การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (และคนส่วนใหญ่ทำไม่ค่อยได้) คือให้อภัยคนที่เคยทำร้ายเรานี่แหละค่ะซิส! แต่การนั่งเจ็บนั่งแค้นไปเรื่อยๆ ก็ไม่ดีกับหัวใจเราแน่ๆ มาเรียนรู้การ 'ปล่อยวาง' ให้ตัวโล่ง เบาสบาย ด้วย 7 ขั้นตอนง่ายๆ กันดีกว่า

เลือกอ่านตามหัวข้อ
-- ทำไมเราไม่ควรปล่อยให้ 'ความเกลียด' เกาะกุมหัวใจ -- (︶︹︺)
♡ Step 1 : 'ยอมรับความจริง'
♡ Step 2 : มองเหตุการณ์เป็นกลาง จากมุมมอง 'คนนอก'
♡ Step 3 : แม้จะยาก แต่ลอง 'ให้อภัยตัวเอง' ดูสิ
♡ Step 4 : คิดถึงอนาคตข้างหน้า อย่าฝังใจกับเรื่องนี้ไป 'ตลอดชีวิต'
❤ Step 5 : 'ให้อภัย' คนคนนั้น เพื่อ Move on และก้าวต่อไป
❤ Step 6 : 'บทเรียน' จากประสบการณ์นี้ เธอได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
❤ Step 7 : 'ปล่อยมันไป' Let it go เรื่องนี้ต้องจบเสียที!
-- สวัสดีค่า สาวๆ SistaCafe ทุกคน ( ̄ω ̄) --
ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ มันก็มีความรู้สึกอะเนอะ ถ้ามีคนมาใส่ร้าย ทำร้ายเราทั้งร่างกายและจิตใจ ก็คงต้องมีอารมณ์โกรธบ้างแหละ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเด้อ -_- ยิ่งใครโดนบุลลี่ ใส่ร้าย นินทาซ้ำซาก ความเจ็บ ความโกรธแค้นมันก็ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนบางทีส่งผลต่อร่างกาย กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนอาจไปถึงขั้นต้นของโรคซึมเศร้าได้เลยค่ะซิส
ถ้าเธอเองก็เคยเจอเหตุการณ์แย่ๆ ที่ฝ่ายตรงข้าม move on ไปนานแล้ว แต่ตัวเธอเองยังไม่สามารถ ' หลุดพ้น ' ได้สักที อาจถึงเวลาที่ต้องปล่อยวาง เอาตัวเองออกจากคนแย่ๆ toxic พวกนี้ออกจากความคิดเสียที เราอาจเปลี่ยนคนนิสัยแย่ไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนที่ mindset ตัวเองได้เด้อ จะต้องทำยังไงบ้าง ลองมาดูกันก่อนว่า การปล่อยให้สิ่งที่เรียกว่า ' ความเกลียด ' กัดกินหัวใจไปเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้น???
-- ทำไมเราไม่ควรปล่อยให้ 'ความเกลียด' เกาะกุมหัวใจ -- (︶︹︺)
ไม่ว่าคนที่ทำให้เธอโกรธ เจ็บแค้นจะเป็นใครก็ตาม เพื่อน คนรัก สมาชิกในครอบครัว หรือคนทั่วไปที่ไม่เคยสนิทตั้งแต่แรก การทำร้ายจิตใจ การพูดพล่อยๆ โดยไม่ตั้งใจ etc. การบุลลี่ก็คือการบุลลี่วันยังค่ำ ความสนิทไม่ได้ทำให้เราเสียความรู้สึกน้อยลง มันก็เจ็บเหมือนเดิม แถมยิ่งปล่อยไว้ในใจ มันก็ยิ่งเหมือนน้ำกรดกัดกร่อนหัวใจให้พังลงเรื่อยๆ และตัวเธอเองนั่นแหละที่จะพัง!
ยิ่งเราเพาะเลี้ยงความเกลียดไว้ มันก็เหมือนสัตว์ประหลาดที่จะตัวโตขึ้นเรื่อยๆ มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกัน ทำให้ตัวเธอเองอ่อนแอลง จิตใจเริ่มไม่ปกติ ร่างกายก็เสื่อมถอยลงไปทีละนิดๆ จนวันหนึ่งเธออาจกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปซะเอง! ดังนั้นอย่าปล่อยให้เจ้าตัวนี้อยู่ในความคิดของเธอต่อไปอีกเลย ดึงมันออก กลับมาดูแลความรู้สึกตัวเองให้เยอะๆ และ Let it go กันดีกว่า แค่ทำตาม 7 ขั้นตอนง่ายๆ เท่านั้น จะมีอะไรบ้างเรามาดูกันเลยค่ะ (*^.^*)
ยิ่งเราเพาะเลี้ยงความเกลียดไว้ มันก็เหมือนสัตว์ประหลาดที่จะตัวโตขึ้นเรื่อยๆ มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกัน ทำให้ตัวเธอเองอ่อนแอลง จิตใจเริ่มไม่ปกติ ร่างกายก็เสื่อมถอยลงไปทีละนิดๆ จนวันหนึ่งเธออาจกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปซะเอง! ดังนั้นอย่าปล่อยให้เจ้าตัวนี้อยู่ในความคิดของเธอต่อไปอีกเลย ดึงมันออก กลับมาดูแลความรู้สึกตัวเองให้เยอะๆ และ Let it go กันดีกว่า แค่ทำตาม 7 ขั้นตอนง่ายๆ เท่านั้น จะมีอะไรบ้างเรามาดูกันเลยค่ะ (*^.^*)
♡ Step 1 : 'ยอมรับความจริง'
ขั้นตอนแรกของการกำจัดความเกลียด คือการ ' ยอมรับความจริง ' ให้ได้เสียก่อนว่าเหตุการณ์จริงๆ คืออะไร สาวๆ บางคนจิตใจอ่อนไหว ไม่อยากยอมรับความจริง ( ที่อาจสะเทือนใจและรุนแรงกว่าที่จะคาดคิด ) จึงสร้างโลกเสมือน โลกส่วนตัวที่สวยงามของตัวเองขึ้นมา และปฏิเสธความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง ซึ่งมันอาจจะดีในช่วงแรกๆ แต่ถ้าเวลาผ่านไปหลายปีล่ะ? เธอจะติดอยู่ในโลกที่เธอรู้ดีว่ามันไม่จริง วันดีคืนดีก็มานั่งร้องไห้ เพราะปมในใจไม่ถูกแก้สักทีน่ะเหรอ?
อารมณ์เหมือนถนนพัง แต่เอาฝาท่อมาปิด แทนที่จะซ่อมถนนนั่นแหละค่ะ มันไม่ช่วยอะไรได้จริงๆ หรอก เธอต้องยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน มันอาจจะยาก อาจจะร้องไห้ ดำดิ่งมากในช่วงแรกๆ แต่มันจะทำให้เธอมีสติ และคิดหาทางเยียวยาตัวเองได้ต่อไป จำไว้ว่าคนที่ทำร้ายเธอในอดีต ไม่จำเป็นต้องทำร้ายเธอในปัจจุบันด้วย ยอมรับว่ามันเกิดขึ้น และมันก็ผ่านไปแล้ว ดีที่สุด!!
อารมณ์เหมือนถนนพัง แต่เอาฝาท่อมาปิด แทนที่จะซ่อมถนนนั่นแหละค่ะ มันไม่ช่วยอะไรได้จริงๆ หรอก เธอต้องยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน มันอาจจะยาก อาจจะร้องไห้ ดำดิ่งมากในช่วงแรกๆ แต่มันจะทำให้เธอมีสติ และคิดหาทางเยียวยาตัวเองได้ต่อไป จำไว้ว่าคนที่ทำร้ายเธอในอดีต ไม่จำเป็นต้องทำร้ายเธอในปัจจุบันด้วย ยอมรับว่ามันเกิดขึ้น และมันก็ผ่านไปแล้ว ดีที่สุด!!
♡ Step 2 : มองเหตุการณ์เป็นกลาง จากมุมมอง 'คนนอก'
อาจจะดูขัดใจนิดนึง แต่ความเกลียด ความโกรธหลายๆ อย่างที่เราเป็นอยู่ บางทีเรื่องมันไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น แต่เรามองจากมุมตัวเอง เราเลยเกลียด เลยโกรธจนไฟลุก คล้ายๆ กับเวลามีคดีอะไร ถ้าผู้ร้ายหรือเหยื่อเป็นคนที่เรารู้จัก หรือเป็นคนในครอบครัว เราจะมองคดีนี้แตกต่างจากคนนอกทันที เราจะ ' อิน ' และมีความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง จนบางทีทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน หลุดประเด็นจริงๆ ไปเลยก็มี ( เขาถึงห้ามตำรวจที่เกี่ยวข้อง มาทำเคสที่รู้จักกับคนในคดียังไงล่ะคะ )
ขอเว้นเคสที่โดนบุลลี่แบบไร้เหตุผล หรือเคสที่เธอโดนกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวนะคะ อันนั้นอีกฝ่ายผิดแน่อยู่แล้ว แต่! ถ้าเป็นการทะเลาะที่มีเหตุผลกันทั้งคู่ ลองมองในมุมอีกฝ่ายดูบ้าง ว่าเขามีเหตุผลที่ทำแบบนั้นมั้ย? ทำไมเขาถึงพูดหรือทำกับเธอแบบนั้น? และถ้าจิตใจแข็งแกร่งพอ ให้ถอยออกมาห่างๆ มองในมุมคนนอก และกล้าที่จะวิจารณ์นิสัยตัวเองตรงๆ บางทีอาจทำให้มองภาพอะไรได้ชัดมากขึ้น และหลุดพ้นจากความโกรธเกลียดนี้ได้ง่ายขึ้นค่ะ
ขอเว้นเคสที่โดนบุลลี่แบบไร้เหตุผล หรือเคสที่เธอโดนกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวนะคะ อันนั้นอีกฝ่ายผิดแน่อยู่แล้ว แต่! ถ้าเป็นการทะเลาะที่มีเหตุผลกันทั้งคู่ ลองมองในมุมอีกฝ่ายดูบ้าง ว่าเขามีเหตุผลที่ทำแบบนั้นมั้ย? ทำไมเขาถึงพูดหรือทำกับเธอแบบนั้น? และถ้าจิตใจแข็งแกร่งพอ ให้ถอยออกมาห่างๆ มองในมุมคนนอก และกล้าที่จะวิจารณ์นิสัยตัวเองตรงๆ บางทีอาจทำให้มองภาพอะไรได้ชัดมากขึ้น และหลุดพ้นจากความโกรธเกลียดนี้ได้ง่ายขึ้นค่ะ
♡ Step 3 : แม้จะยาก แต่ลอง 'ให้อภัยตัวเอง' ดูสิ
ในเคสที่เธอเองก็มีส่วนผิด ( หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่เลยด้วยที่ผิด ) ทำให้ความเศร้า ความเกลียดนั้นไปลงที่ตัวเอง โทษตัวเองเสมอมานานนับปี บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่เธอจะลอง ' ยกโทษให้ตัวเอง ' ดูสักครั้งค่ะ ขั้นตอนนี้อาจจะยากที่สุดแล้ว บางคนอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่านพ้นไปได้ การให้อภัยตัวเองไม่ได้หมายความว่า เธอเมินเฉยในเรื่องที่ตัวเองทำผิด แต่เธอลงโทษตัวเองมานานพอแล้ว และพร้อมจะก้าวสู่ขั้นตอนเยียวยาตัวเองต่อไปค่ะ
สาวๆ สายสตรองบางคนจะคิดว่า เรื่องที่ทำมันผิดมากมายมหาศาล ชาตินี้คงไม่สามารถยกโทษให้ตัวเองได้อีกแล้ว แต่หากเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว กลับไปแก้ไขไม่ได้ การเอาแต่โทษตัวเองซ้ำซากมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ลองให้อภัย ผ่อนปรนตัวเองบ้างสักครั้ง หาหนทางป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องนี้ซ้ำ แล้วใช้ชีวิตต่อไป น่าจะดีกับสุขภาพจิตของเธอมากกว่านะคะซิส
สาวๆ สายสตรองบางคนจะคิดว่า เรื่องที่ทำมันผิดมากมายมหาศาล ชาตินี้คงไม่สามารถยกโทษให้ตัวเองได้อีกแล้ว แต่หากเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว กลับไปแก้ไขไม่ได้ การเอาแต่โทษตัวเองซ้ำซากมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ลองให้อภัย ผ่อนปรนตัวเองบ้างสักครั้ง หาหนทางป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องนี้ซ้ำ แล้วใช้ชีวิตต่อไป น่าจะดีกับสุขภาพจิตของเธอมากกว่านะคะซิส
♡ Step 4 : คิดถึงอนาคตข้างหน้า อย่าฝังใจกับเรื่องนี้ไป 'ตลอดชีวิต'
เราคิดว่าสาวๆ ทุกคนที่อ่านบทความนี้ ไม่ว่าเธอจะเป็นเด็กวัยรุ่น วัยทำงาน หรือเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วก็ตาม ทุกคนมีอนาคตอีกยาวนานที่จะก้าวต่อไป คิดถึงอนาคตเหล่านั้นให้มากๆ ยังมีอะไรอีกเยอะที่เธอต้องทำ อย่าปล่อยให้ความโกรธเกลียดกัดกินตัวเอง จนไม่มีแรงไปทำอย่างอื่น
จงมี ' ความหวัง ' ที่เต็มเปี่ยมว่าชีวิตจะต้องดีขึ้น แสวงหาโอกาสน่าตื่นเต้นต่างๆ ในชีวิต เช่น เปลี่ยนสายงานใหม่ เรียนต่อ ไปเที่ยวต่างประเทศ เปลี่ยนกลุ่มสังคมใหม่ etc. เพื่อไม่ให้เธอจมจ่อมอยู่กับความคิดด้านลบนานเกินไป และทำให้เธอ Move On จากความเกลียดนั้นได้เร็วขึ้นค่ะ
จงมี ' ความหวัง ' ที่เต็มเปี่ยมว่าชีวิตจะต้องดีขึ้น แสวงหาโอกาสน่าตื่นเต้นต่างๆ ในชีวิต เช่น เปลี่ยนสายงานใหม่ เรียนต่อ ไปเที่ยวต่างประเทศ เปลี่ยนกลุ่มสังคมใหม่ etc. เพื่อไม่ให้เธอจมจ่อมอยู่กับความคิดด้านลบนานเกินไป และทำให้เธอ Move On จากความเกลียดนั้นได้เร็วขึ้นค่ะ
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดอื่น ๆ)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe