มรสุมข่าวฉาวว่าซุกลูกเมียทำให้พระเอกหนุ่มอย่าง ' ธีธัช ' ต้องหวนกลับไปหาอดีตคนรักอีกครั้งเพื่อขอความร่วมมือจากเธอกอบกู้ภาพลักษณ์คืนมา และหวังใช้ความน่ารักของลูกสาวเรียกคะแนนนิยมจากประชาชน

๒
ธีธัชชะลอรถห่างออกมาจากร้านขายส่งดอกไม้ต้นไม้เมื่อเห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ ชายฉกรรจ์กำลังขนไม้ดอกหลายกระถางขึ้นกระบะหลังรถ โดยมีสตรีวัยกลางคนซึ่งสวมหมวกปีกกว้างช่วยยกกระถางดอกไม้จนเต็มกระบะของรถปิกอัพสีดำ
หญิงผู้นั้นคงเป็นมารดาของมัทรีที่เขาเคยพบเพียงครั้งเดียว เขาไม่รู้ว่าป่านนี้ท่านจะมองตนเปลี่ยนไปเช่นไร
ชายหนุ่มเคลื่อนรถไปใกล้หลังรถกระบะขับออกไปแล้ว เมื่อเขาดับเครื่องยนต์ สตรีผิวคร้ามแดดก็หันมอง ธีธัชพนมมือไหว้ ก่อนท่านจะขยับหมวกบังแสงแดดเพื่อมองให้ชัดว่าเขาเป็นใคร
"สวัสดีครับ แม่..." เขาเรียกท่านด้วยคำที่เคยเรียก
อัมพรรับไหว้ เธอจำบุรุษตรงหน้าได้ แล้วก็แปลกใจที่เขามาปรากฏตัวที่นี่หลังเลิกรากับบุตรสาวของตนไปนานสองนาน แม้ชายผู้นี้จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการส่งเสียค่าเลี้ยงดูยัยหนูมาตลอด หากคนเป็นแม่ก็ยังขุ่นเคืองใจอยู่บ้างที่เขาคือต้นเหตุความทุกข์ของลูก
"ผมมาหามัทกับลูกน่ะครับ"
"มัทไม่อยู่ค่ะ มีอะไรเดี๋ยวแม่บอกมัทให้"
เล่นละครบทบาทต่าง ๆ มาก็มาก แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่นักแสดงหนุ่มกระอักกระอ่วนใจเช่นนี้เลย
"ถ้าอย่างนั้นผมขอขึ้นไปหาน้องปลายนะครับ"
"มัทบอกคุณเรื่อง... เรื่องน้องปลายแล้วหรือ"
อัมพรนิ่วหน้าประหลาดใจ เธอเคยบอกลูกให้ลดทิฐิ หันหน้ามาคุยกับพ่อของหลานอีกครั้งเมื่อหมอที่ทำการรักษาชี้แจงถึงอาการป่วยของเด็กหญิงปลายฟ้า หากมัทรีก็ใจแข็งเหลือเกิน
"เปล่าครับ ผมมาหามัทอาทิตย์ที่แล้วถึงได้รู้"
"อ้าว มัทไม่เห็นบอกแม่เลย"
และเพราะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในความสัมพันธ์ของบุตรสาว อัมพรจึงยินยอมให้ชายหนุ่มได้อยู่รอมัทรีที่นี่ เธอนำเขาเข้าไปในบ้านพลางถอดหมวกปีกกว้างมาถือไว้แทน
"แม่โทรตามมัทให้ สักครู่นะคะ"
"ไม่เป็นไรครับแม่" ธีธัชรีบบอกท่าน "ผมขอขึ้นไปดูน้องปลายนะครับ"
"เอางั้นหรือ แต่เดี๋ยวมัทก็คงมา นี่ออกไปส่งแบบสวนที่ออกแบบให้กับรีสอร์ตในตัวจังหวัดค่ะ"
ธีธัชพยักหน้า เขายิ้มสุภาพด้วยความขอบคุณที่ท่านให้โอกาส ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดที่เคยขึ้นไปครั้งหนึ่ง
วันนี้ห้องที่อยู่สุดระเบียงทางเดินปิดประตูไว้ เขาหมุนลูกบิดเข้าไป ระวังให้เกิดเสียงเบาที่สุด ก่อนจะก้าวช้า ๆ ผ่านเตียงนอนของมัทรีตรงไปยังเตียงเด็กสีขาวข้างหน้าต่าง เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานให้ความเย็นฉ่ำ ทว่าเหงื่อกาฬกลับซึมผ่านผิวกายเขาออกมา
ธีธัชไล่สายตามองตั้งแต่โต๊ะหัวเตียงซึ่งมีกระบอกและสายยางต่าง ๆ วางอยู่ ก่อนจะแลเลยมายังตัวเลขดิจิตอลบนหน้าจอเครื่องมือทางการแพทย์ คลับคล้ายคลับคลากับเครื่องช่วยหายใจที่เคยใช้ประกอบฉากการแสดง มีท่อต่อออกจากเจ้าเครื่องนั้นมาที่คอของลูกน้อยของเขา
มือชื้นเหงื่อกำขอบเตียงไว้แน่น เขาเม้มปากเป็นเส้นตรงไม่ให้เสียงสะอื้นผ่านลำคอออกมา แต่กับน้ำตา... มันหยาดรินลงตามร่องแก้มอย่างไม่อาจฝืนกลั้นได้อีกต่อไป ยิ่งเมื่อดวงตาใสแจ๋วมองสบมาอย่างไร้เดียงสา ผู้เป็นพ่อก็แทบทรุดอยู่ข้างเตียงด้วยความเวทนาสงสารสุดหัวใจ
ลูกของเขาหน้าตาน่ารัก แกไม่ได้ต่างจากเด็กคนอื่นเลย เว้นแต่ร่างกายซึ่งเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกัน สายพลาสติกเส้นเล็กที่ต่อออกจากจมูก และท่อนั่น...ท่อที่ต่อออกมาจากคอเข้ากับเครื่องช่วยหายใจ
ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับลูกของเขา โรคบ้าๆ ที่มัทรีเคยอธิบายราวกับทำใจยอมรับได้ แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี รู้แต่เพียงว่าเด็กหญิงจะต้องหาย และเขาจะทำทุกวิถีทางให้ลูกของเขากลับมาเป็นปกติเช่นเด็กคนอื่นให้จงได้
ชายหนุ่มยกนิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตา เขาค่อย ๆ ยื่นมือไปจับมือเล็กของเด็กน้อย แกมิได้กำตอบ แต่ดวงตากลมโตก็ละจากโมบายของเล่นมามองหน้าเขาอีกครา
"น้องปลาย..." ธีธัชทอดหางเสียงอ่อนโยนที่สุด "ลูก..."
ดวงหน้าเล็กคล้ายจะยิ้ม ริมฝีปากจิ้มลิ้มขยับออกจากกันเล็กน้อย แค่นั้นหัวใจพ่อก็เต็มตื้นขึ้นมา
เขาอยากก้มลงหอมลูก แต่ไม่แน่ใจว่านั่นจะปลอดภัยต่อแกหรือเปล่า จึงทำเพียงไล้นิ้วมือไปบนแก้มใสแผ่วเบา แล้วริมฝีปากเล็กก็ขยับเหมือนจะส่งเสียงบางอย่าง แต่ก็เบาเหลือเกิน
มัทรีเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นภาพนั้น จากความหงุดหงิดที่เขามายุ่งวุ่นวายก็กลายเป็นความอ่อนใจ ธีธัชไม่ได้ถอยห่างและเบือนหน้าหนีจากลูกเช่นเมื่อแรกพบแก กระทั่งเขาเห็นเธอก้าวเข้ามา ร่างสูงจึงเหยียดหลังขึ้นมาสบตาเธอ
"ลงไปคุยกันข้างล่างเถอะค่ะ"
"ปกติมัทให้ลูกอยู่คนเดียวอย่างนี้หรือ" เขาถามขึ้นก่อนจะลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายเสียอีก
มัทรีรินน้ำให้แขกพร้อมกับวางลงบนโต๊ะกระจก เหมือนบอกกลาย ๆ ให้เขานั่งตรงนั้นและอย่าสร้างความวุ่นวายแก่เธออีก ลำพังที่ดาราดังอย่างเขามาปรากฏตัวต่อหน้าพวกตนก็ทำเอาเธอกับแม่วุ่นวายใจแล้ว
"แกอยู่ได้ค่ะ" เธอตอบสั้น ๆ
"แล้วถ้าไฟดับล่ะ เครื่องนั่น..."
"มันสำรองไฟ"
"แล้วถ้าลูกร้อง"
หญิงสาวหยิบเบบี้มอนิเตอร์ออกมาวางต่อหน้า มันเป็นเครื่องตรวจจับเสียงร้องไห้ รูปทรงเหมือนวิทยุพกพาแบบวอล์คกี้ทอล์คกี้ มีเจ้าเครื่องคล้ายกันนี้อีกอันอยู่ปลายเตียงลูกน้อยคอยส่งสัญญาณเข้ามาในเครื่องของเธอ
ธีธัชอับจนคำพูด ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะจัดการชีวิตลงตัวดีแล้วจนเขานึกละอาย
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมจะหาพยาบาลพิเศษมาช่วยดูลูก"
มัทรีไหวไหล่ ถ้านั่นจะทำให้เขาสบายใจและเลิกยุ่งเกี่ยวกับพวกเธอก็ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ
"มีเพื่อนรุ่นเดียวกับผมคนหนึ่งเป็นหมอที่โรงพยาบาลใหญ่ ผมจะพาลูกไปพบเขา"
คราวนี้คนเป็นแม่ตวัดมอง เป็นสัญชาตญาณของความหวงลูกก็ว่าได้ และที่สำคัญ... เธอมั่นใจว่าพาลูกไปรักษากับแพทย์ที่ดีที่สุด เก่งที่สุดคนหนึ่งทางด้านนี้มาแล้ว
"ฉันคิดว่าถ้าคุณไม่อยากเป็นข่าว ทางที่ดีก็ปล่อยให้อะไร ๆ เป็นไปเหมือนที่ผ่านมาดีกว่าค่ะ ฉันไม่ปริปากบอกใครอยู่แล้ว แต่ยิ่งคุณพยายามมาเจรจากับฉันอย่างนี้มันก็มีแต่สุ่มเสี่ยงมากขึ้น เรื่องน้องปลายฉันดูแลแกได้ คุณไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรเลยค่ะ จริง ๆ นะ มัทไม่ใช่คนทำอะไรประชดใคร คุณก็น่าจะรู้"

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดเอนเตอร์เทนเมนต์)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe