

ท่องเที่ยว/คาเฟ่
“เชียงใหม่หน้าฝน ชวนไปหลง ฉบับคนไม่มีรถ” – บ้านขุนคอง / นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง / หมู่บ้านแม่กำปอง
ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่หน้าฝนกันแล้ว 🌦 🌦 คิดถึงกลิ่นไอธรรมชาติ ⛺️ นอนฟังเสียงฝนตกกระทบหลังคาสังกะสี จากโฮมสเตย์ของชาวบ้านบนภูเขาขึ้นมา เลยหยิบเอาทริปเชียงใหม่หน้าฝนเมื่อปีที่แล้วมาฝากทุกคนนะคะ

ฝากไปชมเวอร์ชั่นคลิปด้วยนะค้าา
“ไปที่นี่ไม่เห็นมีอะไรทำเลย”
เราต่างเจอคำถามนี้จากหลากหลายผู้คน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราก็เคยมีความคิดแบบนี้เช่นกัน จนวันนึง… เราได้รับรู้ว่า “วิถีชีวิตที่เรียบง่าย ปราศจากความสะดวกสบายใด ๆ มันดีที่สุดแล้ว”
เชียงใหม่ 5 วัน 4 คืน / เดินทางวันที่ 31 สิงหาคม – 4 กันยายน 2562
ตัวเมืองเชียงใหม่ – บ้านขุนคอง – นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง – หมู่บ้านแม่กำปอง
ทริปเชียงใหม่หน้าฝน ที่อยากชวนทุกคนไปหลงฉบับคนไม่มีรถด้วยกัน
เริ่มต้นทริปด้วยการจองตั๋วกับสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติเวียดนาม งานเข้าโดนเลื่อน Flight เที่ยวในตัวเมืองไม่ทันแล้วจ้าา แต่ไม่เป็นไรคืนนี้พักในเมืองกันก่อนตอนเช้าแวะเดินเล่นและหาของทานที่นิมมานฯ ก่อน Check out
เตรียมตัวไปเชียงดาวกันนนน!! นั่งรถแดงไปเริ่มต้นกันที่ ขนส่งช้างเผือก ซื้อตั๋วรถตู้ที่บริษัทดาวทองขนส่งจำกัด มุ่งหน้ากันที่บ้านขุนคอง จากการหาข้อมูลมาคือ รถจะมี 4 รอบ 07.30 / 10.00 / 13.30 / 15.30 เราเลือกมาถึงที่ขนส่งช่วงเที่ยงเพื่อมาหาข้าวกินและไปรถรอบ 13.30 น. จะได้ไปถึงเชียงดาวไม่เย็นมากนัก แต่เมื่อมาถึงแล้ว กลับพบว่า

“เหลือรถตู้รอบเดียวครับ 15.30” แทบทรุดกันเลยครับพี่น้อง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจองตั๋วมาในราคาคนละ 162 บาท ได้แต่เฝ้ารอจนถึงเวลา ก็ได้เวลารถออกได้ไปเชียงดาวกันแล้ว
Note: ทางเลี้ยวขึ้นเขาเพื่อไปยังบ้านขุนคองจะมีด่านตรวจ ตรวจสอบให้ดีว่าพกบัตรประชาชนมาด้วยนะคะ
นั่งรถผ่านเขามาหลายต่อหลายลูก ผ่านทั้งสายหมอกและสายฝนที่โปรยปรายตลอดทั้งเส้นทาง ตะวันเริ่มลาลับไป ความมืดเริ่มปกคลุม ก็ยังไม่ถึงสักที สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาด ๆ หาย ๆ มีแม่ลูกคู่หนึ่งถึงจุดหมายปลายทาง ณ อำเภอเวียงแหง ทำให้เราค้นพบว่า เรานั่งรถเลย และเลยปลายทางที่เราจะลงมากว่า 27 กิโลแล้ว แต่ยังดีที่ยังมีความเจริญอย่างเซเว่นให้เราได้พักพิง
Note: คำแนะนำการเดินทาง อย่าแจ้งเพียงแค่ที่ท่ารถว่าคุณจะลงที่ไหน โปรดจงกำชับคนขับอีกรอบด้วย ไม่งั้นจะเป็นแบบนี้ ฮ่า ๆ พี่คนขับรถตู้อยากจะย้อนกลับไปส่งเรา แต่ด้วยผู้โดยสารที่ยังเต็มรถและเลยมาไกลมากแล้ว เราเลยโทรหาพี่ที่โฮมสเตย์ที่จองไว้และจะมารับในอีก 40 นาที
Note: ทางเลี้ยวขึ้นเขาเพื่อไปยังบ้านขุนคองจะมีด่านตรวจ ตรวจสอบให้ดีว่าพกบัตรประชาชนมาด้วยนะคะ
นั่งรถผ่านเขามาหลายต่อหลายลูก ผ่านทั้งสายหมอกและสายฝนที่โปรยปรายตลอดทั้งเส้นทาง ตะวันเริ่มลาลับไป ความมืดเริ่มปกคลุม ก็ยังไม่ถึงสักที สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาด ๆ หาย ๆ มีแม่ลูกคู่หนึ่งถึงจุดหมายปลายทาง ณ อำเภอเวียงแหง ทำให้เราค้นพบว่า เรานั่งรถเลย และเลยปลายทางที่เราจะลงมากว่า 27 กิโลแล้ว แต่ยังดีที่ยังมีความเจริญอย่างเซเว่นให้เราได้พักพิง
Note: คำแนะนำการเดินทาง อย่าแจ้งเพียงแค่ที่ท่ารถว่าคุณจะลงที่ไหน โปรดจงกำชับคนขับอีกรอบด้วย ไม่งั้นจะเป็นแบบนี้ ฮ่า ๆ พี่คนขับรถตู้อยากจะย้อนกลับไปส่งเรา แต่ด้วยผู้โดยสารที่ยังเต็มรถและเลยมาไกลมากแล้ว เราเลยโทรหาพี่ที่โฮมสเตย์ที่จองไว้และจะมารับในอีก 40 นาที
“ความสนุก บางครั้งก็มาจากความไม่สมบูรณ์แบบที่เราพบ
ระหว่างทางนี่แหละ”
ระหว่างทางนี่แหละ”
พี่หนุ่ม เจ้าของขุนคองโฮมสเตย์ที่เราได้จองไว้ขับรถมารับเราด้วยตัวเอง พี่หนุ่มยังเล่าให้ฟังอีกว่าเราไม่ใช่กลุ่มแรกที่หลงมาแบบนี้ เคยมีกลุ่มวัยรุ่นหลงไปไกลกว่าเราอีก ไปถึงชายแดนต้องนอนค้างกับทหารที่นั่นเลย
21.00 น. เดินทางมาถึงขุนคองโฮมสเตย์แล้ว ทุกบ้านปิดไฟเงียบต้องอาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์ในการส่องนำทางเดิน นอกจากเสียงเม็ดฝนที่หยดกระทบหลังคาสังกะสีแล้วก็ได้ยินเพียงเสียงหอบของเรานี่แหละที่ต้องเดินขึ้นเนินที่โคตรชันเพื่อเข้าที่พัก
21.00 น. เดินทางมาถึงขุนคองโฮมสเตย์แล้ว ทุกบ้านปิดไฟเงียบต้องอาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์ในการส่องนำทางเดิน นอกจากเสียงเม็ดฝนที่หยดกระทบหลังคาสังกะสีแล้วก็ได้ยินเพียงเสียงหอบของเรานี่แหละที่ต้องเดินขึ้นเนินที่โคตรชันเพื่อเข้าที่พัก

"มื้อดึกของเราคืนนี้ ที่ทางโฮมสเตย์เตรียมไว้ให้"
บ้านขุนคอง หมู่บ้านเล็ก ๆ บนยอดภูกลางหุบเขา ในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ขุนคองโฮมสเตย์มีทั้งแบบบ้านพักและแบบเต๊นท์นอน

ไก่เริ่มแข่งกันขันตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง เราค่อย ๆ แง้มหน้าต่างออกดูวิวด้านนอก พบว่าฟ้าเริ่มสว่าง สายหมอกเริ่มมองเห็นแล้ว ไม่ลืมที่จะรีบคว้ากล้องคู่ใจแล้วออกไปสุดอากาศด้วยกัน

"วิวจากหน้าต่างบ้านพัก"
อากาศหนาว ทิวเขา และสายหมอก บ้านขุนคองที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาและวิวดอยหลวงเชียงดาวที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เป็นบรรยากาศที่สวยงามมากจริง ๆ

การมาที่นี่เส้นทางไม่ได้ลำบากอะไรมากนักถนนลาดยางตัดผ่านทั่วถึง มีบางเส้นที่ยังขรุขระอยู่เล็กน้อย แต่เรายังได้เห็นวิถีชีวิตของชาวเขาที่ยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังคงความงดงามชวนให้เรายังไม่อยากกลับออกไปจากที่นี่เลย
Note: สัญญาณโทรศัพท์ True move / AIS เล่น 4G ได้ลื่นปรื๊ดๆ ส่วน Dtac ตายสนิทจ้า
Note: สัญญาณโทรศัพท์ True move / AIS เล่น 4G ได้ลื่นปรื๊ดๆ ส่วน Dtac ตายสนิทจ้า
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย พี่หนุ่มก็พาเราไปเที่ยวที่จุดชมวิวเมืองแหง ที่ที่เราหลงเข้าไปเมื่อคืนนั่นแหละ ที่นี่อยู่ในเขตอำเภอเวียงแหง มีร้านกาแฟเล็ก ๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา

"จุดชมวิวเวียงแหง"
ชมวิวกันจนอิ่มหนำก็ได้เวลาเดินทางกลับไปยังตัวเมืองเชียงใหม่แล้ว พี่หนุ่มขับรถมาส่งที่ท่ารถเชียงดาว เพื่อต่อรถบัสกลับไปยังขนส่งช้างเผือก

วันนี้จะเดินทางต่อไปที่ นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียงกัน
เชียงดาว → ขนส่งช้างเผือก → จอมทอง → แม่แจ่ม → บ้านป่าบงเปียง
แค่ที่จะต้องผ่านก็ไกลแล้ววว~
มาถึงขนส่งช้างเผือกพักทานข้าวให้เรียบร้อย
จากขนส่งช้างเผือก นั่งสองแถวสีเหลืองเพื่อไปคิวรถจอมทอง อยู่ใกล้ ๆ กับวัดพระธาตุศรีจอมทอง จากนั้นต่อสองแถวเหลืองไปแม่แจ่มกำหนดเวลาที่รอบรถจะต้องออกคือ 15.30 น. และคนก็เต็มรถแล้วก็ยังไม่ออกสักที จนล่วงเลยมาจนถึงเวลา 16.00 น. กว่า ๆ แล้วก็ถึงจะได้ออกสักที
ระยะทางอันยาวไกลและสายฝนที่เทลงมาตลอดทาง เราก็เดินทางมาถึงอำเภอแม่แจ่มกันแล้ว พี่ศรชัยเจ้าของโฮมสเตย์ที่เราได้จองไว้แนะนำในเราเช่ามอไซค์แล้วขับขึ้นไปเขาบอกว่าขับไม่ยาก แต่เรามาถึงเย็นมากแล้วทำให้ร้านเช่ามอไซค์ปิดพี่เขาเลยหารถชาวบ้านให้มารับเราแทน
ความหฤโหดของเส้นทางทำให้เราค้นพบว่าไม่เช่ามอไซค์ขับขึ้นมาเองน่ะดีแล้ว ไม่งั้นคงได้หลงตั้งแต่ทางเลี้ยวแยกแรก สิ้นสุดทางถนนลาดยางของอำเภอแม่แจ่ม ก็เข้าสู่ถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อแบบเต็มรูปแบบระยะทางไกลมากพอสมควร แต่จริง ๆ แล้วทางไปบ้านป่าบงเปียงยังมีอีกเส้นทางก็คือทางตัดตรงที่ผ่านบริเวณน้ำตกแม่ปาน ทางนี้ระยะจะใกล้กว่ามากแต่เส้นทางก็โหดกว่ามากเช่นเดียวกัน แต่ตอนที่เราไปชาวบ้านที่มารับบอกว่าเส้นทางนั้นยังปิดปรับปรุงถนนอยู่

"ทางไปบ้านป่าบงเปียงที่ฝนเริ่มเทลงมา"
เส้นทางลูกรัง ถนนเต็มไปด้วยบ่อหลุม ไฟส่องนำทางสักดวงยังไม่มี ประกอบกับสายฝนที่ยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ชักตื่นเต้นแล้วล่ะสิว่าที่ที่จะไปถึงจะสวยคุ้มค่ากับระยะทางหรือเปล่านะ
จริง ๆ ต้องบอกก่อนเลยว่านาขั้นบันไดที่บ้านป่าบงเปียงนี้ ไม่ได้อยู่ในลิสส์ที่เที่ยวเชียงใหม่ที่หาไว้แต่แรกด้วยซ้ำ แต่พอเรามาเจอที่นี่เลยอยากมาและเหตุผลในการมาคือ ลำบากดีแต่ก็ไม่คิดว่าจะลำบากขนาดนี้55555
เดินไปตามคันนาสู่โฮมสเตย์กลางทุ่ง ท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายถึงสักทีนะ บ้านป่าบงเปียงที่ตั้งของนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย (ยังไม่เห็นล่ะสิ เพราะตอนนี้มืดแล้วฮี่ ๆ)

"มืดมากไม่เห็นอะไรเลย ตอนเช้ามาดูวิวตรงนี้กัน"
ที่นี่เป็นหมู่บ้านของชาวเขาปะกาเกอะญอส่วนใหญ่ก็จะเป็นเครือญาติกัน ชาวบ้านจะปลูกข้าว ข้าวโพดไว้เพื่อกินเอง และเปิดเป็นโฮมสเตย์ไว้ให้นักท่องเที่ยวมาพัก ที่นี่ไร้ซึ่งไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีเพียงไฟฉายและเทียนให้ใช้ แต่มีสัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง True move ไปรอดอย่างสบาย ๆ ส่วน AIS และ Dtac ค่อนข้างอ่อนและสัญญาณจะหายไปตามสายลมพัด
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดท่องเที่ยว/คาเฟ่)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe