การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ศึกษาข้อมูลภาพรวมของประเทศ มองหาสิ่งที่สนใจ วางแผนการท่องเที่ยว เตรียมเงินในกระเป๋าให้พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย คิดจะเที่ยวไม่ต้องคิดเยอะ ไปกันเลยค่าาาาาาาาาาาาาาา

ก่อนออกเดินทางต้องทำการวางแผนการท่องเที่ยวซะก่อน จะไปเมืองไหน เดินทางยังไง ใช้เงินเท่าไหร่ ประเด็นสำคัญของการไปเที่ยวที่เชื่อว่าทุกคนจะต้องวางแผนก่อนออกเดินทางแน่นอน
ทริปนี้วางแผนล่วงหน้าเป็นปีค่ะ ขอย้ำนะคะ เป็นปีค่ะ! โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ พอเวลาอยากไปก็ต้องเต็มที่กันหน่อย หาข้อมูลอย่างแรกเลยก็คืออยากไปที่ไหน คำตอบคืออยากไปดูภูเขาไฟฟูจิค่ะ เมนหลักของเราคือภูเขาไฟฟูจิค่ะ ที่เหลือเราก็ตกลงกับเพื่อนว่าช้อปปิ้งละกัน วางแผนสถานที่เสร็จ เราก็วางแผนการเดินทาง
โดยการเดินทางในทริปนี้ใช้บริการร บริการรถไฟฟ้าสาย Yamanote Line ถไฟฟ้าสาย Yamanote Line แทบทั้งทริปเลยค่ะ สะดวกสบายสุดๆ จากนั้นเราก็หาที่พักแถวรอบๆ Line ของรถไฟฟ้าเพื่อจะได้สะดวกต่อการเดินทางของเรา ( เพราะว่าเราช้อปปิ้งหนักมากไม่ต้องหอบกลับที่พักไกลๆ 5555 ) จากนั้นคำนวณค่ากิน ค่ารถ ค่าที่พัก ค่าช้อปปิ้ง เบ็ดเสร็จเราแลกเงินไป 30,000 เยน !!! พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ

ไฟล์ทนี้เราเดินทางตอนเที่ยงคืน ไปถึงก็เกือบแปดโมงเช้า แนะนำให้เพื่อน ๆ ไปถึงก่อนเวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมงค่ะ เพราะจะได้มีเวลาเตรียมตัว เคลียร์กระเป๋าอีกรอบว่าจะเอาอะไรโหลดใต้เครื่อง จะเอาอะไรถือขึ้นเครื่อง

หน้าตาของเครื่องบินการบินไทยก็จะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ในหน้าจอก็จะมีดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ตามแต่สะดวก แถมบนเครื่องยังมีหมอน ผ้าห่ม ช่องเสียบ USB ช่องเสียบปลั๊ก แล้วถ้าใครรู้สึกว่าภายในห้องโดยสารสว่างเกินไปก็สามารถขอผ้าปิดตาได้ค่ะ
เมื่อเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว เราก็มาซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองกันดีกว่า โดยในทริปนี้เราซื้อตั๋ว Narita Express หรือ (NEX) เข้าเมืองได้โดยใช้เวลาประมาณ 1.30 ช.ม. ต่อเดียวถึงชินจูกุเลยค่ะ เพราะว่าเราจะต้องไปขึ้นรถบัสเพื่อไปเมืองคาวางุจิโกะกันต่อค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาต่อรถไฟหลายต่อเราจึงเลือกใช้บริการนี้ค่ะ แต่ค่าใช้จ่ายก็จะสูงนิดนึงค่ะ

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบางคนก็จะงง บางคนก็จะกลัวว่าจะหลงรึป่าว แต่สติเท่านั้นค่ะซิสที่จะทำให้เราไม่หลง พยายามดูป้ายบอกทางอย่างละเอียด ย้ำนะคะว่าละเอียด แต่ดูไม่ยากค่ะ เข้าใจง่าย เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ก็จะขึ้นรถไฟได้ถูกต้องค่ะ

มาถึงสถานีรถบัสที่ชินจูกุเรียบร้อยแล้ว เราก็มานั่งรอรถบัสภายในสถานีกันค่ะ เนื่องจากช่วงที่ไปอากาศเย็นบวกกับมีลมแรงทำให้ไม่กล้าลุกออกข้างนอกเลยค่ะ 555

เดินทางมาถึงสถานีคาวางุจิโกะแล้ว เราก็ไปซื้อตั๋วเดินทางรอบๆ ทะเลสาบกันค่ะ โดยเราสามารถเหมาแบบ 2 วันไปเลยค่ะคุ้ม เหมาะสำหรับคนที่เดินทางเที่ยวหลายๆ รอบ เพียงแค่โชว์ตั๋วนี้แทนค่าโดยสารก็เรียบร้อยค่ะ

ตามพยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีเมฆ เราก็ทำใจมาละว่ายังไงวันนี้ไม่ได้เห็นลุงฟูจิซังเเน่นอน แต่สวรรค์ก็ไม่ได้กลั่นแกล้งเราจนเกินไป ภาพด้านหน้าสวยงามมากราวกับอยู่บนสวรรค์เลย ฟินสุดๆ

อุโมงค์เมเปิ้ลนี้เป็นแลนด์มาร์คที่คนพากันมาถ่ายรูปเยอะมาก ผู้คนเบียดเสียดมาก โดยส่วนตัวแล้วช่วงที่ไปใบไม้เริ่มล่วงผิดหวังจากที่คาดการณ์เอาไว้พอสมควร

มาถึงที่พักก็ช่วงเย็นๆ แล้ว หากใครต้องการมาพักที่ Guesthouse Sakuya เมื่อเดินทางมาถึงที่สถานี 22 ให้เข้าไปที่ร้านขายของที่ระลึกแล้วให้เจ้าหน้าที่ภายในร้านโทรหาที่พักให้มารับเราได้ค่ะ

ห้องพักจะเป็นแบบ Japanese Style นอนบนเสื่อ โดยมีที่นอนอยู่ในตู้ให้เราปูเองค่ะ เเต่จะมีคู่มือบอกอย่างละเอียดไม่ต้องห่วงค่ะ

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีออนเซ็นแบบส่วนตัวให้เราได้เลือกเวลาลงไปแช่ได้ด้วยค่ะ โดยจะให้เวลาห้องละ 40 นาที

ภายในห้องอาหารอุ่นที่สุด ชอบมากค่ะ

เซ็ตอาหารเย็นที่เราจองไว้คือหมูค่ะ อาหารที่นี่จะเป็นรสชาติแบบบ้านๆ ที่อร่อยมากก

ห้องพักทุกห้องจะสามารถเห็นวิวฟูจิได้ โดยเฉพาะวันนี้ตื่นเช้ามาด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวถึง -4 แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการออกไปถ่ายรูปค่ะ

เช้านี้ท้องฟ้าสว่างมาก แดดร้อนมากค่ะแต่ดีที่อากาศหนาว ดีใจมากที่ลุงฟูจิซังมาทักทายก่อนกลับค่ะ

ได้เวลากลับเข้าเมืองแล้วค่ะ ใช้บริการรถบัสกลับไปที่ชินจูกุแบบเดิมค่ะต่อเดียวถึง เพราะคืนที่ 2 จองที่พักแถวชินโอคุโบะไว้ค่ะ ห่างจากสถานีชินจูกุเพียงสถานีเดียว

มาถึงชินจูกุเวลาประมาณ 4 โมงเย็น แต่คือท้องฟ้ามึดแล้ว ผู้คนที่นี่ก็ยังคงเดิน เดิน และเดินกันอย่างไม่มีใครสนใจใคร ร้านค้าที่นี่เยอะมาก ถ้าเดินจริงๆ วันนึงไม่รู้จะเดินทั่วรึเปล่าค่ะ

เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน 555 ฟ้าเริ่มสางเป็นสัญญาณในการออกเดินทางกันต่อค่ะ

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดท่องเที่ยว/คาเฟ่)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe