เป็นคนขี้เขิน ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก พูดไม่เก่ง จนใครๆ ก็ตั้งฉายาให้ว่า '#สาวจืดจาง2018' โห เจ็บอะ พูดน้อยก็มีหัวใจนะ T^T ใครมีบุคลิกแบบนี้ มาเก็บแคปชั่นภาษาอังกฤษโดนๆ บ่งบอกตัวตนสาวขี้อายกันเถอะ #บางทีก็ตรงป๊ายย

Hello Shy Girls ทุกคนใน SistaCafe นะคะ (*¯ ³¯*)♡
#เกิดมาก็ขี้อายแล้ว ให้ทำไงได้ ก็ไม่ชอบคุยกับคนเยอะๆ นี่นา ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่กล้าสบตาใคร เลยเป็นคนเพื่อนน้อยจนถึงทุกวันนี้ แง TT^TT ไหนใครเป็นอย่างที่ว่ามาทั้งหมดยกมือขึ้น!
ในฐานะที่เราเองก็เป็น #คนพูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ ( ไม่ใช่ละ! ) รู้ดีเลยว่า การใช้ชีวิตในไทย ที่แวดล้อมด้วยสาวร่าเริงพูดเก่ง ทำให้เรากลายเป็นตัวประหลาดไปซะงั้น โดนมองว่าเป็นใบ้ หนักเข้าก็โดนบุลลี่ไปอี๊กกก ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรใครเล้ยยย แค่ไม่พูดดด //เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย~
วันนี้เราจึงมาชวนสาวๆ ขี้อาย พูดน้อยทุกคน มาเก็บ 40 แคปชั่นภาษาอังกฤษเด็ดๆ ที่บ่งบอกตัวตนของเราได้อยู่หมัด! ชอบอันไหนเอาไปใช้กันโลด พูดเลยว่าตรงทุกข้อ! ได้ฝึกภาษาด้วยนะคะซิส ไปอ่านกันเลย Go Go~
*เราจะไม่แปลแบบเป๊ะทุกตัวอักษรนะคะ เน้นเนื้อหาหลักๆ ให้อ่านแล้วเข้าใจง่าย เพราะแต่ละภาษาจะมีความไหลลื่นของคำต่างกัน ถ้าบางคนอ่านแล้วงงว่าแปลผิดหรือเปล่า ก็ขอชี้แจงเหตุผลไว้ตรงนี้เลยน้า ^^
1. People thinking you're pure and innocent just bacause you're shy - ใครๆ ก็คิดว่าเธอเป็นคนใสๆ อินโนเซนต์ แค่เพราะมีบุคลิกขี้อายเท่านั้นเอง
2. Being awkward and not knowing what to say around people - เวลาอยู่กับคนรอบข้าง จะกระอักกระอ่วน อึดอัด ไม่รู้จะพูดอะไรดี //สุดท้ายก็เลือกเงียบดีกว่า
3. Rehearsing your order in your mind before getting to the counter - ทวนออเดอร์อาหารซ้ำๆ ในหัว ก่อนจะเดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์ ( เพราะอยากพูดแค่รอบเดียว รีบสั่งให้มันจบๆ ไป )
4. Opening your mouth to say something only to have someone else speak over you - จะเปิดปากพูดก็ต่อเมื่อจะบอกคนกลางที่ไว้ใจ ให้เขาพูดผ่านเธออีกที ( ก็อายอะ ไม่กล้าพูดตรงๆ )
5. Having People ask you "Why don't you talk more?" - มักมีคนถามเธอว่า " ทำไมไม่พูดให้เยอะกว่านี้ล่ะ " ( เอ๊า! ก็กลัวพูดมากแล้วคนรำคาญอะ TT)
2. Being awkward and not knowing what to say around people - เวลาอยู่กับคนรอบข้าง จะกระอักกระอ่วน อึดอัด ไม่รู้จะพูดอะไรดี //สุดท้ายก็เลือกเงียบดีกว่า
3. Rehearsing your order in your mind before getting to the counter - ทวนออเดอร์อาหารซ้ำๆ ในหัว ก่อนจะเดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์ ( เพราะอยากพูดแค่รอบเดียว รีบสั่งให้มันจบๆ ไป )
4. Opening your mouth to say something only to have someone else speak over you - จะเปิดปากพูดก็ต่อเมื่อจะบอกคนกลางที่ไว้ใจ ให้เขาพูดผ่านเธออีกที ( ก็อายอะ ไม่กล้าพูดตรงๆ )
5. Having People ask you "Why don't you talk more?" - มักมีคนถามเธอว่า " ทำไมไม่พูดให้เยอะกว่านี้ล่ะ " ( เอ๊า! ก็กลัวพูดมากแล้วคนรำคาญอะ TT)
6. Wanting to talk to your crush but being too shy to start a conversation, so you just stalk them from a distance - อยากคุยกับหนุ่มที่ปิ๊ง แต่เขินกว่าจะเริ่มบทสนทนา เลยได้แต่แอบส่องจากที่ไกลๆ ( แต่ไม่ใช่โรคจิตนะ! )
7. Feeling like you're invisible to the entire human race - รู้สึกไร้ตัวตน จืดจางสุดๆ ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งมวล
8. Needing help but not wanting to ask for it - ทำไม่ได้นะ แต่ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ( กลัวเสียงเบาแล้วเขาไม่หัน )
9. Having no problem texting someone, but talking to them in person is a whole other story - ให้พิมพ์แชทไลน์ แชทเฟส ส่งอีเมล์นี่สบายมาก แต่ถ้าต้องคุยต่อหน้า จะเป็นอีกเรื่องนึงเลย ( ขอหลบมุมเสาแป๊บ )
10. Knowing you're a fun person, but only with people you're close with - รู้ตัวแหละว่าเป็นคนตลก แต่จะยอมปล่อยมุกเฉพาะกับเพื่อนซี้ๆ กันเท่านั้น
7. Feeling like you're invisible to the entire human race - รู้สึกไร้ตัวตน จืดจางสุดๆ ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งมวล
8. Needing help but not wanting to ask for it - ทำไม่ได้นะ แต่ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ( กลัวเสียงเบาแล้วเขาไม่หัน )
9. Having no problem texting someone, but talking to them in person is a whole other story - ให้พิมพ์แชทไลน์ แชทเฟส ส่งอีเมล์นี่สบายมาก แต่ถ้าต้องคุยต่อหน้า จะเป็นอีกเรื่องนึงเลย ( ขอหลบมุมเสาแป๊บ )
10. Knowing you're a fun person, but only with people you're close with - รู้ตัวแหละว่าเป็นคนตลก แต่จะยอมปล่อยมุกเฉพาะกับเพื่อนซี้ๆ กันเท่านั้น
11. Saying yes to someone but wanting to say no - อยากปฏิเสธแทบตาย แต่ก็ตอบรับไป ( เพราะขี้เกียจอธิบายเหตุผลยาวๆ )
12. People being surprised when you speak - คนรอบข้างจะตกใจมากเมื่อเธอพูดแต่ละครั้ง ( " พูดเป็นด้วยเหรอ นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก TT^TT " )
13. You seem more interesting and mysterious to people - สำหรับบางคน เธอดูน่าสนใจ ลึกลับ น่าค้นหากว่าผู้หญิงทั่วไป ( เพราะพูดน้อย เดาใจไม่ถูก! )
14. Feeling like you're going to have a mini heart attack when you have to give a speech in class - จะออกไปพูดอะไรหน้าห้องแต่ละที เหมือนหัวใจจะวาย โอย ตื่นเต้น!
15. Not being able to make friends easily - เป็นคนขี้อายแบบนี้ เลยผูกมิตรกับคนอื่นได้ยากจัง
12. People being surprised when you speak - คนรอบข้างจะตกใจมากเมื่อเธอพูดแต่ละครั้ง ( " พูดเป็นด้วยเหรอ นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก TT^TT " )
13. You seem more interesting and mysterious to people - สำหรับบางคน เธอดูน่าสนใจ ลึกลับ น่าค้นหากว่าผู้หญิงทั่วไป ( เพราะพูดน้อย เดาใจไม่ถูก! )
14. Feeling like you're going to have a mini heart attack when you have to give a speech in class - จะออกไปพูดอะไรหน้าห้องแต่ละที เหมือนหัวใจจะวาย โอย ตื่นเต้น!
15. Not being able to make friends easily - เป็นคนขี้อายแบบนี้ เลยผูกมิตรกับคนอื่นได้ยากจัง
16. Trying to be outgoing, friendly, and likable, but having no idea how - อยากเป็นคนเข้าสังคมเก่ง เฟรนด์ลี่ ใครๆ ก็ชอบ แต่ไม่รู้จะทำยังไงอ่า Y^Y
17. Sometimes your shyness has ruined so many opportunities - เพราะความอายนี่แหละ บางครั้งก็ทำให้พลาดโอกาสดีๆ ไปหลายอย่างเลย
18. People think you're boring and unapproachable - คนทั่วไปคิดว่าเธอ ' น่าเบื่อ ' และ ' ไม่น่าเข้าใกล้ ' //แง เสียใจ
19. Getting the wrong order and not saying anything - สั่งของแล้วได้ผิดเมนู ก็ไม่กล้าแย้ง //กลัววุ่นวาย ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน
17. Sometimes your shyness has ruined so many opportunities - เพราะความอายนี่แหละ บางครั้งก็ทำให้พลาดโอกาสดีๆ ไปหลายอย่างเลย
18. People think you're boring and unapproachable - คนทั่วไปคิดว่าเธอ ' น่าเบื่อ ' และ ' ไม่น่าเข้าใกล้ ' //แง เสียใจ
19. Getting the wrong order and not saying anything - สั่งของแล้วได้ผิดเมนู ก็ไม่กล้าแย้ง //กลัววุ่นวาย ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน
20. Preparing for your name to be called when a teacher does attendance - อาจารย์เรียกเช็คชื่อทุกที ใกล้ๆ จะถึงชื่อต้องเตรียมตัวเสมอ //จะได้ไม่ช็อค แล้วตอบรับแบบตะกุกตะกัก
21. Waiting too long for the right time to add something to a conversation until it's no longer relevant - เวลาคุยกับใคร ก็รอแทรกในบทสนทนาแหละ แต่ไม่กล้า สรุปเว้นนานเกิน จังหวะไม่ได้ละ //พลาดไปอย่างน่าเสียดาย
22. Saying " I don't know " because it's easier than explaining, even though you know - มักบอกคนอื่นว่า " ไม่รู้หรอก " เพราะมันง่ายกว่ามานั่งอธิบายยาวเหยียด ทั้งที่บางครั้งก็รู้ แต่ขี้เกียจพูด //อันนี้คนไม่ขี้อายก็เป็นนะ!
23. Wanting to leave a room, and then somebody comes in and you don't want to offend them so you stay here - เบื่อแล้วอะ อยากออกจากห้องประชุม / ห้องสัมมนา / ห้อง etc. ( ซึ่งเขาก็ไม่ได้ห้ามออกนะ ) แต่พอมีคนใหม่เข้ามานั่งฟังต่อ ก็ไม่กล้าเดินออกไป สรุปก็นั่งอยู่ที่เดิมจนจบจ้า
24. When teachers ask you to repeat an answer over and over again because they can't hear you - เวลาตอบคำถามอาจารย์ ต้องพูดคำตอบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะท่านบอกว่า " ไม่ได้ยินเลยหนูจ๋า พูดว่าอะไรนะ? " //ขอโทษค่ะที่เสียงเบาไป...
25. Not looking the person you're talking to in the eyes - ก็เขินอะ คุยกับใครก็ไม่กล้าสบตา หันหน้าหนีตลอด T T
22. Saying " I don't know " because it's easier than explaining, even though you know - มักบอกคนอื่นว่า " ไม่รู้หรอก " เพราะมันง่ายกว่ามานั่งอธิบายยาวเหยียด ทั้งที่บางครั้งก็รู้ แต่ขี้เกียจพูด //อันนี้คนไม่ขี้อายก็เป็นนะ!
23. Wanting to leave a room, and then somebody comes in and you don't want to offend them so you stay here - เบื่อแล้วอะ อยากออกจากห้องประชุม / ห้องสัมมนา / ห้อง etc. ( ซึ่งเขาก็ไม่ได้ห้ามออกนะ ) แต่พอมีคนใหม่เข้ามานั่งฟังต่อ ก็ไม่กล้าเดินออกไป สรุปก็นั่งอยู่ที่เดิมจนจบจ้า
24. When teachers ask you to repeat an answer over and over again because they can't hear you - เวลาตอบคำถามอาจารย์ ต้องพูดคำตอบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะท่านบอกว่า " ไม่ได้ยินเลยหนูจ๋า พูดว่าอะไรนะ? " //ขอโทษค่ะที่เสียงเบาไป...
25. Not looking the person you're talking to in the eyes - ก็เขินอะ คุยกับใครก็ไม่กล้าสบตา หันหน้าหนีตลอด T T
26. Blushing at the sound of your name being called - เวลาใครเรียกชื่อทีไร เป็นต้องหน้าแดงทุกครั้ง ก็เค้าเขินนี่นา >///<
27. No one noticing you were missing for a day - ถึงหายไปเป็นวันๆ ก็ไม่มีใครสังเกต //เหมาะกับการทำอาชีพนักสืบมาก
28. Feeling like it's impossible for you to speak any louder - ให้พูดเสียงดังกว่านี้เหรอ? คิดว่าเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ก็ได้วอลลุ่มเท่านี้แหละ -_-
29. People saying you're weird - คนรอบข้างชอบพูดว่าเธอ ' เป็นคนแปลกๆ ' //แค่พูดน้อยก็คือแปลกแล้วเหรอ - -
30. Hate celebrating your birthday in public, because you have to be center of attention - ไม่ชอบฉลองวันเกิดในที่สาธารณะ / คนเยอะๆ เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจของใคร //ขออยู่เงียบๆ ดีกว่า
27. No one noticing you were missing for a day - ถึงหายไปเป็นวันๆ ก็ไม่มีใครสังเกต //เหมาะกับการทำอาชีพนักสืบมาก
28. Feeling like it's impossible for you to speak any louder - ให้พูดเสียงดังกว่านี้เหรอ? คิดว่าเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ก็ได้วอลลุ่มเท่านี้แหละ -_-
29. People saying you're weird - คนรอบข้างชอบพูดว่าเธอ ' เป็นคนแปลกๆ ' //แค่พูดน้อยก็คือแปลกแล้วเหรอ - -
30. Hate celebrating your birthday in public, because you have to be center of attention - ไม่ชอบฉลองวันเกิดในที่สาธารณะ / คนเยอะๆ เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจของใคร //ขออยู่เงียบๆ ดีกว่า
31. Talking to someone and not knowing where to look - เวลาคุยกับใคร ไม่รู้เลยว่าควรมองตรงไหนดี หันไปทางโน้นที ทางนี้ที งื้อออ เขินอ้ะ!
32. Not being able to show people the real you - เพราะบุคลิกแบบนี้ เลยไม่สามารถแสดงตัวตนจริงๆ ให้คนอื่นเห็นได้ //เป็นคนตลกยังไงก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ
33. Clothes shopping and too shy to call a sales person to help you - เวลาไปช้อปเสื้อผ้า หาสีนี้ไม่เจอ หาไซส์ไม่ได้ ก็ไม่กล้าเรียกเซลส์ในร้านมาช่วยดู //เดินหาเองวนไป
34. Forever being known as a shy kid - จะถูกจดจำฉายาในวัยเด็กคล้ายๆ กันหมดว่า " อ๋อ เด็กคนนั้นไง ที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูดน่ะ " ถึงโตมาจะพูดเก่งแล้ว คนในอดีตก็ยังมองว่าเธอขี้อายอยู่ดี
35. Being underestimated by people - มักถูกมองความสามารถต่ำกว่าความเป็นจริงเสมอ เพราะไม่ค่อยพรีเซนต์ตัวเอง
32. Not being able to show people the real you - เพราะบุคลิกแบบนี้ เลยไม่สามารถแสดงตัวตนจริงๆ ให้คนอื่นเห็นได้ //เป็นคนตลกยังไงก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ
33. Clothes shopping and too shy to call a sales person to help you - เวลาไปช้อปเสื้อผ้า หาสีนี้ไม่เจอ หาไซส์ไม่ได้ ก็ไม่กล้าเรียกเซลส์ในร้านมาช่วยดู //เดินหาเองวนไป
34. Forever being known as a shy kid - จะถูกจดจำฉายาในวัยเด็กคล้ายๆ กันหมดว่า " อ๋อ เด็กคนนั้นไง ที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูดน่ะ " ถึงโตมาจะพูดเก่งแล้ว คนในอดีตก็ยังมองว่าเธอขี้อายอยู่ดี
35. Being underestimated by people - มักถูกมองความสามารถต่ำกว่าความเป็นจริงเสมอ เพราะไม่ค่อยพรีเซนต์ตัวเอง
36. When you want to talk to someone, so you have to conversation in your head first - เวลาจะเริ่มพูดคุยกับใคร ต้องมีชื่อหัวข้อไว้ในหัวก่อน //จะได้ไม่มีเดตแอร์เนอะ
37. You like to write but you don't show your stories to anyone - เป็นคนชอบเขียน แต่งฟิค แต่งนิยายต่างๆ ( เพราะพูดไม่เก่ง ) แต่ไม่ค่อยได้โชว์สิ่งที่เขียนให้คนอื่นอ่านเท่าไหร่
38. Avoid going somewhere because you know someone you don't know well works there - ยอมเลี่ยงไปสถานที่บางแห่ง เพราะรู้ว่ามีคนไม่สนิททำงานที่นั่น //เจอหน้าแล้วไม่รู้จะพูดอะไร หลบเลยดีกว่า
39. Being too shy to call or email old friends after a long period of no contact with them - จะกล้าๆ กลัวๆ มาก ถ้าต้องโทรศัพท์ หรืออีเมล์ติดต่อเพื่อนเก่าที่ขาดการติดต่อกันมานานมากแล้ว //เขาจะยังจำเราได้ไหม? จะเริ่มด้วยคำว่าอะไรดี?
40. Saying sorry for something you have no business apologizing for - พูดว่า " ขอโทษ " กับบางอย่างเพื่อให้เรื่องจบ ทั้งที่ไม่มีอะไรให้ต้องขอโทษ //เชื่อว่าทุกคนเคยทำ
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดอื่น ๆ)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe