Articles originalcontent
Original Content

‘Billybillies’ คาเฟ่นี้อบอวลด้วย Passion! ชวนคุยสบายๆ สไตล์อังกฤษที่ราคาดี ไปกี่ทีก็หลงรัก

คาเฟ่ที่เต็มไปด้วยความรักและความหลงใหล ชวนคุณไปสัมผัสพร้อมพูดคุยกับเจ้าของร้านที่จะมาบอกว่าเค้าชอบอะไรจากของที่มีอยู่ในคาเฟ่แห่งนี้ Billybillies คาเฟ่สไตล์อังกฤษติดบีทีเอสแบริ่งเลย!


» » - - - - - - - » »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • คาเฟ่สไตล์ Homey & Cozy ที่เต็มไปด้วย Passion & Story

    • ธุรกิจคาเฟ่ ยากแต่มีความสุข สนุกแต่เต็มไปด้วยการเดินทาง

    • “Happiness Inside”

    เรื่อง : TheNitiMe

    ภาพประกอบ : POLAR


    ถ้าพูดถึงคาเฟ่สไตล์อังกฤษ คุณคิดถึงอะไร?


    คุณอาจคิดถึงสวนกว้างๆ ที่มีรูปปั้นเหมือนหลุดออกมาจากสวนอีเดน คิดถึงความนั่งจิบชากรีดกรายนิ้วก้อยพร้อมเซ็ทขนม high tea หรือความเป๊ะของจานชาม เครื่องช้อนเครื่องแก้วลวดลายมาตรฐานเหมือนหลุดออกมาจากพระราชวังบักกิ้งแฮม?


    คุณอาจเห็นคาเฟ่แบบนี้ได้ทั่วกรุงเทพไปหมด แต่ถ้าเราจะบอกว่าคาเฟ่สไตล์อังกฤษที่เราจะพาไปรู้จักวันนี้คือคาเฟ่สไตล์อังกฤษแบบ Homey Cozy ที่จะทำให้คุณเหมือนได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่อังกฤษด้วยตัวเองล่ะ?



    พอได้มาที่นี่ก็ทำให้เราถึงกับบางอ้อ! เพราะที่ Billybillies - Cafe & Workshop Studio นี้ไม่เหมือนคาเฟ่หลายๆ แห่งที่เน้นขายสถานที่ให้คนมาถ่ายรูปสวยๆ อย่างเดียว แต่เสน่ห์ของที่นี่คือความน่ารักที่แสนเรียบง่ายที่คุณจะมาถ่ายรูปก็ได้ แถมเครื่องดื่มและขนมก็ละมุนละไมจนต้องเซอร์ไพรส์! ที่สำคัญถ้าบอกว่าที่นี่คือคาเฟ่สไตล์อังกฤษล่ะก็ ถือว่าเป็นคาเฟ่ที่คุณภาพคับแก้ว แถมคุ้มค่าราคาน่ารักมากๆ

    เรียกว่า Billybillies สามารถทำให้เราหลุดออกมาจากโลกความวุ่นวายในกรุงเทพฯ ไปได้ชั่วขณะเลย งานนี้ไม่รอช้า! ขอตามไปคุยกับเจ้าของร้านกันหน่อยดีกว่า ได้ไปเยือนคาเฟ่น่ารักๆ แถมได้งานอีกต่างหาก คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้วล่ะ!

    เมลกับจ๋า พาร์ทเนอร์เจ้าของร้าน 'Billybillies' ที่เราจะชวนมาคุยในวันนี้


    เมื่อไปถึงสถานีแบริ่ง เราก็ตรงดิ่งไปที่ทางออกที่ 3 แล้วเลี้ยวลงบันไดฝั่งซ้ายไปตามทาง พอถึงข้างล่างก็พบกับสวนดอกไม้เล็กๆ ที่มีเก้าอี้ไม้วางอาบแสงแดดอยู่พอดิบพอดี มองซ้ายแลขวาแล้วก็แอบจะงงๆ เพราะร้านนั้นถูกขนาบด้วยห้องแถวขายอุปกรณ์อะไหล่รถยนต์ทั้งสองฝั่ง จนอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมร้านคาเฟ่สไตล์อังกฤษที่แสนกิ๊บเก๋แบบนี้ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้


    “ ต้องขอบคุณที่บ้านเมลเพราะตึกแถวตรงนี้เป็นของที่บ้านเมล แต่ก่อนเคยเป็นร้านอื่นแต่มันถูกทิ้งร้างไว้นานแล้วโดยที่ไม่มีคนเช่า เราเลยบอกว่าโลเคชั่นมันดีมากๆ เลยนะ เดินลงบีทีเอสปุ๊บมันเจอเลย มันเริ่มจากการที่เราอยากทำ workshop & co-working space แล้วมันก็บานปลายมาเป็นคาเฟ่ค่ะ ”


    จ๋า - ปณพร วุธวานิช และ เมล - เมลิษา ซิโมเนตโต คือเจ้าของร้าน Billybillies - Cafe & Workshop Studio ที่มานั่งคุยกับเราและบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ cafe & workshop studio ใหม่เอี่ยมที่เพิ่งเปิดได้ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่โปรเจ็คแรกที่จ๋าและเมลทำร่วมกัน เพราะทั้งสองคนยังทำโปรเจ็คกระเป๋า eco รักษ์โลกที่ผลิตจากกระดาษย่อยสลายได้ชื่อ Perfect Partner ด้วย


    เมื่อถามถึงคาเฟ่แห่งนี้ จ๋าบอกว่าจริงๆ ความตั้งใจแรกคือต้องการทำแค่ workshop studio แต่ในความเป็นจริงคือไม่สามารถทำแค่อย่างเดียวได้ แถมสถานที่ก็ดีมากๆ สุดท้ายก็เลยกลายเป็น cafe & workshop studio เลย แถมแถวนี้ก็มีคาเฟ่สวยๆ อยู่บ้างแต่น้อย ที่สำคัญทั้งสองคนอยากให้ที่นี่เป็นคาเฟ่ Homey cozy อยากให้ลูกค้าเข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนมากินกาแฟที่บ้าน ส่วนแต่ละอย่างที่นำมาอยู่ในร้านก็ค่อนข้าง “เป็นพิเศษ” ทั้งนั้นด้วย


    บอกมาขนาดนี้เลยต้องถามต่อว่าความพิเศษที่ว่าคืออะไรกัน?


    “ อย่างชาก็คือเป็นเพื่อนที่รู้จักที่เค้ามี passion ในการทำชา รู้จักเค้ามานานตั้งแต่เค้าทำหลายๆ อย่างจนเค้ามามี passion ในการทำชามากๆ เราเลยรู้สึกว่าเราอยากเอาอันนี้มาอยู่ในร้านของเรา พอคุยกับเค้า เค้าก็เบลนด์ชาสูตรพิเศษรสชาติเฉพาะของ Billybillies ให้เราเลย ซึ่งวัตถุดิบของเค้าโคตรจะคัดสรรมาอย่างดีมากๆ ”


    ชาสูตรต่างๆ ของทางร้าน ก่อนจะดื่มได้ต้องรอนาฬิกาทรายหมดก่อน จะได้รสชาติและกลิ่นหอมกำลังดี


    ความพิเศษที่เราสัมผัสได้อีกอย่างเลยคือการตกแต่งภายในร้านนี่เอง ถึงแม้จะดูเรียบง่าย แต่ยิ่งมองยิ่งน่ารัก ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ จนได้คำตอบว่าจริงๆ แล้วจ๋าเป็นคนที่ชอบของเก่า ชอบของวินเทจอยู่แล้ว พอได้มาทำร้านของตัวเองเลยต้องการให้บรรยากาศภายในร้านดูสบายๆ เน้นโทนสีของไม้ สีขาว สีน้ำตาล นวลๆ เพื่อให้รู้สึกสบายตา

    “ ต้องบอกก่อนว่าทุกอย่างในร้านเราทำกันเองหมดเลยนะ ไม่ได้ใช้สถาปนิกใดๆ มีแต่ “สถาปนึก” คือนึกกันอยู่สองคน ส่วนเราชอบสีไม้ ชอบสีนวลๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ จริงๆ อย่างที่นี่ของทุกอย่างในร้านจะทำขึ้นใหม่หมด เก้าอี้ทุกตัว โต๊ะทุกตัว มันไม่ได้มาจากโรงงานแบบไปซื้อมา แต่เราสั่งทำจากร้านในกรุงเทพฯ นี่แหละ อย่างโต๊ะที่เรานั่งกันอยู่มันเป็นไม้สักเก่า ช่างเค้าไปเอาไม้ที่อยู่ในเฟอร์นิเจอร์ที่พังแล้วหลายๆ ชิ้นมาต่อเป็นโต๊ะตัวใหม่ จะเห็นได้ว่าไม้มันไม่เท่ากัน มันเลยเป็นเหมือนผลงานของนักออกแบบหรือศิลปิน ”

    คาเฟ่สไตล์ Homey & Cozy ที่เต็มไปด้วย Passion & Story


    “ โปรเจ็คที่เราทำทั้งกระเป๋าและคาเฟ่จะเป็นแบบรักษ์โลกหมดเลย คือเป็น passion ของเรา เป็น passion ของเมลด้วย คือเราก็เป็นคนตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้มีอำนาจในการที่จะไปเปลี่ยนโลก เลยรู้สึกว่าอะไรที่เราทำได้ก็จะทำ แล้วตัวเราเองก็ชอบของเก่าอยู่แล้วด้วย เลยรู้สึกว่าเรื่องของการลดใช้พลาสติกเราก็พยายามทำอยู่ทุกวัน ส่วนเรื่อง upcycling อ่ะเมลเค้าเรียนมาด้านนี้โดยตรงแล้วเรารู้สึกว่ามันจะเป็นเทรนด์ในอนาคตแน่ๆ ”


    เมลอธิบายให้เราฟังเพิ่มเติมว่าการ Upcycling นั้นต่างจาก reuse ตรงที่ reuse มันจะยังไม่ได้พังแล้วเราเอากลับมาใช้ใหม่ แต่ upcycling คือเราจะเอาของที่มันพังแล้วเสียแล้ว เอากลับมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่แล้วสร้างมูลค่าให้กับมัน


    “ ร้านเราพยายามใช้เป็นของเก่า เป็นการ recycle ทั้งหมด เช่น ขวดที่เราใช้เป็นแจกันก็คือขวดโซดาที่เราใช้ในร้านนี่แหละ ถ้าเราทิ้งไปมันก็กลายเป็นขยะใช่ป่ะ แทนที่เราจะไปซื้อแจกันสวยๆ จากอีเกีย เราก็ลองเอาดอกไม้มาปักขวดโซดา เห้ย มันก็สวยดีนะ มันก็เป็นแจกันได้ ”


    ส่วนความพิเศษของคาเฟ่แห่งนี้ไม่ใช่แค่ชาอย่างเดียวเท่านั้น ยิ่งฟังจ๋าเล่าเรื่องราวภายในร้านเราก็ยิ่งอิน ยิ่งฟังยิ่งชอบ ยิ่งฟังยิ่งรัก และยิ่งสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในทุกๆ รายละเอียดของร้าน ขณะที่เรากำลังนั่งฟังและพูดคุยกับจ๋าเพลินๆ ฝั่งเมลก็เป็นคนที่เดินเอาทั้งกาแฟและขนมซึ่งเป็น signature ของร้านมาให้เราเต็มโต๊ะจนแทบอดใจไม่ไหว


    Billybillies Coffee กาแฟซิกเนเจอร์ของทางร้าน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ใช่สายกาแฟจ๋าเพราะตัวกาแฟจะผสมส้มและโซดาด้วย ลงตัวมากๆ! ส่วนหลอดก็ทำจากซังข้าวโพด ดีงามสุดๆ


    “ อันนี้เป็น signature ของร้านเลย ชื่อ Billybillies coffee ส่วนหลอดก็เป็นหลอดที่ทำจากซังข้าวโพด ธรรมชาติสุดฤทธิ์ กัดไม่ได้เพราะถ้ากัดปุ๊บแตกปั๊บ ใช้ดูดอย่างเดียว เวลาดูดก็จะมีกลิ่นข้าวโพดเบาๆ ด้วย ฉะนั้นก็จะพิเศษนิดนึง”

    นอกจากความพิเศษของหลอดแล้ว จ๋าบอกอีกว่าตัวกาแฟของทางร้านจะเป็นกาแฟไทยทั้งหมด ไม่มีกาแฟนอกเลย

    “ คือเราอยากให้รู้ว่าเมล็ดกาแฟของไทยอ่ะก็เป็นกาแฟที่ดีที่พรีเมี่ยมนะ ก็เอามาจากภาคเหนือที่เราไปเลือกกันมาเอง คือจริงๆ ตัวเราเองไม่ใช่คนชอบกินกาแฟเพราะเมื่อก่อนรู้สึกว่ากินแล้วใจเต้นเร็ว ที่ร้านก็เลยทำเมนูสำหรับคนที่ไม่ได้กินกาแฟจ๋าขนาดนั้นมาด้วย ไม่ใช่อเมริกาโน่ เอสเปรสโซ่จ๋า อย่างเมนูนี้เป็นต้นก็จะผสมส้มกับโซดา ให้การกินมันกินง่ายสำหรับคนที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อกินกาแฟซะอย่างเดียว ”

    การต้มกาแฟสุดคลาสสิกสไตล์อิตาเลี่ยนด้วย Moka Pot สายกาแฟห้ามพลาดเลยเพราะกาแฟหอมมากๆ ทานคู่ขนม Dacquoise คือฟินไปเลย


    ความดีงามอีกอย่างที่เราจะข้ามไปไม่ได้เลยคือกิมมิคในเครื่องดื่มและขนมของทางร้านที่ช่างเชิญชวนให้คนเข้ามาค้นหาเหลือเกิน โดยเฉพาะ Dacquoise (30-.) ขนมโบราณของฝรั่งเศส ซึ่งหาทานยากมาก ที่นี่เค้าก็ไปหามาขายในร้านจนได้ (ผู้เขียนขอแนะนำรสกาแฟ อ ร่ อ ย ม า ก !!!!!) ด้านนอกเป็นเนื้อเมอแรงถั่ว กรอบนอกนุ่มใน ส่วนด้านในมีครีมรสกาแฟ หรือช็อกโกแลต ทานกับกาแฟที่ต้มด้วย Moka Pot (65-.) หม้อต้มโบราณสไตล์ยุโรปที่ import จากประเทศอิตาลียิ่งละมุนละไมได้อรรถรสดีเหลือเกิน

     เมล : Moka Pot เป็นการทำกาแฟต้มแบบอิตาลี แบบโบราณ ดูเก๋ๆ สไตล์ยูโรเปี้ยนเลย จริงๆ คือคุณพ่อเป็นคนอิตาเลียนก็จะเห็นพ่อทำกาแฟ Moka Pot ตลอดเวลา เกิดมาก็เห็นแต่ Moka Pot คือไม่รู้จักเครื่อง espresso เลย จนกระทั่งจะจบมหาลัยอยู่แล้วเพิ่งมารู้ว่าบ้านอื่นเค้าไม่ใช่ Moka Pot กัน

    จ๋า : ใช่ เมลเลยแบบ ถึงจะไม่เข้ากับร้านยังไงก็จะเอามาอยู่ในร้านให้ได้ เราก็โอเคก็ได้ ตัวเครื่องที่ใช้ในร้านก็คือเป็นออริจินอลจากอิตาลีจริงๆ คือยี่ห้อ Bialetti เป็นยี่ห้อดังของที่นู่นเลย คนที่เชี่ยวชาญด้านการต้มกาแฟหลายคนก็บอกว่าถ้าไม่ได้ใช้ Bialetti กาแฟก็ไม่อร่อย ก็เลยต้องลองดูว่าจริงรึเปล่า (หัวเราะ) คนกินกาแฟจริงๆ เท่านั้นถึงจะรู้ว่าใช้หม้อต้มจีนกับหม้อต้ม Bialetti มันไม่เหมือนกัน ก็เลยโอเค เพิ่มมูลค่าได้อีก

    :: จริงๆ ของในร้านเราไม่ได้ขายแพง เพราะอย่างที่บอกว่า
    แต่ละคนที่ทำของให้เรา เค้าทำด้วย passion จริงๆ

    ดังนั้นการที่เค้าทำมาเค้าก็ไม่ได้ขายให้เราแพง
    เราก็ไม่ได้ขายให้ลูกค้าแพง
    แล้วลูกค้าก็ได้ประสบการณ์
    ในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนทำ ดีที่สุดสำหรับคนกิน ::



    สำหรับชื่อร้าน Billybillies นั้นก็ไม่ใช่ว่าเค้าจะหยิบอะไรมาตั้งเล่นๆ มั่วๆ นะคะ เพราะจริงๆ แล้วชื่อนี้ได้รับการอิมพอร์ทจากมหาวิทยาลัย Cambridge ประเทศอังกฤษเลยทีเดียว!

    “ ชื่อร้านก็มีที่มาเหมือนกัน คือเมลเค้าเรียนจบจากมหาวิทยาลัย Cambridge ละในมหาลัยมันจะมี house เหมือนของ Harry Potter อ่ะ ในแคมบริดจ์มันก็จะแบ่งเป็น college แบบ college trinity, college นู่นนี่ ส่วนเมลก็ได้ไปอยู่ college ที่ชื่อว่า Fitzwilliam ซึ่งเค้ามีชื่อเล่นว่า Billy (จริงๆ สัญลักษณ์ประจำบ้านเป็นแพะชื่อว่า Billy เค้าเลยเรียกเป็นชื่อเล่นไปด้วยเลย - เมลเสริม) ส่วนเราชอบ Billie Holiday ก็เลยกลายเป็น Billybillies ”

    เชื่อแล้วว่าถ้ามาเยือนคาเฟ่ร้านนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่รู้จักจ๋ากับเมลเป็นการส่วนตัว แต่ถ้าได้มาใช้เวลาที่นี่แล้วล่ะก็คุณจะได้ทำความรู้จักทั้งสองคนได้อย่างใกล้ชิดสุดๆ เลยล่ะ

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดOriginal Content)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe