อยากมีผิวสวยโดดเด่น เด้งๆ ดี ต้องเอาความชุ่มชื่นเข้าสู้สิ!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
5 วิธี! ปรับหน้าแห้ง ให้เป็นหน้าเด็ก หน้าเด่น หน้าเด้ง ~ น่ารัก ♥
1. เติมความเด้งจากภายใน
2. กินอะไรก็ได้อย่างนั้น
3. อากาศ & อุณหภูมิ หัวใจแห่งผิว
4. เติมสารอาหารให้ผิวหนักๆ
5. หาตัวช่วย เพื่อเติมความชุ่มชื่นได้ระหว่างวัน
คาดว่าสาวๆ ที่อายุเกิน 20 หลายคนต้องเคยคิดแบบนี้แน่ๆ กับการที่มองเห็นเด็กสาวๆ วัยมัธยมฯ ทีไร มันก็อดนึกถึงตัวเองสมัยรุ่นๆ ไม่ได้ทุกที เพราะไม่ได้มีเพียงเรื่องของความสดใส สมกับวัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงที่ผิวของเรากำลังนุ่มลื่นและเด้ง ดูอ่อนวัยเหมาะสมกับอายุอีกต่างหาก
พอกลับมามองที่ปัจจุบัน ไม่ว่าใครจะมีสภาพผิวแบบไหน แต่ก็สู้ความเด้งของผิวสมัยมัธยมฯ ไม่ได้อยู่ดี บางคนโชคดีหน่อย ที่ใต้ผิวยังมีความอิ่มเด้งอยู่เยอะ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะพบกับปัญหาผิวที่เกิดจากอีลาสตินและคอลลาเจนที่ลดลง รวมไปถึงความหมองคล้ำ ริ้วรอย และผิวที่ไร้ความกระชับจากการใช้ชีวิตแบบผิดๆ ในแต่ละวัน ซึ่งทั้งหลายแหล่นี้ ทำให้เราเริ่มรู้สึกว่าผิวเริ่มไปละจ้า…
แต่รู้รึเปล่าว่าผิวของเรานั้นสามารถคงความเด้งกระชับเอาไว้ได้ด้วยสิ่งสำคัญ 1 อย่าง ซึ่งนั่นก็คือความชุ่มชื่นนั่นเอง เพราะความชุ่มชื่นนั้นมีผลต่อสภาพผิวของเรามาก ฉะนั้นเราจะปกป้องผิวให้ดูเด็กได้ยาวไป ด้วยวิธีไหนบ้าง ลองไปดู 5 ข้อนี้กันเลยจ้า
5 วิธี! ปรับหน้าแห้ง ให้เป็นหน้าเด็ก หน้าเด่น หน้าเด้ง ~ น่ารัก ♥
1. เติมความเด้งจากภายใน
เริ่มต้นกันด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้อย่างการรับประทานกันดีกว่า ถ้าพูดถึงเรื่องความชุ่มฉ่ำ อะไรล่ะที่จะทำให้เราชุ่มฉ่ำได้ สิ่งแรกที่ต้องนึกถึงเลยก็คือ น้ำ! ใช่แล้วจ้า น้ำดื่มสะอาดที่เราสามารถหาดื่มได้ทั่วไปนี่แหละ จะเป็นตัวช่วยผิวเด็กให้เราได้อย่างดี เพราะน้ำจะทำให้เราสามารถเติมเต็มความชุ่มชื่นได้จากภายใน ยิ่งดื่มได้บ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ถ้าใครที่รู้สึกว่าตัวเองผิวแห้งๆ ไร้ความชุ่มฉ่ำ ดูโทรมๆ ชอบกล ให้สังเกตตัวเองก่อนเลยว่า ได้ดื่มน้ำเพียงพอรึยัง เพราะผิวของคุณ อาจกำลังเรียกร้องหาน้ำอยู่ก็ได้ ปริมาณน้ำที่เราควรดื่มต่อวัน อยู่ที่ 8 - 10 แก้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย ใครอยากรู้ว่าตัวเองต้องดื่มเท่าไหร่ต่อวันถึงจะพอ สามารถคำนวณปริมาณน้ำที่เหมาะสมได้ที่นี่ แล้วรักษาความเด้งจากภายในกันได้เลย
ถ้าใครที่รู้สึกว่าตัวเองผิวแห้งๆ ไร้ความชุ่มฉ่ำ ดูโทรมๆ ชอบกล ให้สังเกตตัวเองก่อนเลยว่า ได้ดื่มน้ำเพียงพอรึยัง เพราะผิวของคุณ อาจกำลังเรียกร้องหาน้ำอยู่ก็ได้ ปริมาณน้ำที่เราควรดื่มต่อวัน อยู่ที่ 8 - 10 แก้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย ใครอยากรู้ว่าตัวเองต้องดื่มเท่าไหร่ต่อวันถึงจะพอ สามารถคำนวณปริมาณน้ำที่เหมาะสมได้ที่นี่ แล้วรักษาความเด้งจากภายในกันได้เลย
2. กินอะไรก็ได้อย่างนั้น
อาหารที่เรารับประทานกันเข้าไป ไม่ได้มีประโยชน์แค่ทำให้ท้องอิ่ม แต่มันส่งผลต่อร่างกายเรามากกว่านั้น ดั่งคำที่ว่า ' You are what you eat ' เรากินอะไรเข้าไป เราก็จะเป็นแบบนั้น ถ้าหากเราทานของที่มีประโยชน์กับร่างกาย สุขภาพเราก็จะดี ผิวเราก็จะสวย แล้วยิ่งถ้าเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวเราโดยตรง อย่างวิตามิน E คอลลาเจน ก็จะสามารถทำให้เรามีผิวที่ดูเด็กอย่างยาวนานได้ไม่ยาก
พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกาย อย่างของทอด ของมัน โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลายนี่แหละ ตัวสร้างปัญหาผิวแห้งหลักๆ เลยล่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรงดให้น้อยลงกว่าเดิม แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงผิวที่เต่งตึง จนตัวเองก็ยังทึ่งไปเล้ย
พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกาย อย่างของทอด ของมัน โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลายนี่แหละ ตัวสร้างปัญหาผิวแห้งหลักๆ เลยล่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรงดให้น้อยลงกว่าเดิม แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงผิวที่เต่งตึง จนตัวเองก็ยังทึ่งไปเล้ย
3. อากาศ & อุณหภูมิ หัวใจแห่งผิว
หน้าร้อนแล้วหน้ามันเร็ว แต่พอหน้าหนาว ก็ผิวหน้าแห้งจนรู้สึกคันไปหมด ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า อุณหภูมิและอากาศนั้นส่งผลต่อผิวของเราได้เช่นเดียวกัน อากาศที่เหมาะกับผิวไม่ควรจะเป็นอากาศที่แห้งเกินไปนัก ถ้าเป็นไปได้ ใครมีเครื่องเพิ่มความชื่้นอากาศในห้องเราจะถือว่าค่อนข้างดีต่อผิวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหน้าหนาว การเปิดเครื่องทำความชื้นในห้อง ในขณะที่คนอื่นไม่ได้ใช้ จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเลยทีเดียว
นอกจากนี้น้ำที่เราใช้ล้างหน้าก็ควรจะมีอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งอุณหภูมิของน้ำที่เราใช้ ถ้าหากเย็นเกินไป จะไม่สามารถชะล้างความมันบนผิวหน้าได้ แต่ถ้าหากร้อนเกินไปก็จะทำให้หน้าแห้งได้อีก ฉะนั้นควรใช้น้ำอุ่นเล็กน้อยในการล้าง ซึ่งจะไม่ทำร้ายผิวแล้วยังชะล้างความมันส่วนเกินได้พอดิบพอดีอีกด้วย
อีกสิ่งที่สำคัญที่อยากให้นึกถึงคือ ความถี่ในการล้างหน้า ไม่ควรล้างบ่อยจนเกินไป ประมาณวันละ 2 - 3 ครั้ง ก็พอแล้ว เพราะการล้างหน้าบ่อยๆ จะเป็นการรบกวนผิวหน้าเปล่าๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ หรือมือที่ไปเสียดสีกับผิวหน้าเรา ก็ส่งผลทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ทั้งนั้น ฉะนั้น ก็ไม่ต้องล้างถ้าหากไม่จำเป็นเนอะ
นอกจากนี้น้ำที่เราใช้ล้างหน้าก็ควรจะมีอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งอุณหภูมิของน้ำที่เราใช้ ถ้าหากเย็นเกินไป จะไม่สามารถชะล้างความมันบนผิวหน้าได้ แต่ถ้าหากร้อนเกินไปก็จะทำให้หน้าแห้งได้อีก ฉะนั้นควรใช้น้ำอุ่นเล็กน้อยในการล้าง ซึ่งจะไม่ทำร้ายผิวแล้วยังชะล้างความมันส่วนเกินได้พอดิบพอดีอีกด้วย
อีกสิ่งที่สำคัญที่อยากให้นึกถึงคือ ความถี่ในการล้างหน้า ไม่ควรล้างบ่อยจนเกินไป ประมาณวันละ 2 - 3 ครั้ง ก็พอแล้ว เพราะการล้างหน้าบ่อยๆ จะเป็นการรบกวนผิวหน้าเปล่าๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ หรือมือที่ไปเสียดสีกับผิวหน้าเรา ก็ส่งผลทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ทั้งนั้น ฉะนั้น ก็ไม่ต้องล้างถ้าหากไม่จำเป็นเนอะ
4. เติมสารอาหารให้ผิวหนักๆ
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้ผิวของเราดูดีขึ้นได้ ก็มาจากการปรนนิบัติ บำรุงผิวเป็นอย่างดี ซึ่งจะว่าไปแล้ว เจ้าคำว่าปรนนิบัติผิวอย่างดีของแต่ละคนคงจะไม่เหมือนกัน บางคนทาครีมบำรุงผิวทุกวันก็แล้ว แต่ทำไม้ รู้สึกว่ายังดีไม่พอ บางคนใช้ครีมแพงๆ แต่ทำไมผิวที่ได้มันยังดูพังๆ เหมือนเดิมเลยล่ะ
สาเหตุของปัญหาเหล่านี้ก็มีหลายอย่าง คือ ครีมบำรุงที่คุณใช้นั้นแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะถึงครีมจะดีแค่ไหน แต่ถ้าแก้ปัญหาผิวไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นคนที่มีปัญหาริ้วรอยจากผิวแห้งต้องหาครีมประเภทความชุ่มชื่นมาบำรุง
กับอีกสาเหตุคือ ยังบำรุงไม่มากพอกับที่ผิวต้องการ ถึงแม้ว่าเราจะทาสกินแคร์เป็นประจำทุกวัน แต่ความชุ่มชื่นอาจจะยังไม่มากพอ ดังนั้นควรจะหาเวลามาส์กหน้าอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง รับรองว่าผิวคุณจะดูเต่งตึงอิ่มน้ำแน่นอนเลยจ้า

Disclaimer : บทความนี้เป็นบทความประชาสัมพันธ์ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเจ้าของผลิตภัณฑ์
หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]

❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดความงาม)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe