ยาคุมรักษาสิว แก้สิว ผิวมัน
Articles health
สุขภาพ

ยาคุมหรือฮอร์โมน รักษาสิว แก้ ‘ ปัญหาหน้ามัน ปัญหาสิว ’ ได้จริงเหรอ?

'ยาคุมรักษาสิว' ช่วยอะไร แก้ปัญหาหน้ามัน หน้าเมือก สิวฮอร์โมน แต่งหน้าไม่ติดได้จริงมั้ย รวมคำตอบไว้ให้แล้ว!!


» » - - » » - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • Q : หน้ามัน เป็นสิว รูขุมขนกว้าง เพราะฮอร์โมนไม่สมดุล ?

    • Q : ยาคุมหรือฮอร์โมนรักษาสิว ผิวหน้ามัน ได้ยังไง ?

    • Q : ยาคุมหรือฮอร์โมนรักษาสิว แบบ 21 เม็ด กับ 28 เม็ด แตกต่างกันยังไงนะ

    • Q : แล้วต้องเลือกยาคุมหรือฮอร์โมนแบบไหน ให้เหมาะกับการรักษาสิว แก้ผิวหน้ามัน ?

    • Q : ยาคุมรักษาสิว ช่วยอะไรบ้าง?

    • # ข้อควรระวังในการใช้ยาคุมรักษาสิว #

    • ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    " A : แต่งหน้าออกมาได้ไม่เท่าไหร่ ยันไม่ทันตกบ่าย หน้ามันแล้ว เดี๋ยวสิวได้ตามมาแน่ ทำไงดี ?? "
    " B : ใช้ ยาคุมรักษาสิว สิ ช่วยลดหน้ามันได้ด้วยนะ "
    " A : ห๊ะ จริงดิ ....แบบนี้ก็ได้เหรอ " 

    ยังไม่ทันแต่งหน้า ยังไม่ทันได้ทำอะไรกับหน้าเลย ก็หน้ามันแล้วจ้าาาา ผิวมันง่ายมาก แต่งหน้าก็ไม่ค่อยอยู่ แล้วยิ่งตอนเที่ยงๆ นะไม่ต้องพูดถึง อื้อหือ หน้าเมือกสุด เครื่องสำอางที่แต่งมาหลุดไม่เหลือเลย แถมวันต่อมายังสิวโผล่อีก จนเพื่อนไล่ไปหายาคุมมาลองทานดู 

    ใครเคยได้ยินเรื่อง
     ' ยาคุมรักษาสิว แก้ปัญหาผิวมัน ' บ้าง เชื่อว่าต้องมีผ่านหูกันมาบ้างแหละ แล้วเคยสงสัยมั้ยว่า ยาคุม ที่เอาไว้คุมกำเนิด เนี่ย มันจะช่วยรักษาสิว และแก้ปัญหาผิวมันได้จริงๆ เหรอ และมันช่วยได้ยังไงนะ ??
     ถ้าคุณกำลังสงสัยและชั่งใจอยู่เหมือนกันล่ะก็ มากองกันตรงนี้เลย เพราะวันนี้เราจะมาเฉลยคำตอบให้สาวๆ SistaCafe กันเองว่า ยาคุมรักษาสิว มันจะช่วยได้จริงแค่ไหน อ่ะ ถ้าอยากรู้คำตอบแล้ว ตามมาดูกันเลยจ้ะ เริ่ม!!!

    Q : หน้ามัน เป็นสิว รูขุมขนกว้าง เพราะฮอร์โมนไม่สมดุล ?

    ฮอร์โมนไม่สมดุล อาการ ยาคุมรักษาสิว

    เช็คก่อน ฮอร์โมนไม่สมดุล ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง อาการเป็นยังไง ?

    A :  จริงๆ แล้วปัญหาเหล่านี้เกิดได้จากหลายๆ ปัจจัย อย่างเช่น สภาพแวดล้อม มลภาวะ อากาศร้อน และสิ่งสกปรก เข้าไปอุดตัน แต่ถ้าจะให้พูดถึงสาเหตุหลักจริงๆ แล้วคือ ปัญหาหน้ามัน นั้นเกิดจาก ฮอร์โมนตามกรรมพันธุ์ของเราไม่สมดุล ซึ่งถ้าใครที่รักษามาหลายวิธีแล้วยังไม่หาย ก็ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า เป็นผลมาจากฮอร์โมนไม่สมดุล เลยส่งผลให้แสดงออกมาผ่านร่างกาย อย่าง มีผิวมัน เป็นสิวขึ้นไม่หายสักที นั่นเองค่ะ และถ้ายังปล่อยให้มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้าง ต่อไป ไม่ดูแลให้ถูกวิธี ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้ 

    ซึ่งฮอร์โมนที่ส่งผลทำให้ผิวมันขึ้นได้นั้น ก็คือ “เทสโทสเตอโรน” หรือ ฮอร์โมนเพศชาย นั่นเองค่ะ โดยหากในร่างกายเรามีฮอร์โมนเพศชายสูง ก็จะส่งผลทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และทำให้ผิวหน้ามันกว่าปกติ นั่นเอง แต่สาวๆ ไม่ต้องตกใจไปนะคะ ว่าทำไมเราถึงมีก็มีฮอร์โมนเพศชายสูงได้เราไปทำอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ตอบเลยว่า ไม่เลยค่ะ เพราะโดยปกติแล้ว ไม่ว่าจะเพศไหนในร่างกายก็จะมีฮอร์โมนเพศหญิงและฮอร์โมนเพศชายประกอบอยู่แล้ว ซึ่งในผู้ชายเค้าจะมีระดับฮอร์โมนคงที่ แต่ในผู้หญิงจะมีระดับฮอร์โมนที่ไม่คงที่ มีการเปลี่ยนแปลงสวิงขึ้นลงได้ ตามช่วงที่เจริญพันธุ์ หรือในช่วงมีประจำเดือน ส่งผลให้ผู้หญิงเราต้องคอยคุมให้ฮอร์โมนของเราไม่สวิงจนเกิดเอฟเฟ็กซ์อื่นๆ ตามมานั่นเองค่ะ 

    Q : ยาคุมหรือฮอร์โมนรักษาสิว ผิวหน้ามัน ได้ยังไง ?

    ยาคุมรักษาสิว ช่วยลดหน้ามัน

    ส่วนประกอบอะไร ใน ยาคุมรักษาสิว ถึงช่วยลดหน้ามันได้นะ

    A : จากที่เห็นว่าสาวๆ หลายคนนิยมนำ ยาคุมรักษาสิวหรือฮอร์โมน มาใช้ ก็เพราะว่ามีส่วนประกอบของฮอร์โมนไซโปรเทอโรน อะซีเตท (Cyproteroneacetate)ละฮอร์โมนดรอสไพรีโนน (Drospirenone) ที่มีคุณสมบัติต้านฤทธิ์ฮอร์โมนเพศชาย รวมถึงฮอร์โมน เอทธินิลเอสตราไดออล (Ethinylestradiol) ที่จะช่วยลดระดับฮอร์โมนเพศชายโดยอ้อม ได้อีกด้วยทำให้ช่วยกำจัดต้นตอหน้ามัน และสิวฮอร์โมนได้เลยค่ะ


    ซึ่งหลักการการทำงานของยาคุมรักษาสิว หากเมื่อรับประทานยาคุมไปสักระยะแล้วช่วยลดการทำงานของฮอร์โมนเพศชายลงทำให้ปัญหาผิวที่เกิดจากฮอร์โมนไม่สมดุลต่างๆ ดีขึ้นได้ อย่าง ปัญหาหน้ามันเมือกก็ลดลงได้ ช่วยทำให้การเกิดสิวฮอร์โมนในอนาคตลดลงด้วยนั่นเองค่ะ


    Q : ยาคุมหรือฮอร์โมนรักษาสิว แบบ 21 เม็ด กับ 28 เม็ด แตกต่างกันยังไงนะ

    ยาคุมรักษาสิว มีกี่แบบ ต่างยังไง

    ยาคุมรักษาสิว แบบ 21 เม็ด กับ 28 เม็ด แตกต่างกันยังไงนะ

    A :  จริงๆ แล้วฮอร์โมนรักษาสิวที่เป็นสูตรผสมไซโปรเตอโรนอะซีเตทในท้องตลาดนั้น มีทั้งชนิดที่เป็น 21 และ 28 เม็ด แต่สูตรดั้งเดิมจะมีเฉพาะ 21 เม็ดที่ทุกเม็ดจะมีฮอร์โมนที่เท่าๆ กัน แต่หลังๆ มาจะมียาคุมจากบริษัทอื่นลอกเลียนแบบทำทั้งแบบ 21 เม็ดและ 28 เม็ดทำให้เราสับสนว่ามันต่างกันอย่างไร ถ้าชนิด 21 เม็ด จะต้องกินติดต่อกัน 21 เม็ด และหยุดทาน 7 วัน แล้วเริ่มแผงใหม่ ขณะที่แบบ 28 เม็ด น่าจะช่วยทำให้ง่ายขึ้น แต่บางคนอาจจะงงหนักกว่าเดิม เพราะมีทั้งเม็ดฮอร์โมน 21 เม็ด และเม็ดแป้ง 7 เม็ด โดยทานฮอร์โมน 21 เม็ด ใน 21 วันต่อเนื่องกัน แล้วกินเม็ดแป้งวันละเม็ดแทนการเว้นการกินยา 7 วัน


    ส่วนยาคุมรักษาสิวที่มีส่วนผสมของดรอสไพรีโนน มีทั้งชนิด 21 และ 28 เม็ดเช่นกัน แต่เป็นคนละสูตรกัน ถ้าชนิด 21 เม็ดจะกินติดต่อกัน 21 เม็ดและหยุดทาน 7 วันเช่นกัน แต่ชนิด 28 เม็ด จะต้องกินเม็ดฮอร์โมน 24 เม็ด และเม็ดแป้ง 4 เม็ด 


    เอาให้ชัวร์เอาให้ง่าย ลองไปปรึกษาพี่เภสัชปรึกษาแล้วดูบนหน้ากล่องหรือฉลากยาว่ายี่ห้อไหนรักษาสิว ได้นะคะ

    Q : แล้วต้องเลือกยาคุมหรือฮอร์โมนแบบไหน ให้เหมาะกับการรักษาสิว แก้ผิวหน้ามัน ?

    หากต้องเลือก ยาคุมรักษาสิว ต้องแบบไหนดี

    หากต้องเลือก ยาคุมรักษาสิว ต้องแบบไหนดี

    A : ตามร้านขายยาทั่วไปหากต้องการลดสิวและความมันบนใบหน้าจากฮอร์โมนเพศชาย สูตรที่มีไซโปรเทอโรน อะซีเตท (Cyproteroneacetate) หรือดรอสไพรีโนน(Drospirenone) จะมีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชายและผสมกับเอทธินิลเอสตราไดออล (Ethinyl estradiol) ที่มีผลทางอ้อมที่ช่วยลดฮอร์โมนเพศชาย แต่ก่อนจะใช้อย่าลืมปรึกษาเภสัชกรและดูที่หน้ากล่องหรือข้อมูลภายในกล่องว่าช่วยรักษาสิวได้จริงหรือไม่


    Q : ยาคุมรักษาสิว ช่วยอะไรบ้าง?

    ยาคุมรักษาสิว ช่วยอะไรบ้าง

    หลังใช้ ยาคุมรักษาสิว แล้วช่วยอะไรบ้าง?

    A : ยาคุมกำเนิดไม่ว่าจะแบบฮอร์โมนสูงและ ฮอร์โมนต่ำ ผลทางตรงของเค้าก็คือ การช่วยคุมกำเนิด แต่ผลลัพธ์พลอยได้ที่ตามมาหลังใช้ ยาคุมรักษาสิว ก็คือช่วยรักษาอาการของสิวฮอร์โมน ลดต้นเหตุของการเกิดผิวหน้ามัน แถมยังช่วยให้ผิวพรรณดี ดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น รวมทั้งไปยับยั้งการเกิดขน (ลดอาการขนดก ตามร่างกาย อย่าง แขน ขา ลงได้) และที่สำคัญ คือช่วยให้ประจำเดือนมาปกติด้วยนั่นเองค่ะ โดยใน ยาคุมรักษาสิว มีฮอร์โมนต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายผู้หญิงอย่างเราอยู่แล้ว ทำให้การทานยาคุมในผู้หญิง อาจจะไม่มีผลด้านลบมากนัก หรือมีเอฟเฟ็กซ์ต่อร่างกายที่รุนแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนใช้ทุกครั้งนะคะ 


    # ข้อควรระวังในการใช้ยาคุมรักษาสิว #

    ข้อควรระวังในการใช้ ยาคุมรักษาสิว

    เพิ่มเติมอีกนิด** ข้อควระวังก่อนใช้ ยาคุมรักษาสิว

    NOTED :  ในการใช้ ยาคุมกำเนิด รวมไปถึง ยาคุมรักษาสิว เอง ก็ยังมีข้อควรระวังในการเลือกใช้อยู่นะคะ ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเดินเข้าไปร้านขายยาแล้วซื้อมาทานเองได้ตามใจชอบนะคะ พราะถ้ารับประทานผิดวิธีโดยไม่ได้รับคำแนะนำ ก็อาจจะเกิดทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ต่างออกไปเช่นกันค่ะ

    คนที่สามารถรับประทานยาคุมรักษาสิวได้ 

    อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ หรือเริ่มมีประจำเดือนแล้ว ต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง รวมทั้งได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรแล้วว่าสามารถใช้ยาคุมรักษาสิวได้ หลังจากรักษาด้วยวิธีการอื่นแล้วยังไม่ได้ผล เช่น ทาครีมแต้มสิว ทาหรือรับประทานยาปฏิชีวนะไปแล้วนั่นเองค่ะ

    คนที่ไม่สามารถรับประทานยาคุมรักษาสิวได้ 


    คนที่ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์หรือยังไม่มีประจำเดือน ซึ่งการใช้ยาคุมอาจมีผลต่อพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กได้ และผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ก็ไม่ควรใช้ยาคุม เนื่องจากยาอาจมีผลต่อครรภ์ เกิดอันตรายต่อเด็กได้ รวมทั้ง ผู้สูบบุหรี่จัด ผู้ที่มีประวัติภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง การรับประทานยาคุมกำเนิดอาจมีผลทำให้ลิ่มเลือดอุดตันมากขึ้น ทำให้อาการที่เป็นอยู่แย่ลงได้ รวมทั้งผู้ที่มีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิง โรคเบาหวาน เพราะยาคุมกำเนิดอาจทำให้อาการกำเริบและรุนแรงขึ้นได้ และกลุ่มผู้ที่มีประวัติป่วยเป็นโรคตับ เนื่องจากยาจะถูกขับออกทางตับ อาจทำให้โรคตับรุนแรงขึ้นได้นั่นเองค่ะ  


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : บทความนี้เป็นบทความประชาสัมพันธ์ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเจ้าของผลิตภัณฑ์
    หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดสุขภาพ)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe