Articles originalcontent
Original Content

ปรับตัวยังไงไม่ให้ “ work ไร้ balance ” ในสถานการณ์ที่บังคับให้ทุกคนต้อง work from home

ปรับตัวยังไงไม่ให้ “ work ไร้ balance ” ในสถานการณ์ที่บังคับให้ทุกคนต้อง work from home


» » - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • ● ขีดเส้นแบ่งเวลาให้ชัดเจน ●

    • ● ทำงานให้ได้งาน ●

    • ● จัดสรรพลังงานชีวิตตนเอง ●

    • ● อย่าปล่อยให้งานกลืนชีวิต ●


    ยังไม่พ้นครึ่งปี แต่ดูเหมือนว่าเลข 2020 จะไม่ใจดีกับชาวโลกเอาซะเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ ที่เกิดสถานการณ์การระบาดไปทั่วโลกของไวรัส #COVID19 หรือไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้หลายๆ ประเทศต้องหาวิธีรับมือกับเชื้อที่กระจายไปอย่างรวดเร็วและยอดตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตื่นตระหนก จนเรียกได้ว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัส #COVID19 อาจกลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญที่สร้างผลกระทบ รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปทั่วทุกย่อมหญ้า

    เช่นเดียวกันกับประเทศไทยของเรา ที่โดนสถานการณ์การระบาดของไวรัส #COVID19 เล่นงานจนถึงขั้น ‘อ่วม’ เศรษฐกิจหยุดชะงัก ชีวิตประจำวันของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สถานที่ชุมนุมต่างๆ ทั้ง โรงเรียน , ห้างสรรพสินค้า , ร้านอาหาร , ฟิตเนท ฯลฯ ถูกสั่งปิด ผู้คนต้องกักตัวอยู่แต่บ้าน หลีกเลี่ยงการพบปะสังสรรค์และให้ความสำคัญกับ Social Distancing ทุกภาคส่วนต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดกับสถานการณ์อันน่าเปราะบางในเวลานี้ จากที่เด็กๆ เคยเรียนหนังสือที่โรงเรียนก็ต้องเปลี่ยนมาเรียนรูปแบบออนไลน์ แต่ผลกระทบชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้นภาคธุรกิจซึ่งสถานการณ์บังคับให้วัฒนธรรมการทำงานในองค์กรเดิมๆ ต้องปรับตัวแบบก้าวกระโดด เพื่อให้งานยังคงดำเนินต่อไปโดยบริษัทยังอยู่ได้และมั่นใจได้ว่าทุกคนในองค์กรจะปลอดภัยจากโรคระบาด


     
    รูปแบบการทำงานที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้งในช่วงหลังๆ แต่ยังไม่เคยได้นำมาลองใช้จริงจังสักทีอย่าง " Work From Home " หรือการทำงานที่บ้าน ถูกสถานการณ์บังคับให้กลายเป็น หนทางรอด ที่แทบจะทุกบริษัท ทุกองค์กรจำใจต้องทำทันทีเมื่อวิกฤตครั้งนี้มาเยือน ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีต่างๆ จะพัฒนาก้าวไกลจนเราสามารถติดต่อสื่อสาร รวมไปถึงทำงานต่างๆ ด้วยซอฟแวร์ แอพพลิเคชั่น หรือโปรแกรมผ่านการออนไลน์ได้อย่างง่ายดายและสะดวกรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การเปลี่ยนแปลงแบบปัจจุบันทันด่วนนี้ ส่งผลกระทบต่อ “การปรับตัว” ของคนทำงาน ทั้งในแง่ของ วินัย ความรับผิดชอบต่องาน รวมไปถึงสิ่งสำคัญอย่างการบาลานซ์ระหว่างเวลางานและเวลาส่วนตัว เมื่อพื้นที่ทำงานและบ้านกลายมาเป็นพื้นที่เดียวกัน

    -------------------------------------------------
     
    เมื่อคุณเข้าสู่โลกแห่ง Work from Home

    ก็ไม่มี Working Time หรือ Weekend อีกต่อไป
    cr. คำคมครีเอทีฟ

    -------------------------------------------------

    ต้องยอมรับว่าการ Work From Home ทำให้ งานและการใช้ชีวิต ยิ่งใกล้กันมากขึ้น เมื่อพื้นที่ทำงานไม่ใช่ออฟฟิศ และพื้นที่การใช้ชีวิตไม่ใช่ที่บ้านเหมือนอย่างเคย การพยายามทำให้งานและชีวิตส่วนตัว balance อยู่ในพื้นที่เดียวกัน จึงดูว่าจะไม่ใช่อะไรที่ง่ายซะทีเดียว บางคนอาจประสบปัญหา Work ไร้ประสิทธิภาพทำงานไม่ได้งานเพราะสภาพแวดล้อมของบ้านทำให้คุณเฉื่อย แต่ในทางกลับกันก็กลายเป็นว่าการ Work From Home นั้นทำให้บางคนไม่มี Working Time หรือ Weekend อีกต่อไป งานรวมร่างกลายมาเป็นทุกเวลา ทุกอัตราส่วนในบ้าน เป็นที่มาของ “ work ไร้ balance ” ทั้งในแง่ของงานและชีวิตส่วนตัว จนอาจกลายเป็นความน่ากลัวในใจเล็กๆ ว่า ถ้าสุดท้ายแล้วเราเกิดมีความรู้สึกว่าบ้านไม่ใช่ comfort zone ของเราอีกต่อไปล่ะ ?

    แล้วเราจะมีวิธีรับมือยังไง ? ให้ทั้งงานและชีวิตส่วนตัวภายในพื้นที่เดียวกัน ไม่ทับซ้อนกัน และยังคง work - life balance ได้อยู่ แม้ในสถานการณ์ที่บังคับให้ทุกคนต้อง work from home โดยไม่มีทางเลือก ลองไปดูกันค่ะ

     

    ● ขีดเส้นแบ่งเวลาให้ชัดเจน ●


    การจัดสรรเวลา เรียกว่าเป็นคีย์สำคัญต่อระบบการทำงานในรูปแบบ Work From Home เลยค่ะ ทุกคนต้องรู้จักบริหารจัดการเวลาในการทำงานและการใช้เวลาส่วนตัวให้มีประสิทธิภาพ กล่าวคือ ควรมีเวลาทำงาน เวลาพัก เวลาเลิกงานให้ชัดเจน อย่างไม่ทับซ้อนกัน โดยที่เราต้องรู้จักการจัดการกับปัจจัยภายนอกรวมไปถึงบุคคลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น คนในบ้านหรือเพื่อนร่วมงาน ให้เข้าใจตรงกันเกี่ยวกับเวลาการทำงานของตัวคุณเอง ตัวอย่างเช่น

    - แจ้งคนที่บ้านให้เข้าใจว่าการ Work From Home ไม่ใช่การหยุดงานแต่เป็นการทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อไม่ให้บุคคลในบ้านรบกวนในเวลางาน
    - แจ้งเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานให้ทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า แม้เราจะทำงานที่บ้านก็ไม่แปลว่าทุกเวลาที่อยู่บ้านคือสามารถทำงานได้ ควรมีการพูดคุยอย่างจริงจังถึงข้อตกลงร่วมกันว่า ในช่วงเวลาพัก หรือหลังเลิกงานคือเวลาส่วนตัว และไม่ควรติดต่อกันในเรื่องงาน

    เมื่อเรามีการขีดเส้นแบ่งเวลาที่ชัดเจน เราก็จะสามารถเอาตัวเองออกมาจากการทำงานได้ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับบ้านก็ตาม เพราะเวลาจะช่วยแบ่งพาร์ทการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวให้คุณโดยอัตโนมัติเอง


    ● ทำงานให้ได้งาน ●


    อย่าให้ข้อจำกัดในการอยู่บ้านทำให้งานของคุณไร้ประสิทธิภาพ หากถึงเวลาทำงานแล้วไม่ได้งานก็เท่ากับว่าคุณ work ไร้ balance เช่นกัน ดังนั้นตัวคุณเองก็ต้องปรับตัวและทำความเข้าใจว่า เมื่อถึงเวลางานประสิทธิภาพในการทำงานก็ต้องบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วย วิธีจัดการปัญหานี้แนะนำว่าให้เริ่มต้นจากรู้จักสร้าง Working Environment หรือกำหนดพื้นที่ทำงานให้เฉพาะเจาะจง เลือกเปลี่ยนมุมหนึ่งของบ้านให้กลายเป็นโซนทำงานอย่างจริงจัง อาจจะเป็นโต๊ะกินข้าว หรือเลือกมุมที่แสงสว่างส่องถึงและอากาศถ่ายเท จัดโต๊ะหรือสร้างบรรยากาศให้พร้อมสำหรับการทำงานจริงๆ เพื่อให้เอื้อในการทำงาน นอกจากนั้นตัวคุณเองก็ต้องมีวินัยในการทำงานด้วยเช่นกัน ควรโฟกัสว่าโฟลว์งานวันนี้คืออะไร มีอะไรที่คุณต้องทำบ้าง และที่สำคัญควรมีการตั้งเป้าหมายในการทำงานแต่ละวันเพื่อให้ตัวคุณเองสามารถทำตามเป้าหมายงานที่ตั้งไว้ได้


    ข้อดีของการสร้าง Working Environment ในการทำงานก็จะทำให้คุณสามารถแยกพื้นที่ทำงานและพื้นที่บ้านออกจากกันได้ เวลางานก็นั่งทำงานในบริเวณโซน work ที่จัดไว้ เมื่อหมดเวลางานก็ออกมาใช้ชีวิตส่วนตัวในพื้นที่อื่นๆ ของบ้าน วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้การทำงานและการใช้ชีวิตอยู่บ้านไม่ทับซ้อนกัน


     

    ● จัดสรรพลังงานชีวิตตนเอง ●


    แน่นอนว่าเมื่อสถานที่ทำงานกลายเป็นที่เดียวกับสถานที่พักผ่อน หลายๆ คนอาจจะมีพลังงานในการทำงานน้อยลง เพราะด้วยสภาพแวดล้อมของบ้านอาจสร้างความรู้สึกเฉื่อยให้กับคุณได้ ข้อนี้คุณควรต้องปรับเปลี่ยน หันมาจัดสรรพลังงานชีวิตของตนเอง ให้พร้อมกับการทำงานอย่างแท้จริง รวมถึงเหลือพลังงานชีวิตไว้สำหรับทำกิจกรรมอื่นๆ ในเวลาส่วนตัวด้วยเช่นกัน


    ส่วนใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนบ้างาน การจัดสรรพลังงานชีวิตเพื่อใช้กับงานอาจจะไม่จำเป็นนัก แต่ต้องรู้จักปรามตัวเองว่าอย่าลืมที่จะแบ่งพลังงานบางส่วนไว้สำหรับทำอย่างอื่นด้วย เมื่อเราไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่มีเวลาเลิกงานกลับบ้านที่ตายตัวเหมือนเดิม ถ้าคุณปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับงานมากไป พลังงานชีวิตของคุณก็จะหมดไปกับ งาน งานและงาน ไม่เหลือแรงไปทำอะไรอื่นๆ ให้ตัวเองอีก เงยหน้าขึ้นมาอีกทีคุณอาจจะรู้สึกว่าบ้านของคุณไม่ใช่พื้นที่พักผ่อนอีกต่อไปแล้วก็ได้ เพราะจะมุมไหน เวลาใด ก็กลายเป็นงานไปซะหมด 

    การจัดสรรพลังงานชีวิตให้พอดีสำหรับสองสิ่ง ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ก็เป็นอีกตัวช่วยไม่ให้ชีวิตของคุณ “ work ไร้ balance ” ได้


    ● อย่าปล่อยให้งานกลืนชีวิต ●


    เพราะข้อเสียของการ Work From Home คือความคาบเกี่ยวระหว่างงานและพื้นที่ส่วนตัว ส่งผลให้บางคนเกิดความเครียดจากการที่ไม่สามารถปล่องวางเรื่องงานลงได้ เนื่องจากที่ทำงานกลายเป็นสภาพแวดล้อมเดียวกันกับบ้าน เมื่อนานวันเข้า งานอาจกลืนชีวิตส่วนตัวของคุณไปโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เราควรทำก่อนจะเกิดกรณีนี้คือ หลังจบชั่วโมงการทำงานให้ทุกคนปิดอุปกรณ์การทำงานทั้งหมด วางทุกอย่างเมื่อเลิกงาน และเอาตัวเองออกมาจากโซนทำงานทันที รวมไปถึงควรเลิกคิดงานนอกเวลางาน และเลิกติดต่อสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องงานหากไม่จำเป็นจริงๆ


    ข้อสำคัญเลยคือ ควรหากิจกรรมอื่นๆ หรือหางานอดิเรกทำ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายจากงาน จะออกกำลังกาย ดูหนังฟังเพลง ทำกับข้าว รดน้ำต้นไม้ หรือทำกิจกรรมกับคนในครอบครัว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่จมอยู่กับงาน ช่วยลดความเครียดในการทำงาน แถมยังช่วยให้คุณมีพลังงานพร้อมลุยงานต่อไปในวันรุ่งขึ้นได้อีก


     
    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดOriginal Content)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe