8 วิธี ช่วยให้ 'นอนหลับสบาย' อย่างไม่น่าเชื่อ

"การตั้งเวลาตื่นให้ตื่นเป็นเวลาเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการนอนดีขึ้น" นี่คือผลการวิจัยจากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในแคลิฟลอเนียร์ 

การตื่นนอน "เวลาเดิม" ในทุกๆ วัน จะเป็นเหมือนการฝึกตัวเอง ที่ช่วยส่งผลให้เราเข้านอนเป็น "เวลาเดิม" เช่นเดียวกันในทุกๆ คืน

ร่างการของเราจะเริ่มปล่อยฮอร์โมนการนอน หากเราฝึกตัวเองให้สามารถนอนตรงเวลา เราจะรู้สึกเหนื่อยล้า จนอยากเข้านอน ซึ่งนี่เรียกว่าเป็น การตั้งค่านาฬิกาชีวิตของร่างกาย และเวลาชีวิตอื่นๆ ของสาวๆ ก็จะถูกหมุนให้เป็นไปตามสิ่งที่ถูกต้อง

#เห็นมะ การนอนเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นมานอนกันเถอะ นอนเลยตอนนี้ ฮ่าๆ ไม่ใช่ละ แหะๆ

"คนเราจะมีประสิทธิภาพการนอนที่ดีขึ้นและจะรู้สึกกระตือรือร้นตลอดวัน หากเราออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ --> หรืออย่างน้อยก็มากกว่า 20 นาทีต่อวัน"

มีงานวิจัยบอกไว้ว่าจากตัวอย่างของผู้คน ชายกว่า 2,600 คน และหญิงอายุราวๆ 18-85 ปี ที่มีการออกกำลังกายเป็นเวลาอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนของพวกเขามากขึ้นถึง 65 เปอร์เซ็นต์ (เยอะมากนะ เกินครึ่งแหนะ) และพวกเขายังบอกอีกว่า พวกเขาไม่ค่อยรู้สึกง่วงระหว่างวันเลย 

การที่เราไม่รู้สึกง่วงหงาวก็เพราะว่า เมื่อเราออกกำลังกาย ร่างกายมันจะหลั่งสารที่ชื่อว่าอะดรีนาลีน ซึ่งเจ้าตัวนี้สามารถไปแทรกแซงความรู้สึกอยากนอนหลับ (ก็คือไปสู้รบตบมือความง่วงแทนเรานั่นแหละ) 

ซึ่งช่วงเวลาการออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือ ตอนเช้า หรือ ก่อนบ่าย แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าการออกกำลังกาย สาวๆ สามารถทำมันได้ตลอดเวลา เอาที่สะดวกเลยค่า

เมื่อเราจะนอน ของกิน/ดื่ม อย่างพวกกาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม หรือช็อกโกแลต คุณน้องอยากให้คุณพี่ Stop ไว้ก่อนค่ะ หรืออย่างน้อยก็ 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน 

เพราะข้อแนะนำจากการวิจัยพบว่า เมื่อเราดื่มกาเฟอีนเข้าไปก่อนนอน มันจะเป็นการลดทอนช่วงเวลาการนอนของเราลงไป ประสิทธิภาพการนอนไม่เต็มที่ และที่สำคัญนอกจากจะไม่ช่วยให้หลับสบายแล้ว มันยังจะไปกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตลอดคืน เสียเวลานอนไปมากกว่า 1 ชั่วโมง โอโน่ เอาเวลานอนของช้านนน คืนน มาาา

นี่แหละมั้ง ถึงว่าเวลาที่ต้องปั่นงานส่ง หรือ อ่านหนังสือสอบ เขาถึงกินพวกกาเฟอีนเข้าไปเยอะๆ จะได้ตื่นตาแตกตลอดคืน ฮ่าๆ

เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งจะมีผลการวิจัยเปิดเผยว่า การที่คนเรา "นั่งสมาธิจะช่วยให้เราสามารถได้ดียิ่งขึ้น"

คลินิคแห่งหนึ่งที่มีคนเข้ารับการรักษาที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ที่ต้องการอยากจะรู้วิธีการนอนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้พวกเขาได้หรือไม่ โดยพวกเขาจะต้องใช้เวลาในการฝึกสมาธิเป็นเวลา 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มากกว่าการทำงานบ้านเสียอีก!

หลังจากนั้นแค่หนึ่งปี กลุ่มที่ถูกประเมินด้วยการฝึกสมาธิ รับรู้ได้ถึงประสิทธิภาพในการนอนหลับที่ดีขึ้น หมดปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ ความเครียดและความเหนื่อยลดลง

เอาเป็นว่า สาวๆ ต้องลองตั้งใจนั่งสมาธิ หลังจากเลิกงาน การนั่งสมาธิก็เปรียบเหมือนการชาร์จแบตให้กับร่างกาย หลังจากที่ต้องเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันแล้ว

โดยปกติแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการหยุดกินทุกสิ่งทุกอย่างคือ 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะนั่นเป็นเวลาที่อาหารของเรากำลังถูกลำเลียงเพื่อไปย่อย อย่าฝืน ไม่เอานะตัวเธอ

ถ้าสาวๆ นอนไปทั้งๆ ที่ร่างกายอุดมไปด้วยอาหารเต็มท้อง อารมณ์แบบว่า กินจิ๊บจั๊บจัดเต็มตอนกลางคืน กินเสร็จ ไม่มีอะไรทำ ก็นอนเลย ไม่ได้ ไม่ได้ เพราะนอกจากจะอืดเป็นหมูตอนแล้ว โรคกรดไหลย้อน น่ะรู้จักไหม มันจะถามหาเอานะคะ 

คราวนี้ล่ะ ไม่ต้องหลับต้องนอนแล้วค่า 

แหม มันช่างเข้ายุคเข้าสมัยเสียจริงๆ เพราะสาวๆ สมัยนี้มักจะนอนหลับไปพร้อมกับมือถือ แลบทอป แสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์หรือจากโทรศัพท์มือถือ มันจะไปปิดกั้นการนอนหลับสบายของสาวๆ ได้ 

เพราะเจ้าพวกเครื่องมือเทคโนโลยีแบบนี้ มันจะมีผลต่อสารเคมีในสมองของเรา ที่เราอาจไม่มองเห็นได้ด้วยตา

มีงานวิจัยบอกว่า (มาอีกล่ะ ฮ่าๆ) เพียงแค่เราจ้องมองที่หน้าจอไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จะทำให้สารเคมีตัวหนึ่งในร่างการที่ชื่อว่า Melatonin ถูกกดไว้ ซึ่งสารเคมีตัวนี้แหละที่ช่วยทำให้เรารู้สึกง่วงนอน และเมื่อไหร่ที่พวกมันถูกห้ามไม่ให้ทำงาน นั่นก็แสดงว่าสาวๆ ก็จะรู้สึกนอนไม่หลับนั่นแหละค่า

ดังนั้น เมื่อมันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ที่เราจะต้องทำงานหน้าจอคอม ทางแก้ไขคือการใส่แว่นตาที่ช่วยกรองแสงเหล่านี้ หาซื้อได้ทั่วไปมากๆ และในทางกลับกัน เมื่อจะนอนหลับควรปิดไฟ/แสงสว่างเหล่านี้ให้หมด หรืออย่างน้อยก็ 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน