

ความงาม
สละโสดละจ้า ♡ รวม 8 ทริคแต่งหน้าเพื่อ 'เจ้าสาวมือใหม่' ให้หน้าเป๊ะ หน้ากริ๊บทั้งงาน เจ้าบ่าวไม่ผงะ!
รอคอยวันนี้มานานแสนนานน งานแต่งงาน (ที่หวังว่าจะเป็น) ครั้งเดียวในชีวิตของสาวๆ ทุกคน จะสละโสดทั้งที จะแต่งหน้าลวกๆ ไปหน้าเยิ้ม หน้าเมือก ต่อหน้าแขกเป็นร้อยๆ ก็อายเขาแย่ มาดูทริคแต่งหน้าเจ้าสาว ให้สวยกริ๊บตลอดงานกันค่ะซิส!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
1. ต้องเตรียมผิวหน้าขั้นตอนแรก ด้วย 'ไพรเมอร์' เสมอ!
2. ลองแต่งหน้าหลายๆ แบบ ว่าสไตล์ไหนเหมาะกับเราที่สุด
3. เครื่องสำอางทุกขิ้นที่ใช้ ควรต้อง 'ติดทน'
4. ใช้คอนซีลเลอร์เนื้อครีม เก็บสิวให้เนียนกริ๊บ!
5. ถ้าชอบผิวฉ่ำ ควรแต่งให้ดูโกลว์ แต่หน้าไม่มันเยิ้ม!
6. ปัด 'มาสคาร่ากันน้ำ' แทนการติด 'ขนตาปลอม'
7. เลือกสีเล็บมือให้เรียบ เนี้ยบ แต่ไม่ดูจืดจนเกินไป
8. พกเมคอัพชิ้นเล็กๆ ไว้เติมระหว่างงาน!
♪ ♪ ♪ แต่ แด แด แด~~~ แต่ แด๊ แด่ แด~~ //หยิบผ้าคลุมหน้ามาใส่
ไฮค่าาา สาวซิสทั้งหลาย เราเชื่อว่าความฝันสูงสุดของหลายๆ คนที่อ่านอยู่ตอนนี้ ก็คงอยากเป็น ' เจ้าสาว ' ใช้เวลาทั้งชีวิตกับคนที่ใช่อะเนาะ คงมีความสุข โรแมนติกเหมือนในเทพนิยายทุกวันแน่ๆ >< แต่นึกภาพสาวๆ ต้องสละสถานะ ' โสด ' เป็น ' แต่งงานแล้ว ' ก็เรื่องใหญ่อยู่เด้อ ไหนจะต้องจัดงานแต่ง เตรียมการ์ด เตรียมสถานที่ ใครมีออร์แกไนซ์ก็ง่ายหน่อย แต่ใครทำเองหมดนะเธอเอ๊ยย หัวหกก้นขวิดกันสุดๆ #ใครว่าแต่งงานง่ายคะซิส??
นอกจากช่วงเตรียมงานแล้ว ในวันงานก็ต้องเตรียมกำหนดการ ดูแลแขก ชุด หน้า ผมก็ต้องเป๊ะตลอดเวลา จะไปถ่ายรูปแขกทั้งที่หน้าเยิ้มก็ใช่ที่ ( แม้แขกคนนั้นจะเป็นคนที่ 13505 ก็ตาม ) ' การแต่งหน้าเจ้าสาว ' จึงมีทริคบางอย่างที่ไม่เหมือนแต่งหน้าทั่วไป เพราะต้องติดทน แต่ยังได้งานผิวฉ่ำ ซึ่งแอบซับซ้อนสำหรับมือใหม่ แต่ถ้าเธอไม่อยากเสียเงินจ้างช่าง ( เพราะงบหมด! ) ก็ลองอ่าน 8 ทริคเมคอัพ สำหรับเจ้าสาวมือใหม่ ให้หน้าสวยเนียน เป๊ะทั้งวัน แบบที่เจ้าบ่าวไม่เผ่นหนีกลางงานแน่นอน อิอิ >.< พร้อมแล้วก็ เริ่มกันเล้ย!
1. ต้องเตรียมผิวหน้าขั้นตอนแรก ด้วย 'ไพรเมอร์' เสมอ!
ไม่ว่าจะผิวดี ผิวฉ่ำมงแต่เกิด หรือผิวพังแห้งกร้านมาตั้งแต่ชาติปางไหน ก็ห้ามพลาดขั้นตอนแรกของการแต่งหน้าอย่าง ' ทาไพรเมอร์ ' เด็ดขาด! เพราะผิวหน้า ก็เปรียบเสมือนผืนดินที่ขรุขระ มีจุดด่างดำ ไม่สดใส ไม่เรียบเนียน 100% จึงต้องใช้ไพรเมอร์ปรับสภาพผิว เพื่อเตรียมพร้อมรับเครื่องสำอางอื่นๆ ต่อไปนั่นเองค่ะ
ทางที่ดี ควรเตรียมผิวด้วยการใช้ ' สกินแคร์ ' บำรุงผิวตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นโทนเนอร์ มอยส์เจอไรเซอร์ สครับและมาส์ก อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันงาน แต่เพื่อความปลอดภัย อย่าใช้สครับที่ผิวหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ป้องกันอาการผิวระคายเคือง แต่ต้องทาครีม และใช้มาส์กหน้าทุกวัน มาส์กรัวๆ ไปเลยค่ะ รับรองวันงานผิวฉ่ำ อิ่มน้ำจากภายในแน่นอน แต่งหน้าเบาๆ ก็รอด #ผิวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!
ทางที่ดี ควรเตรียมผิวด้วยการใช้ ' สกินแคร์ ' บำรุงผิวตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นโทนเนอร์ มอยส์เจอไรเซอร์ สครับและมาส์ก อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันงาน แต่เพื่อความปลอดภัย อย่าใช้สครับที่ผิวหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ป้องกันอาการผิวระคายเคือง แต่ต้องทาครีม และใช้มาส์กหน้าทุกวัน มาส์กรัวๆ ไปเลยค่ะ รับรองวันงานผิวฉ่ำ อิ่มน้ำจากภายในแน่นอน แต่งหน้าเบาๆ ก็รอด #ผิวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!
2. ลองแต่งหน้าหลายๆ แบบ ว่าสไตล์ไหนเหมาะกับเราที่สุด
วันแต่งงาน คือวันที่เราควรมีความสุข และเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด อย่าปล่อยให้ช่างแต่งหน้าที่ไหนไม่รู้ มาดีไซน์หน้าเราว่าควรปรับตรงนั้น แก้ตรงนี้ สรุปได้หน้าใครมาไม่รู้ที่ไม่ใช่ตัวตนเราเลย โน! เธอควรลองให้เขาแต่งหลายๆ แบบ เช่น ลุคหวาน ลุคเนี้ยบ ลุคสดใส หรือลุคแซ่บหน่อยๆ เพื่อดูว่าแบบไหนเข้ากับชุดเจ้าสาวของเธอที่สุด เอาง่ายๆ เธอมั่นใจไปเจอหน้าแขกกับเมคอัพลุคไหน ก็เอาลุคนั้นแหละ
จำไว้ให้มั่นว่า ภาพถ่ายเจ้าสาวในวันแต่งงาน จะอยู่คู่กับเธอไปตลอดกาล เหมือนวันรับปริญญาที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก ดังนั้นควรเลือกลุคเมคอัพที่เธอแฮปปี้ที่สุดนะคะ ^^
ปล. แต่ถ้าอยากได้ลุคเจ้าสาวคลาสสิกๆ ที่เขานิยมแต่งกัน สวยทุกกาลเวลา ทำผิวให้ใสเข้าไว้ ปัดแก้มสีชมพูอมส้ม ปากสีอ่อนๆ และแต่งตานิดๆ พอให้เปลือกตาดูมีมิติ ใช้อายไลเนอร์แบบเจลเขียนขอบตาให้ตาดูกลมโต ชัดขึ้น ลุคนี้ถ่ายรูปสวย ใครแต่งก็รอดชัวร์!
จำไว้ให้มั่นว่า ภาพถ่ายเจ้าสาวในวันแต่งงาน จะอยู่คู่กับเธอไปตลอดกาล เหมือนวันรับปริญญาที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก ดังนั้นควรเลือกลุคเมคอัพที่เธอแฮปปี้ที่สุดนะคะ ^^
ปล. แต่ถ้าอยากได้ลุคเจ้าสาวคลาสสิกๆ ที่เขานิยมแต่งกัน สวยทุกกาลเวลา ทำผิวให้ใสเข้าไว้ ปัดแก้มสีชมพูอมส้ม ปากสีอ่อนๆ และแต่งตานิดๆ พอให้เปลือกตาดูมีมิติ ใช้อายไลเนอร์แบบเจลเขียนขอบตาให้ตาดูกลมโต ชัดขึ้น ลุคนี้ถ่ายรูปสวย ใครแต่งก็รอดชัวร์!
3. เครื่องสำอางทุกขิ้นที่ใช้ ควรต้อง 'ติดทน'
แม้งานแต่งจะจัดในห้องแอร์ ไม่ใช่สวนกลางแจ้งร้อนๆ เหงื่อชุ่ม แต่เชื่อเถอะว่า เธอได้วิ่งวุ่นทั้งวันแน่ ทั้งเชิญแขก พูดบนเวที เต้นในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เซลฟี่กับเพื่อนๆ ดื่มฉลอง etc. ถ้าแต่งบางไปตั้งแต่แรก มีสิทธิ์หลุดตั้งแต่ครึ่งงานเช้า ดังนั้นแนะนำว่าให้ใช้ทุกขั้นตอนของเมคอัพแบบ ' ติดทน ' จะดีที่สุด เธอคงไม่อยากสวยเป๊ะตอนเช้า แต่เยินเป็นซากตอนภาพสุดท้ายก่อนเลิกงานหรอกใช่ไหมคะซิส??
แน่นอนว่าต้องใช้ไพรเมอร์! แต่อย่าลืมทาบนส่วนเปลือกตาและริมฝีปากด้วย จะได้ติดทนทั้งหน้า แล้วค่อยลงรองพื้น โดยอย่าโปะทับหนาๆ เร็วๆ มันจะเป็นปื้นไม่สวย ให้ทาชั้นบางๆ แล้วค่อยๆ เกลี่ยทับกันหลายชั้น ผิวจะดูสวยกว่า ตามด้วยบลัชออน ไฮไลท์ แป้งฝุ่นและลิปสติก ( แนะนำให้ใช้ลิปไลเนอร์ระบายให้ทั่วปากก่อน ค่อยลงลิปครีม ถ้าเนื้อครีมหลุด ก็ยังเหลือสีจางๆ อยู่ ) เท่านี้ก็สวยเป๊ะได้ตั้งแต่เช้ายันดึกแล้วค่าา
แน่นอนว่าต้องใช้ไพรเมอร์! แต่อย่าลืมทาบนส่วนเปลือกตาและริมฝีปากด้วย จะได้ติดทนทั้งหน้า แล้วค่อยลงรองพื้น โดยอย่าโปะทับหนาๆ เร็วๆ มันจะเป็นปื้นไม่สวย ให้ทาชั้นบางๆ แล้วค่อยๆ เกลี่ยทับกันหลายชั้น ผิวจะดูสวยกว่า ตามด้วยบลัชออน ไฮไลท์ แป้งฝุ่นและลิปสติก ( แนะนำให้ใช้ลิปไลเนอร์ระบายให้ทั่วปากก่อน ค่อยลงลิปครีม ถ้าเนื้อครีมหลุด ก็ยังเหลือสีจางๆ อยู่ ) เท่านี้ก็สวยเป๊ะได้ตั้งแต่เช้ายันดึกแล้วค่าา
4. ใช้คอนซีลเลอร์เนื้อครีม เก็บสิวให้เนียนกริ๊บ!
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดความงาม)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe