เตรียมเก็บสัมภาระ เตรียมร่างกายให้พร้อม แล้วไปลุยกันต่อเลยกับสถานที่ที่ใครหลายคนลิสต์ไว้ในใจแล้วว่าเป็นทีเด็ดของโอซาก้า และพาไปชมเมืองแห่งวัฒนธรรมเก่าแก่อย่างเกียวโตใน EP.2 ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเลยจ้า

เลือกอ่านตามหัวข้อ
Day 3 ( Gyukatsu Motomura ร้านเนื้อชุบแป้งทอด >> Tempozan Giant Ferris Wheel )
Day 4 ( Fushimi Inari Shrine วัดเสาแดง >> ย่าน Higashiyama )
Day 5 ( osaka castle ปราสาทโอซาก้า >> umeda sky building )
Day 6 ( ถนนช้อปปิ้ง Shinsaibashi >> ย่าน Dotonbori >> สนามบินนานาชาติคันไซ KIX )
ติดตามบทความ Ep.1
今日は คอนนิจิวะ เป็นยังไงกันบ้างคะกับ EP.1 ที่ทางเราได้รีวิวไป
บอกเลยว่าแค่ 2 วันแรกก็ตะลุยกันอย่างหนักหน่วง วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปตะลุยกันต่ออีก 4 วันที่เหลือ แอบกระซิบก่อนเลยว่ารอบนี้ไม่ได้เที่ยวแค่ในเมือง เราจะพาเพื่อนๆ ไปเมืองเก่าแก่อย่างเกียวโต เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งมรดกโลก พาไปเสพบรรยากาศที่นู่น และพกกล้องฟิล์มไปถ่ายด้วย บรรยากาศเก่าๆ กับกล้องฟิล์มเค้าเป็นของคู่กันอยู่แล้วอะเนอะ เอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยดีกว่าว่าแพลนวันต่อไปจะเป็นยังไงบ้าง
Day 3 ( Gyukatsu Motomura ร้านเนื้อชุบแป้งทอด >> Tempozan Giant Ferris Wheel )
ชุดที่เรากินเป็นแบบขนาดเล็ก ราคาอยู่ที่ 1400 Yen
ออกจากโรงแรมปุ๊ปหิวปั๊ป ทางเราก็มุ่งหน้าไปยังร้าน Gyukatsu Motomura เป็นร้านเนื้อชุบแป้งทอด ใครสายเนื้อห้ามพลาด ร้านนี้เป็นร้านดังที่ควรลงลิสไปกิน ปัจจุบันเค้ามีสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่วันนี้ทางเราจะพาเพื่อนๆ มากินสาขา Numba ซึ่งห่างจากโรงแรมเราแค่ 1 สถานีเท่านั้น
โดยเนื้อที่ทางร้านนำเสิร์ฟจะอยู่ในระดับแรร์ที่นำมาชุบเกล็ดขนมปังทอด เสิร์ฟพร้อมเตาร้อนๆ ให้เรานำไปปิ้งที่เตาอีกที โดยทริคที่จะทำให้อร่อย ก็คือแช่เนื้อค้างไว้ที่เตาร้อนๆ ข้างละ 1 นาที แล้วกินคู่กับข้าวสวย บอกเลยว่าอร่อยแบบละมุนลิ้นมาก~
เวลาเปิด – ปิด : 11.00 – 23.00 น.
การเดินทาง : สถานี Numba ( Exit 19 )
มองจากด้านล่างก็รู้แล้วว่าสูงมาก~ ใช้เวลาหมุนต่อรอบประมาณ 15 นาที
ใครอยากได้มุมนี้ต้องรอไฟแดงก่อนนะคะ พอรถหยุดก็เดินไปถ่ายกลางถนน จะได้มุมที่เห็นชิงช้าสวรรค์พอดี~
กินอิ่มแล้วเรามาต่อกันที่ “Tempozan Giant Ferris Wheel” นั่งชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานชมวิวกันสักหน่อย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากมักจะปักหมุดไปที่นี่กัน เพราะเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโอซาก้า มีความสูงถึง 112.5 เมตร และสามารถดูวิวรอบๆ ได้แบบ 360 องศา ค่าเข้าชม 800 Yen เท่านั้น
ซึ่งชิงช้าสวรรค์มีให้เลือก 2 กระเช้าให้เลือก คือแบบพื้นใสที่สามารถมองเห็นวิวข้างล่างได้ แต่ก็จะเสียวๆ หน่อย กับพื้นธรรมดา ซึ่งทางเราเลือกนั่งกระเช้าแบบพื้นธรรมดา เนื่องจากพื้นใสต้องรอคิวประมาณ 30 นาที แต่จะบอกว่าวันที่เราไปลมค่อนข้างแรงเลยทีเดียว ทำให้พอกระเช้าลอยขึ้นสูง แล้วมันโยกเยก ตอนนั้นกลัวมาก คงไม่ขึ้นไปอีก ขึ้นไปงอแงมากเวอร์ ฮือ~
เวลาเปิด – ปิด : 11.00 – 22.00 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Asakako Station ( Exit 1 ) เดินประมาณ 15 นาที
ฤดูใบไม้ร่วงก็สวยไปอีกแบบ บริเวณนั้นมีต้นนี้ต้นเดียวที่ยังหลงเหลือใบไม้อยู่ เลยแวะถ่ายสักหน่อย
เดินต่ออีกหน่อย ก็เจอมุมนี้เลยหยิบกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายสักหน่อย
ระหว่างทางที่เดินกลับสถานีรถไฟฟ้า ก็ขอแวะถ่ายภาพมุมนี้สักหน่อย ช่วงที่เราไปเป็นฤดูใบไม้ร่วง เลยได้หลายมุมไว้ลงไอจีเลยแหละ
ลืมบอกไปเลย ว่าแถวนั้นเป็นแถวริมอ่าวโอซาก้า ลมค่อนข้างแรงให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ หน่อยน้า อากาศตอนที่เราไปประมาณ 8-9 องศา แต่ถ้ามีลมก็จะหนาวกว่านั้นคูณสองเลย~
Day 4 ( Fushimi Inari Shrine วัดเสาแดง >> ย่าน Higashiyama )
เสาโทริอิสีแดงส้ม เป็นหมื่นต้นเรียงกันเป็นอุโมงค์ทางเดินขึ้นไปยังภูเขาอินาริ
ไม่ว่าจะมุมไหนก็สวยทุกมุมเลย ส่วนมุมนี้เป็นมุมก่อนทางเข้าอุโมงค์เสาโทริอินั่นเองค่า
ออกเดินทางในวันที่ 4 วันนี้เป็นวันที่เราจะอยู่เกียวโต เป็นการเดินทางข้ามเมือง จากโอซาก้า ไป เกียวโต ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเผื่อเวลาในการเดินทาง ซึ่งทางเราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชม. มุ่งหน้าไปยัง Fushimi Inari Taisha หรือที่รู้จักกันในนาม " วัดเสาแดง " ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือเสาโทริอิสีแดงส้ม ที่เรียงรายไปสุดลูกหูลูกตากันเป็นอุโมงค์ โดยเสาโทริอิก็มาจากการบริจาคจากผู้ที่มีศรัทธา อีกทั้งวัดเสาแดงหรือศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเป็นสถานที่ที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจำนวนมากอีกด้วย
การเดินขึ้นไปบนยอดเขา ใช้เวลาเดินไปและเดินกลับประมาณ 2-3 ชั่วโมง หากใครที่จะมาควรมาเช้าๆ จะได้เผื่อเวลาไปที่อื่นได้ด้วย แต่ทางเราไม่ได้เดินขึ้นไปสุดยอดเขา ถ้าใครจะตามรอยเราก็สามารถทำได้ เพราะมีทางขึ้น-ลงอยู่เป็นช่วงๆ
เวลาเปิด - ปิด : เปิดตลอดทั้งวัน
การเดินทาง : จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถไฟสาย JR Nara Line มาลงที่สถานี Inari
ภาพนี้ใช้ฟิล์ม " Kodak Gold 200 " ซึ่งโทนสีกับบรรยากาศก็เข้ากันมากๆ
ตามสถานที่เที่ยว ในเกียวโตมักจะมีรถลาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะใช้บริการเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ

เดินเล่นๆ อยู่ในย่านฮิกาชิยาม่า สายตาเหลือบไปเห็นเจ้าโทโทโร่ รีบพุ่งตัวเข้าไปในร้านเลยจ้า เป็นร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับเจ้าโทโทโร่ เลยคว้ากระเป๋ากับพวงกุญแจมาจนได้
มาลุยต่อกันที่ย่าน Higashiyama Kyoto ตลอดสองข้างทางในย่านฮิกาชิยาม่าเต็มไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ ร้านขนมพื้นเมืองเกียวโต ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาย่านนี้ มักจะใส่ชุดกิโมโนกัน เพราะเป็นย่านเมืองเก่า และถ่ายรูปสวยใส่มาก็เข้ากับบรรยากาศอีกด้วย หากใครอยากแต่งชุดกิโมโน ก็มีร้านให้เช่าอยู่มากมายในย่านฮิกาชิยาม่า
ย่านนี้เหมาะกับการควักกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายมากๆ ได้บรรยากาศย้อนยุคในเกียวโตได้เป็นอย่างดี ถ้าใครมีกล้องฟิล์มก็พกติดไม้ติดมือไปด้วยก็ดีน้า~
เวลาเปิด - ปิด : 10.00 - 18.00 น.
การเดินทาง : เดิน 10 นาที จากป้ายรถบัส Gojozaka [สายรถบัส 100, 206]
Day 5 ( osaka castle ปราสาทโอซาก้า >> umeda sky building )

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดท่องเที่ยว/คาเฟ่)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe