5. เป็นโรคเลื่อน ไม่ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจสักที เอะอะก็ 'เลื่อนไปก่อน'
❦ 6. ตั้งเป้าหมายไว้ 'กว้างเกินไป' จนไม่รู้จะโฟกัสอะไรก่อนดี
❦ 7. ไม่ยอมเปลี่ยน 'แรงบันดาลใจ' เป็น 'นิสัยในชีวิตประจำวัน'
สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafe #คนหงอย2020 ทุกคน! (o´〰`o)♡*✲゚*。
เป็นกันบ้างไหม? อยู่ดีๆ ก็หมดแพชชั่นในการใช้ชีวิต! คือไม่ได้อยากโดดตึกตายนะ ใจเย็นๆ แต่ไม่รู้จะมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไร ไม่รู้จะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ไปได้ยังไง สมมุติพรุ่งนี้โลกแตก หรือมีสงครามโลกขึ้นมาก็เป็นพวกแรกที่ยอมพลีชีพ เพราะไม่รู้จะสู้ไปทำไม -__- หากเธอมีความคิดแบบนี้วนเวียนในหัวบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณของการ ' ขาดแรงบันดาลใจ ' อย่างรุนแรงแล้วล่ะค่ะ //เฮ้ออ -[]-
แรงบันดาลใจอาจดูเป็นคำนามธรรมลอยๆ แต่พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ' เหตุผลในการใช้ชีวิตต่อ ' ซึ่งคนรุ่นใหม่เยอะมากที่หาเหตุผลนั้นไม่เจอ เมื่อไม่รู้จะไปไหน ก็เหมือนคลำไปในอุโมงค์ที่มืดมิดและว่างเปล่า นานเข้าก็เหมือนซากที่ยังมีลมหายใจ บางคนหันเข้าสู่ด้านมืด ติดยา ติดเหล้า หรือมีปัญหาทางจิตเลยก็มี บทความวันนี้จึงขอให้สาวๆ ทุกคนมาค้นหาตัวเองด้วย ' 7 สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เราเฉื่อย ขาดแรงในการใช้ชีวิต ' เพื่อแก้ไขปัญหาและจุดไฟความหวังให้ตัวเองขึ้นใหม่ ไม่แน่ว่าอ่านบทความนี้จบแล้ว เธออาจจะปิ๊งอะไรขึ้นมาก็ได้ ไม่ลองอ่านก็ไม่รู้ (•‾⌣‾•)و ̑̑♡ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเริ่มกันเลย!
❦ 1. ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ ตัวเองต้องการอะไรกันแน่??
สาเหตุข้อแรกที่สาวๆ หลายคนมักเป็นเหมือนกันโดยไม่รู้ตัวคือ ' ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ' หรือถึงรู้ว่าชอบอะไร ก็ไม่ชัดเจนในแนวทางว่าจะไปทางไหน ครึ่งๆ กลางๆ แบบที่ล้อกันว่ารู้เป็นเป็ด คือรู้หลายทางแต่รู้ไม่ลึกสักอย่าง ไม่รู้ว่าควรคาดหวังความสำเร็จแบบไหน อะไรคือ ' ความสุข ' ที่เธอต้องการ เมื่อเป้าหมายเบลอๆ มัวๆ ก็เหมือนยืนบนริมผาที่ใกล้ถล่ม หากไม่รีบยึดอะไรเอาไว้ เธอก็อาจเป็นเหมือนอีกหลายๆ คนที่ร่วงหล่นลงไป กลายเป็นคนไร้ความฝัน ไร้ความละเอียดอ่อนในชีวิต หรือที่ฝรั่งเรียกว่า dead inside คือมีแต่ร่าง แต่จิตใจเหี่ยวแห้งไม่สดใส
ดังนั้นมาสะกิด ' ความต้องการภายในใจ ' กันอีกครั้ง ด้วยการหยิบกระดาษ 1 แผ่นกับปากกาด้ามใหญ่ๆ นึกถึงเป้าหมายในชีวิต เอาความคิดแว้บแรกแล้วเขียนลงไป! เป้าหมายนั้นอาจจะเป็นอะไรง่ายๆ เช่น ตะลุยคาเฟ่ให้ทั่วกรุงเทพ หรือ อ่านหนังสือให้ครบ 1000 เล่ม หรือเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เช่น มีเงินในบัญชี 10 ล้าน, ปลูกบ้านให้พ่อแม่ได้อยู่, ได้เที่ยวรอบโลก แต่ขอแค่ ' เป้าหมายเดียวที่สำคัญที่สุด ' เมื่อเขียนลงกระดาษแล้ว แรงใจเพื่อบรรลุเป้าหมายจะมาโดยอัตโนมัติ ลองทำดูค่ะ!
ดังนั้นมาสะกิด ' ความต้องการภายในใจ ' กันอีกครั้ง ด้วยการหยิบกระดาษ 1 แผ่นกับปากกาด้ามใหญ่ๆ นึกถึงเป้าหมายในชีวิต เอาความคิดแว้บแรกแล้วเขียนลงไป! เป้าหมายนั้นอาจจะเป็นอะไรง่ายๆ เช่น ตะลุยคาเฟ่ให้ทั่วกรุงเทพ หรือ อ่านหนังสือให้ครบ 1000 เล่ม หรือเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เช่น มีเงินในบัญชี 10 ล้าน, ปลูกบ้านให้พ่อแม่ได้อยู่, ได้เที่ยวรอบโลก แต่ขอแค่ ' เป้าหมายเดียวที่สำคัญที่สุด ' เมื่อเขียนลงกระดาษแล้ว แรงใจเพื่อบรรลุเป้าหมายจะมาโดยอัตโนมัติ ลองทำดูค่ะ!
❦ 2. ควบคุมร่างกายของตัวเองได้ 'ไม่คล่องแคล่ว สง่างาม'
ข้อนี้อาจจะดูงงๆ ว่าการขยับร่างกายเกี่ยวข้องอะไรกับแรงบันดาลใจ แต่มันมีส่วนทางอ้อมเหมือนกันนะ! เธอลองสังเกตคนที่อยู่ไปวันๆ ชีวิตเหี่ยวแห้ง แล้วดูบุคลิกท่าทาง ยืน เดิน นั่งของเขาสิ ส่วนใหญ่ก็จะหลังค่อม ไหล่ตก หน้าตาอ่อนแรง ดูเหม่อลอย พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง เดินลากขาแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย ต่างกับคนไฟแรงที่ทำอะไรก็ดูคล่องตัว เดินเร็ว วิ่งเร็ว นั่งหลังตรง พูดจาฉะฉานไปหมด เห็นความแตกต่างแล้วรึยังล่ะ?
ปล่อยให้ตัวเองบุคลิกแย่คงไม่ดีแน่ในอนาคต มาเริ่มแก้ไขท่าทางตัวเองกันค่ะ! เริ่มจากนึกภาพว่าถ้าเธอมีเป้าหมายดีๆ ตัวเธอจะมีบุคลิกที่เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง แล้วค่อยๆ ปรับไปตามใจที่คิด โดยที่อาจยังไม่มีเป้าหมายก็ได้ แต่แค่ ' คิด ' ว่าตัวเองมีไฟ ทำท่าทางคล่องแคล่วเหมือนคนมีจุดหมายในชีวิต ในทางจิตวิทยามันจะทำให้รู้สึกฮึกเหิมในชีวิตขึ้นมาเอง ง่ายที่สุดคือเดินไปหน้ากระจก ยิ้มให้ตัวเอง แล้วบอกว่า ' ฉันสวย ฉันเก่ง ฉันทำได้ ' ทุกวัน ทำต่อเนื่องสักสัปดาห์ แล้วดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เราเชื่อว่าอย่างน้อยเธอจะไม่ห่อเหี่ยวเหมือนเดิมแน่นอน!
ปล่อยให้ตัวเองบุคลิกแย่คงไม่ดีแน่ในอนาคต มาเริ่มแก้ไขท่าทางตัวเองกันค่ะ! เริ่มจากนึกภาพว่าถ้าเธอมีเป้าหมายดีๆ ตัวเธอจะมีบุคลิกที่เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง แล้วค่อยๆ ปรับไปตามใจที่คิด โดยที่อาจยังไม่มีเป้าหมายก็ได้ แต่แค่ ' คิด ' ว่าตัวเองมีไฟ ทำท่าทางคล่องแคล่วเหมือนคนมีจุดหมายในชีวิต ในทางจิตวิทยามันจะทำให้รู้สึกฮึกเหิมในชีวิตขึ้นมาเอง ง่ายที่สุดคือเดินไปหน้ากระจก ยิ้มให้ตัวเอง แล้วบอกว่า ' ฉันสวย ฉันเก่ง ฉันทำได้ ' ทุกวัน ทำต่อเนื่องสักสัปดาห์ แล้วดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เราเชื่อว่าอย่างน้อยเธอจะไม่ห่อเหี่ยวเหมือนเดิมแน่นอน!
❦ 3. เธอยังไขว่คว้าหาเป้าหมายได้ 'ไม่สูงพอ'
เวลาเราจะไขว่คว้า หรือมุ่งสู่จุดมุ่งหมายอะไรสักอย่าง เช่น ลดน้ำหนัก เก็บเงิน หาแฟน เที่ยวต่างประเทศ etc. หากเป็นเป้าหมายที่ง่ายเกินไป ข้อดีคือทำสำเร็จได้ง่ายก็จริง แต่ข้อเสียคือเธอจะหมดไฟได้ในระยะยาวค่ะ! สาวๆ บางคนคิดลบ ดูถูกตัวเองว่า ' ก็มาไกลได้แค่นี้แหละ จะมีสิทธิ์ฝันอะไรได้มากมาย ' ซึ่งเป็นความคิดที่อันตรายมาก เพราะนั่นคือการสร้างกำแพงให้ตัวเอง ทำให้เธอค่อยๆ กลายเป็นคนเฉื่อย ปิดกั้นความสามารถตัวเองไปซะงั้น
เรามีเทคนิคมาฝาก ไม่ว่าเธอจะฝันอะไรที่ดูง่ายเกินไป ให้เพิ่มความยาก X10 เช่น ไปต่างประเทศ 10 ประเทศ, เป็นดาราดังระดับโลก, ได้เงินเดือนละแสน แล้วทำตามเป้าหมายนั้นซ้ำๆ 10 ครั้ง ได้ไม่ได้ช่างมัน! เพราะสาระสำคัญคือ เธอได้เรียนรู้อะไรระหว่างทางบ้างต่างหาก เธออาจไม่ได้เป้าหมายที่สูงลิบลิ่วนั้น แต่ระหว่างที่กำลังพยายาม เราเชื่อว่าเธอจะไปได้ไกลกว่าเป้าหมายเล็กๆ ที่เคยฝันไว้อย่างแน่นอนค่ะ
❦ 4. รับแรงกดดันเยอะเกินไป เครียดจนส่งผลกับ 'สภาพจิตใจ'
ในสถานการณ์ช่วงนี้ ยิ่งในสาวๆ วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เราเชื่อว่าแทบทุกคนต้องเจอกับภาวะเครียด กดดันจากทั้งที่บ้าน โรงเรียน บางคนกดดันตัวเองเข้าไปอีก จนเกิดความรู้สึกเหลือรับ ไม่สามารถใส่เป้าหมายอะไรได้อีก เพราะชีวิตประจำวันก็จะตายอยู่แล้ว ใช้ชีวิตให้รอดไปวันๆ ก็พอ ซึ่งการคิดแบบนี้จะบั่นทอนสุขภาพจิตในระยะยาว จนอาจมีปัญหาทางสภาพจิตใจได้ในอนาคตค่ะ
ในข้อข้างบน เราแนะนำให้เธอตั้งเป้าหมายสูงๆ เข้าไว้ แต่ถ้าความเครียดทำให้เธอรู้สึกรับไม่ไหว ก็ไม่ต้องอายที่จะลดเป้าหมายให้ต่ำลง แต่ก็ไม่ใช่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปเลยนะ เอาให้อยู่ในระดับพอดีๆ ที่เธอยังเอื้อมถึง แต่ก็ยังท้าทายอยู่ หรือถ้าแอบโลภ ตั้งเป้าหมายไว้หลายอย่างเกินไป ก็อาจถึงเวลาที่ต้องตัดช้อยส์ออกบ้าง ให้เหลือแค่เป้าสำคัญๆ แค่ 1-2 อย่างก็พอ บางครั้งการ multitask หรือทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ก็ใช้ไม่ได้กับทุกอย่าง โฟกัสแค่สิ่งเดียว แต่ยิ่งใหญ่พอจะเปลี่ยนชีวิตเธอได้ก็พอ!
ในข้อข้างบน เราแนะนำให้เธอตั้งเป้าหมายสูงๆ เข้าไว้ แต่ถ้าความเครียดทำให้เธอรู้สึกรับไม่ไหว ก็ไม่ต้องอายที่จะลดเป้าหมายให้ต่ำลง แต่ก็ไม่ใช่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปเลยนะ เอาให้อยู่ในระดับพอดีๆ ที่เธอยังเอื้อมถึง แต่ก็ยังท้าทายอยู่ หรือถ้าแอบโลภ ตั้งเป้าหมายไว้หลายอย่างเกินไป ก็อาจถึงเวลาที่ต้องตัดช้อยส์ออกบ้าง ให้เหลือแค่เป้าสำคัญๆ แค่ 1-2 อย่างก็พอ บางครั้งการ multitask หรือทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ก็ใช้ไม่ได้กับทุกอย่าง โฟกัสแค่สิ่งเดียว แต่ยิ่งใหญ่พอจะเปลี่ยนชีวิตเธอได้ก็พอ!
❦ 5. เป็นโรคเลื่อน ไม่ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจสักที เอะอะก็ 'เลื่อนไปก่อน'
เจอได้บ่อยมาก กับโรคขาประจำที่สาวๆ หลายคนเป็นอย่าง ' โรคเลื่อน ( ไปก่อน ) ' ผัดวันประกันพรุ่งเก่งมาก ยังไม่พร้อม ยังไม่ไหว ยังไม่เก่ง เอาไว้เดือนหน้า เอาไว้ปีหน้าแล้วกัน สุดท้ายก็ไม่ได้ทำสักที ไม่พร้อมตอนนี้แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมล่ะ ชีวิตคนเราไม่มีจุดเริ่มต้นแน่นอนหรอกนะ บางเรื่องโอกาสมันมาต้องคว้าเลยมัวลังเลอาจไม่ได้ทำอีกเลยตลอดชีวิต ถ้าคิดจะทำ ต้องทำเลยค่ะ อย่ารอ!!
ไม่ว่าเธอจะฝันหรือมีเป้าหมายอะไร นับจากนี้ขอให้เปลี่ยนความคิดจาก ' ไว้ก่อน ' เป็น ' ทำเลย ' ไม่มีข้อยกเว้น ห้ามแก้ตัว! และทำต่อเนื่องให้ได้อย่างน้อย 30 วัน แล้วความคิดของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เผลอๆ ย้อนกลับมามองด้วยซ้ำว่าตัวเองก็ทำได้ ทำไมไม่เริ่มซะตั้งแต่แรก ก็คงทำเสร็จไปตั้งนานแล้ว (๑・ω-)~♥”
ไม่ว่าเธอจะฝันหรือมีเป้าหมายอะไร นับจากนี้ขอให้เปลี่ยนความคิดจาก ' ไว้ก่อน ' เป็น ' ทำเลย ' ไม่มีข้อยกเว้น ห้ามแก้ตัว! และทำต่อเนื่องให้ได้อย่างน้อย 30 วัน แล้วความคิดของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เผลอๆ ย้อนกลับมามองด้วยซ้ำว่าตัวเองก็ทำได้ ทำไมไม่เริ่มซะตั้งแต่แรก ก็คงทำเสร็จไปตั้งนานแล้ว (๑・ω-)~♥”
❦ 6. ตั้งเป้าหมายไว้ 'กว้างเกินไป' จนไม่รู้จะโฟกัสอะไรก่อนดี
สาเหตุอีกอย่างที่สาวๆ หลายคนติดกับดัก นอกจากเป้าหมายที่ต่ำเกินไป สูงเกินไป ก็คือ ' กว้างเกินไป ' นั่นเอง ลองนึกภาพเป้าหมายเป็นจุดเล็กๆ ที่เราจะวิ่งเข้าหามัน ถ้าเป้าหมายนั้นกว้างไป ก็เหมือนพื้นที่ใหญ่ๆ ที่เธอหาพิกัดไม่เจอ สุดท้ายเลยไม่รู้จะโฟกัสอะไร เช่น ' อยากมีความสุข ', ' อยากลดน้ำหนักให้ได้ใน 5 ปี ' ' อยากตื่นเช้าขึ้น ' เธอทำดีแล้วที่รู้ว่าชอบอะไร แต่ขอให้ระบุรายละเอียดอีกนิดจะดีกว่า!
เริ่มจากถามคำถามตัวเอง สมมุติอยากตื่นเร็วขึ้น ลองคิดว่า " กี่โมงถึงเรียกว่าเช้า ", " อยากตื่นเช้าไปทำอะไร กิจกรรมนั้นตื่นกี่โมงถึงจะทัน " แล้วความต้องการมันจะค่อยๆ แคบลงมาจนเป็นสิ่งที่ทำได้แบบไม่มีคำถามอีก และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เมื่อลองทำตามเป้าหมายนั้นระยะหนึ่ง คิดทบทวนอีกรอบว่าเรามีความสุขแล้วจริงๆ หรือยัง ยังปรับอะไรได้อีกไหม ถ้ามีก็ปรับต่อจนกว่าจะได้ผลที่เราแฮปปี้ที่สุด ของพวกนี้ยืดหยุ่นได้ตลอดอยู่แล้ว ไม่ต้องกดดันตัวเองมากไปนะ!
❦ 7. ไม่ยอมเปลี่ยน 'แรงบันดาลใจ' เป็น 'นิสัยในชีวิตประจำวัน'
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดอื่น ๆ)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe