สำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาผิวมีสิ่งกวนใจ โดยเฉพาะ 'สิว' ตัวร้าย ทำให้ขาดความมั่นใจสุดๆ หลายคนหันไปพึ่งสกินแคร์/ คลีนซิ่งที่มีส่วนผสมของ 'กรด AHA/BHA' แต่มันคืออะไรล่ะ? อย่าเพิ่งใช้มั่วซั่วนาจา มาอ่านบทความนี้ก่อน #ระวังหน้าแหกเด้อ

เลือกอ่านตามหัวข้อ
รู้ก่อนอ่าน : กรดเหล่านี้ เป็นสารผลัดเซลล์ผิวชนิดสารเคมี (Chemical) หรือชนิดธรรมชาติ (Physical)???
♡ กรด AHA คืออะไร? ♡
ใช้แล้วจะได้ผลลัพธ์ยังไง? ♡
แล้วจะหาผลิตภัณฑ์ที่มี 'กรด AHA' ได้ที่ไหน อ่านฉลากยังไง? ♡
♡ กรด BHA คืออะไร? ♡
Salicylic Acid คืออะไร? ♡
♡ เราจะใช้ 'กรด AHA/BHA' ยังไง ให้หน้าไม่พัง? ♡
ขั้นตอนดูแลผิวที่ถูกต้อง ให้ซิสทำตามนี้!
♡ สรุปกันเลยดีกว่า : ควรใช้ ควรไปตำมั้ย? ♡
เซย์ฮัลโหลสาวๆ SistaCafe ทุกคนค่า! (๑˃ᴗ˂)ﻭ
ซิสๆ ส่วนใหญ่ที่อ่านอยู่ เราเชื่อว่ายังอายุน้อยกันอยู่เนอะ วัยเรียนบ้าง เพิ่งจบบ้าง น่าจะเจอปัญหาผิวกวนใจคล้ายกันหมด นั่นคือ ' สิว ' มาทีหงุดหงิดไปหลายวัน มีตุ่มแดงๆ นูนๆ บนหน้า ใครจะปลื้ม ;_; แพ้อากาศ แพ้รีมูฟเวอร์ ประจำเดือนมา etc. สารพัดเหตุผลที่สิวมาขึ้นรัวๆ บนหน้า ประเด็นคือ... มาแล้วไม่ยอมไปค่าา #คนหน้าปรุ2019 ไม่ได้ดิ! ต้องหาไอเทมขจัดสิวออกไปให้ได้!
ถ้าเธอกำลังหาข้อมูลสกินแคร์กำจัดสิว สาวซิสน่าจะเคยได้ยินคำว่า ' กรด AHA/ BHA ' มาบ้าง เขาฮิตมากๆ ในฝั่งตะวันตก เพราะทำให้สิวแห้ง หลุดไปได้อย่างง่ายดาย ปัจจุบันในประเทศเกาหลี-ญี่ปุ่น ก็มีสกินแคร์ / คลีนเซอร์ที่ผสมกรดเหล่านี้ลงไปด้วย แต่ๆๆ! เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งซื้อ! มันไม่ได้มีแต่ข้อดี ผลข้างเคียงก็มีเด้อ วันนี้เราจึงรวบรวมข้อมูล ตอบคำถามสาวซิส บอกกันแบบหมดเปลือกเลยว่า มันคืออะไร? มีหลักการทำงานยังไง? ทำให้หน้าพังกว่าเดิมมั้ย? ( เพราะมันก็เป็นกรดอะนะ ) ไปค่ะ ไปอ่านกัน >///<b!
รู้ก่อนอ่าน : กรดเหล่านี้ เป็นสารผลัดเซลล์ผิวชนิดสารเคมี (Chemical) หรือชนิดธรรมชาติ (Physical)???
Warning!! : ใครยึดมั่นในความออร์แกนิก ต้องใช้ของธรรมชาติไม่ปรุงแต่งกับผิวเท่านั้น หรือผิวแพ้ง่ายขั้นสุด อาจต้องคิดดีๆ ก่อนจะใช้กรด AHA / BHA นะคะซิส เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นสารเคมีผลัดเซลล์ผิว ( Chemical Exfoliants ) ทั้งสิ้น!
ใครที่งงอยู่ คือทั้งสองอย่างนี้ต่างกันตรงกระบวนการผลัดเซลล์ผิวค่ะ ผลัดเซลล์ผิวแบบธรรมชาติ ( Physical Exfoliating ) คือการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ' เฉพาะผิวชั้นนอก ' ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น เมล็ดต่างๆ กากกาแฟ น้ำตาล etc. ทำให้เกิดแรงเสียดสีขึ้น อาจทำให้ผิวแพ้ง่ายระคายเคืองได้ แต่จะไม่เอฟเฟกต์ถึงผิวชั้นในค่ะ
ส่วนการผลัดเซลล์ผิวแบบสารเคมี จะมีกระบวนการทำงานจาก ' ชั้นใต้ผิว ' ซึ่งอยู่ชั้นล่างลึกกว่าชั้นนอก ทำให้ขจัดเซลล์ผิวเก่าได้จากต้นตอมากกว่านั่นเอง แต่ข้อเสียคือ ถ้าผิวแพ้กรดเหล่านี้ หรือใช้ไม่ถูกต้อง หน้าก็พังได้รุนแรงกว่า ซ่อมผิวนานกว่าแบบ Physical เช่นกันเด้อ เพราะมันเคืองจากชั้นในเลยจ่ะ ;__;
ถ้าเข้าใจเบื้องต้นแล้ว เราไปทำความเข้าใจกรดทีละตัวกันต่อเลย Let's Go!
ใครที่งงอยู่ คือทั้งสองอย่างนี้ต่างกันตรงกระบวนการผลัดเซลล์ผิวค่ะ ผลัดเซลล์ผิวแบบธรรมชาติ ( Physical Exfoliating ) คือการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ' เฉพาะผิวชั้นนอก ' ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น เมล็ดต่างๆ กากกาแฟ น้ำตาล etc. ทำให้เกิดแรงเสียดสีขึ้น อาจทำให้ผิวแพ้ง่ายระคายเคืองได้ แต่จะไม่เอฟเฟกต์ถึงผิวชั้นในค่ะ
ส่วนการผลัดเซลล์ผิวแบบสารเคมี จะมีกระบวนการทำงานจาก ' ชั้นใต้ผิว ' ซึ่งอยู่ชั้นล่างลึกกว่าชั้นนอก ทำให้ขจัดเซลล์ผิวเก่าได้จากต้นตอมากกว่านั่นเอง แต่ข้อเสียคือ ถ้าผิวแพ้กรดเหล่านี้ หรือใช้ไม่ถูกต้อง หน้าก็พังได้รุนแรงกว่า ซ่อมผิวนานกว่าแบบ Physical เช่นกันเด้อ เพราะมันเคืองจากชั้นในเลยจ่ะ ;__;
ถ้าเข้าใจเบื้องต้นแล้ว เราไปทำความเข้าใจกรดทีละตัวกันต่อเลย Let's Go!
♡ กรด AHA คืออะไร? ♡
กรด AHA มีชื่อเต็มว่า ' Alpha Hydroxy Acid ' ค่ะ ( บางคนเรียกว่ากรดผลไม้ เพราะสกัดได้จากผลไม้ธรรมชาติ ) เป็นสารเคมีผลัดเซลล์ผิวชนิดละลายได้ในน้ำ ซึ่งจะช่วยรักษาความหมองคล้ำ แห้งกร้าน หรือจุดด่างดำบนผิวได้ พูดง่ายๆ คือ AHA จะช่วยละลายพวกเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วจับตัวกันเป็นกลุ่มๆ ทำให้อุดตันผิว จึงทำให้เซลล์ผิวใหม่ไม่ถูกรบกวน ทำงานบนผิวชั้นนอกได้ตามปกติ จึงทำให้ผิวของสาวๆ ดูกระจ่างใสขึ้นค่ะ
กรด AHA ยังมีสาร humectant หรือสารเพิ่มความชุ่มชื้น จับน้ำบนผิวไว้ไม่ให้ระเหยไปง่ายๆ จึงควรใช้เมื่อผิวดูหมอง หรือมีปัญหาสิวตามปริมาณที่กำหนด แต่เราแนะนำว่า ถ้าใช้กรด AHA ครบเวลาที่กำหนด ผิวใสขึ้นแล้ว ควรสลับไปใช้สกินแคร์ทั่วไปนะคะ เพื่อไม่ให้ผิวอ่อนบางเกินไป ขึ้นชื่อว่าผลัดเซลล์ผิว ผิวจะอ่อนแอลงอยู่ดี แม้จะใสขึ้นก็ตามเนอะ ^^ )
กรด AHA ยังมีสาร humectant หรือสารเพิ่มความชุ่มชื้น จับน้ำบนผิวไว้ไม่ให้ระเหยไปง่ายๆ จึงควรใช้เมื่อผิวดูหมอง หรือมีปัญหาสิวตามปริมาณที่กำหนด แต่เราแนะนำว่า ถ้าใช้กรด AHA ครบเวลาที่กำหนด ผิวใสขึ้นแล้ว ควรสลับไปใช้สกินแคร์ทั่วไปนะคะ เพื่อไม่ให้ผิวอ่อนบางเกินไป ขึ้นชื่อว่าผลัดเซลล์ผิว ผิวจะอ่อนแอลงอยู่ดี แม้จะใสขึ้นก็ตามเนอะ ^^ )
ใช้แล้วจะได้ผลลัพธ์ยังไง? ♡
ก็อย่างที่บอกไปเนอะว่า กระบวนการทำงานของเขาคือ ' กำจัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ ' จึงทำให้ผิวหน้าของเธอกระจ่างใส เรียบเนียน ไบรท์ขึ้น ลดความหมองคล้ำ ทำให้ชั้นผิว epidermis หรือชั้นผิวหนังกำพร้าหนาขึ้น และยังกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนบนผิวอีกด้วย
ถ้าสาวซิสอยากให้ผิวดูฟู อิ่มน้ำ ไม่มีริ้วรอยก่อนวัย เธอต้องระวังอย่าให้ผิวขาด ' คอลลาเจน ' เด็ดขาด โดยกินอาหารที่ช่วยสร้างคอลลาเจน เช่น ไข่ ปลา หรือจะกินวิตามินเสริมด้วยก็ได้ เราแนะนำเป็นวิตามินซี และอย่าปาร์ตี้ ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวเหี่ยวนะคะ!
ถ้าสาวซิสอยากให้ผิวดูฟู อิ่มน้ำ ไม่มีริ้วรอยก่อนวัย เธอต้องระวังอย่าให้ผิวขาด ' คอลลาเจน ' เด็ดขาด โดยกินอาหารที่ช่วยสร้างคอลลาเจน เช่น ไข่ ปลา หรือจะกินวิตามินเสริมด้วยก็ได้ เราแนะนำเป็นวิตามินซี และอย่าปาร์ตี้ ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวเหี่ยวนะคะ!
แล้วจะหาผลิตภัณฑ์ที่มี 'กรด AHA' ได้ที่ไหน อ่านฉลากยังไง? ♡
อ่านมาถึงตรงนี้ เธอก็อยากลองใช้โปรดักส์ที่ผสมกรด AHA แล้วใช่ไหมเอ่ย? ต้องบอกไว้ตรงนี้ว่า การอ่านชื่อส่วนผสมบนฉลากสกินแคร์ / คลีนซิ่ง หลายแบรนด์ก็ไม่ได้เขียนว่า AHA ตรงๆ เด้อ แต่จะใช้ชื่ออื่นแทน เพราะกรดนี้มีหลายชนิด แตกไลน์ไปหลายคุณสมบัติ ซึ่งจะมีหลักๆ ที่ใช้กันทั่วไป ดังนี้ จำชื่อไว้ อ่านฉลากครั้งหน้าจะได้รู้เนอะ ^^
Glycolic Acid > เป็นกรด AHA ที่ใช้กันแพร่หลายทั่วไปมากที่สุด เพราะมีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ทำงานได้ดี แต่ก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายเช่นกัน ถ้าใช้มากเกินไป! แนะนำให้สาวๆ เริ่มใช้จากปริมาณน้อยๆ ( -10% ) และใช้ทุก 3 วัน อย่าใช้ถี่กว่านั้น เดี๋ยวหน้าพังนะจ๊ะ
Glycolic Acid > เป็นกรด AHA ที่ใช้กันแพร่หลายทั่วไปมากที่สุด เพราะมีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ทำงานได้ดี แต่ก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายเช่นกัน ถ้าใช้มากเกินไป! แนะนำให้สาวๆ เริ่มใช้จากปริมาณน้อยๆ ( -10% ) และใช้ทุก 3 วัน อย่าใช้ถี่กว่านั้น เดี๋ยวหน้าพังนะจ๊ะ
Lactic Acid > ตัวนี้ก็ฮิต นิยมรองลงมาจากตัวข้างบนเลย! กรดนี้ได้มาจากนม ช่วยลดรอยแดงบนผิวได้ดี ใครเป็นโรคผิวหนังอักเสบ หน้าแดง ( rosecea ) หรือผิวแพ้ง่าย จะเหมาะกับกรดชนิดนี้มากที่สุด มีโมเลกุลใหญ่กว่า Glycolic แต่เล็กกว่า Mandelic ค่ะ
Mandelic Acid > กรดนี้สาวไทยอาจไม่ค่อยคุ้นหู แต่ฝั่งตะวันตกเขานิยมกันพอสมควรเลย เหมาะกับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย เพราะกรดนี้มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียและเชื้อจุลินทรีย์ แม้ว่าขนาดโมเลกุลจะใหญ่ที่สุดในกรดทั้งหมด 3 ตัว เห็นผลช้าที่สุด แต่ก็ระคายเคืองน้อยสุดเช่นกัน
♡ กรด BHA คืออะไร? ♡
มาถึงตัวที่สองกันบ้าง! BHA ย่อมาจาก Beta Hydroxy Acid เป็นสารเคมีผลัดเซลล์ผิวที่โด่งดังจากคุณสมบัติ ' รักษาสิว ' โดยเฉพาะ เพราะได้ผลที่สุดกับผิวมัน หรือผิวที่เป็นสิวง่าย เนื่องจาก BHA ละลายในน้ำมันได้ จึงละลายไขมันใต้ผิวได้นั่นเอง!
BHA ต่างกับกรด AHA ตรงที่สังเคราะห์ขี้นมาตรงๆ เลย แต่ AHA จะสกัดจากธรรมชาติ ข้อดีคือทนต่อความร้อนกว่า ไม่เสื่อมง่าย แต่หากใช้มากไป ก็ทำให้ผิวบาง ไวต่อแสง ภูมิต้านทานผิวต่ำลง ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นค่ะ
หลักการทำงานของ BHA คือ จะแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขนอย่างล้ำลึก และกำจัดสิ่งสกปรกที่สะสมในรูขุมขน ให้หมดจด ชื่อเรียกกรด BHA ที่เราคุ้นหู และใช้กันแพร่หลายมากที่สุดคือ Salicylic Acid หรือกรดซาลิไซลิกนั่นเองค่า ^____^
BHA ต่างกับกรด AHA ตรงที่สังเคราะห์ขี้นมาตรงๆ เลย แต่ AHA จะสกัดจากธรรมชาติ ข้อดีคือทนต่อความร้อนกว่า ไม่เสื่อมง่าย แต่หากใช้มากไป ก็ทำให้ผิวบาง ไวต่อแสง ภูมิต้านทานผิวต่ำลง ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นค่ะ
หลักการทำงานของ BHA คือ จะแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขนอย่างล้ำลึก และกำจัดสิ่งสกปรกที่สะสมในรูขุมขน ให้หมดจด ชื่อเรียกกรด BHA ที่เราคุ้นหู และใช้กันแพร่หลายมากที่สุดคือ Salicylic Acid หรือกรดซาลิไซลิกนั่นเองค่า ^____^
Salicylic Acid คืออะไร? ♡
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดความงาม)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe