Large
Articles makeup
ความงาม

"ซัพพลิเมนท์ เดอะซีรีส์" EP.8 ลดน้ำหนักปั้นหุ่นเป๊ะ สุขภาพดีอย่างปลอดภัย ด้วย Whey Protein

สาวๆ ที่กินเก่ง อ้วนง่าย แต่ลดยาก ลดมา 10 ปีไม่ยอมลดซักที อยากใส่ชุดน่ารักๆ แบบออลจังเกาหลี แต่ไม่มีไซส์เราเลย ถ้ามีไซส์ก็ชุดรุ่นแม่รุ่นป้าเท่านั้น ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจเอาซะเลย TT


» » - - - - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • โรคอ้วน คืออะไร?

    • ชนิดของโรคอ้วน

    • การวัดความอ้วนด้วยดัชนีมวลกาย (ฺBMI)

    • วิธีดูแลรูปร่างให้สมส่วน ไม่กลับไปอ้วนอีก


    สวัสดีค่ะสาวๆ ทุกคนนน

    บทความนี้สำหรับสาวๆ ที่กินเก่ง อ้วนง่าย แต่ลดยากโดยเฉพาะ ใครที่ลดน้ำหนักไม่ได้สักที สาวๆ ส่วนใหญ่เลือกการรับประทานอาหารด้วยการอดอาหาร ไม่กินแป้ง ไม่กินของทอด ของมัน เน้นกินผักผลไม้ และโปรตีนด้วยการกินไข่ต้มวันละ 3 มื้อ ซึ่งมันไม่ดีกับตัวเราเลย แถมเหม็นคาวอีกด้วย หากอดอาหารโดยไม่กินอะไรเลย ต่อให้ผอมลงจนเห็นกระดูก แต่ร่างกายของเราไม่แข็งแรง ขาดสารอาหารที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกายของเราเลย หรือบางคนก็เลือกกินคลีน แต่ไม่ออกกำลังกาย เพราะกลัวเหนื่อย ออกแค่ท่าเดียวก็เลิก จะบอกให้นะ ต่อให้เรากินเยอะ กินน้อย หรือคุมอาหาร แต่ออกกำลังกายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้ำหนักของเราลด และมีหุ่นสวยเป๊ะ กระชับทุกสัดส่วนเลยนะหนู หรือใครกำลังลดน้ำหนักโดยเลือกไม่กินอะไร เรามีตัวช่วยเสริมที่สามารถทดแทนมื้ออาหารมื้อใดมื้อหนึ่งอย่าง Whey Protein มาให้เพื่อนๆ รู้จักกัน ว่าเจ้า Whey Protein มันดีต่อรูปร่างอย่างไร ไปดูกันเลยค่าา

    โรคอ้วน คืออะไร?


    โรคอ้วน คือ ภาวะที่มีไขมันอยู่ในร่างกายเกินกว่าปกติ ซึ่งจะสะสมอยู่ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยมีสาเหตุสำคัญ 2 ประการหลักๆ คือ 

    การรับประทานอาหารมากเกินไป ร่วมกับกิจกรรมที่ใช้พลังงานน้อยเกินไป ทำให้เกิดไขมันสะสมที่หน้าท้องและส่วนต่างๆ ของร่างกาย

    รูปร่างที่ไม่ได้สัดส่วน เช่น บางคนมีรูปร่างเล็ก แต่มีหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขาและสะโพกใหญ่ เกิดจากรับประทานอาหารมากเกินกว่าร่างกายที่ต้องการนำไปใช้พลังงาน ปกติเรารับประทานอาหารเข้าไปจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงาน หรือ แคลอรี่ เพื่อร่างกายนำไปใช้ในการทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ สรุปคือถ้าเรารับประทานอาหารเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้ส่วนที่เหลือกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย 

    ชนิดของโรคอ้วน


    อ้วนลงพุง

      โรคอ้วนจากการมีไขมันสะสมมากในช่วงหน้าท้อง และอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต ไส้ กระเพาะ ซึ่งโรคอ้วนชนิดนี้ควรระมัดระวัง เพราะนำไปสู่โรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือด หลอดเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง ถ้าดูจากรูปร่างภายนอกเรียกว่า หุ่นแอปเปิ้ล 
    1569383158  e0 b8 ab e0 b8 b8 e0 b9 88 e0 b8 99 e0 b9 81 e0 b9 81 e0 b8 81 e0 b9 89 e0 b9 81 e0 b8 ad e0 b8 9b e0 b9 80 e0 b8 9b e0 b8 b4 e0 b9 89 e0 b8 a5

    รูปร่างทรงแอปเปิ้ล มักจะมีไขมันสะสมในช่วงไหล่ ต้นแขน หน้าท้อง ลำตัวตรง แต่ช่วงสะโพกและต้นขามักจะเล็กกว่า


    อ้วนแบบมีสะโพกใหญ่ หรืออ้วนแบบลูกแพร์

      ส่วนใหญ่พบในผู้หญิง โอกาสเกิดโรคน้อยกว่าคนที่อ้วนลงพุง

      
    1569383404 pear20shape

    รูปร่างลูกแพร์ มักจะมีไขมันสะสมอยู่ในช่วงสะโพก ก้นและต้นขา แต่ช่วงบนเล็ก


    อ้วนทั้งตัว

      พบมากในคนที่อ้วนมาก ลงทั้งพุงและสะโพกใหญ่ มีโอกาสโรคแทรกซ้อนมากกว่าอ้วนประเภทลงพุง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง หรือโรคจากน้ำหนักตัวมากโดยตรง เช่น โรคไขข้อเสื่อม ปวดหลัง กรณีที่อ้วนมากๆ เวลาออกกำลังกายจะเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ระบบการทำงานติดขัด

    การวัดความอ้วนด้วยดัชนีมวลกาย (ฺBMI)


    เกณฑ์ดัชนีมวลกายหลักๆ (BMI) ของคนเอเชีย 

    น้อยกว่า 18.5 = ต่ำกว่าเกณฑ์

    18.5 - 22.9 = สมส่วน

    23.0 - 24.9 = น้ำหนักเกิน

    25.0 - 29.9 = อ้วน

    30.0 ขึ้นไป = อ้วนมาก

    วิธีการคำนวณ โดยเอาน้ำหนักของเรา หารด้วยส่วนสูงกำลัง 2 เช่น เราหนัก 63 สูง 153 วิธีหาคำตอบ คือ

    ุ63 / (1.53x1.53) = 26.91 เท่ากับเราตอนนี้คือ "อ้วน" 


    วิธีดูแลรูปร่างให้สมส่วน ไม่กลับไปอ้วนอีก


    ออกกำลังกาย

      แน่นอนเลยค่ะ ถ้าอยากมีรูปร่างดี ฟิตกระชับ อันดับ 1 นี่ก็คือ ออกกำลังกาย ค่ะ สำหรับคนที่มีปัญหาโรคอ้วนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย เพราะกลัวเหนื่อย สำหรับนักออกกำลังกายมือใหม่ แต่ไม่อยากไปฟิตเนส เราแนะนำให้เริ่มออกกำลังกายแบบไม่ต้องกระโดด หรือ low impact แต่เบิร์นได้เยอะ แนะนำให้ทำวันละ 20-30 นาที จะทำเป็นรอบเดียว 30 นาที หรือจะทำเป็นเซ็ตๆ เราแนะนำให้ทำ 2-3 เซ็ตต่อวัน แต่ละเซ็ตอยู่ในเซ็ตละ 5-10 นาทีโดยประมาณ หากเก่งหรือชำนาญแล้วสามารถเพิ่มระดับเป็น high impact หรือ HIIT ที่มีการกระโดดได้เลย แต่ละเซ็ตอยู่ในเซ็ตละ 10-15 นาที เพื่อการเผาผลาญที่ดีขึ้น เราแนะนำให้ทำ 1-2 เซ็ตต่อวัน การออกกำลังกายเหล่านี้สามารถทำเองได้ที่บ้านเท่ากับไปฟิตเนสหรือวิ่ง 1 ชั่วโมง หรือถ้าเพื่อนๆ เบื่อทำคาร์ดิโอแล้วหรือชำนาญแล้ว เราสามารถลองเปลี่ยนไปทำเวทเทรนนิ่ง 3 วันต่อสัปดาห์ สลับกับคาร์ดิโอ 2 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกาย เราแนะนำให้ทำ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ 
    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดความงาม)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe