รีวิวท่องเที่ยว ญี่ปุ่น Japan Can Go!!!!!
PAGE 2/2

สถานที่แรกวัดอาซากุสะเดินทางมาง่ายถ้าใครใช้บริการรถไฟฟ้าสาย yamanote line ก็นั่งมาลงสถานีอุเอะโนะ จากนั้นนั่งรถไฟใต้ดินสาย ginza มา 3 สถานีแล้วเดินต่อมาอีกหน่อยก็ถึง พอเห็นโคมแดงๆ นี่ใช่เลย

วัดที่นี่เมื่อเรามาถึงก็จะต้องล้างมือ ล้างปากก่อนเข้าวัดค่ะ ใช้กระบวยที่วางอยู่รองน้ำจากปากมังกรได้เลยค่ะ

จากนั้นเราก็เดินไปซื้อธูปเพื่อจุดไหว้ขอพร

เดินเข้ามาด้านไหน ตรงนี้จะเป็นการไหว้ขอพรแบบไม่ใช้ธูปนะค่ะ ก่อนอื่นต้องโยนเหรียญลงในตะแกงไม้ที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นปรบมือ 2 ที แล้วคำนับ ละก็พนมมือขอพรตามปกติ จากนั้นคำนับอีกครั้งเป็นอันเสร็จ วิธีที่กล่าวมานั้นคือยืนสังเกตดูว่าเขาทำยังไงกัน 55

มาต่อกันอีกที่ เป็นศาลเจ้าเมจิ เดินมาได้จากฮาราจุกุ แต่ระยะทางที่เดินเข้าไปข้างในกว่าจะถึงศาลเจ้าเล่นเอาปวดขาจนเดินไม่ไหวเหมือนกันค่ะ 555

เดินเข้ามาถึงภายในศาลเจ้าก็ล้างมือ ล้างปาก ก่อนเข้าไปข้างใน บรรยากาศสงบร่มเย็นมากค่ะ ถึงแม้ว่าคนจะเดินทางกันเข้ามาสักการะกันเยอะมากก็ตาม

กลับมาช้อปปิ้งกันต่อที่ชิบูย่าค่ะ คนเป็นล้านนนนนนนนนนนน รีบเดินแบบไม่สนใจใคร แต่แปลกไม่มีใครเคยเดินชนกันเลย อันนี้เรื่องจริง 555

เดินจนขาลากมาเจอร้านนี้เข้าหมูย่างงงงง กลิ่นหอมลอยออกมา ก็อย่ารอช้าที่จะเดินเข้าไป หมูย่างราดด้วยซอสญี่ปุ่นโรยด้วยพริกผง หืมมมม รสชาติดีเกินคาดดดด

คืนนี้ต้องออกเดินทางไปพักแถวสนามบินค่ะ เพราะวันต่อไปมีไฟล์ทบินกลับกรุงเทพฯ แต่เช้า เมื่อเริ่มออกมานอกชานเมืองก็จะเริ่มเห็นภาพความเป็นเมืองเก่าญี่ปุ่นแล้วค่ะ

กราบสักการะขอพรกันที่วัดนาริตะซังกันค่ะ ผู้คนพากันมาเที่ยวเยอะมากเหมือนกันค่ะ ภายในวัดบ่งบอกความเป็นเมืองเก่าของญี่ปุ่นมากจริงๆ ค่ะ

ถนนด้านหน้าวัดนาริตะซังมีร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหารเป็นจำนวนมาก หลงรักเมืองนี้ซะแล้วสิ

บรรยากาศในเมือง นอกเมือง และชานเมืองของที่ญี่ปุ่นนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน แต่ก็ชอบทุกๆ เมืองของที่นี่จริงๆ รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกค่ะ เพราะผู้คนที่นี่ก็น่ารักมาก

ขอปิดท้ายด้วยภาพนี้ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและให้กำลังใจ จบทริปนี้ด้วยความสุขเต็มร้อย เจอกันใหม่ทริปหน้า อย่าลืมติดตามกันนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
บ๊าย บายยยย