ประสบการณ์เที่ยวต่างจังหวัดในเกาหลี พิกัดดีๆ ที่จะทำให้คุณติดใจไปอีกนาน!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
เรื่องจริงที่อยากบอก "เกาหลีที่บ้านนอก" ได้ลองแล้วจะ "หลงรัก" !
Day 1 ◑
อุทยานแห่งชาติ มูดึงซัน
Dwaeji galbi หมูย่างกระทะร้อน
Soswaewon Garden
Metasequoia - lined road
Pengguin Village
Yanglimdong historical cultural village
Day 2 ◑
Gwangju Art Street
Heaven - ร้านอาหารจากชาเขียว
ไร่ชาเขียว Daehandawon
Naganeupseong Folk Village
Day 3 ◑
Suncheon Bay Wetland Reserve
Suncheon Bay Natural Garden
Royal Portrait Museum
Day 4 ◑
โรงเรียนขงจื๊อ Jeonju Hyanggyo
Day 5 ◑
Haneul (Sky) Park
สวัสดีจ้า... เหล่าหนุ่มสาวผู้หลงใหลและรักการท่องเที่ยวทุกๆ คน ในหน้าฝนแบบนี้ หลายๆ คนอาจะแอบคิดอยู่ว่า ถ้าได้หนีหน้าฝนที่ไทย ไปหลั่นล้าอยู่ต่างประเทศก็คงจะดี แต่ที่ไหนล่ะ ที่จะทำให้หน้าฝนไม่น่าเบื่อ และโรแมนติกสุดๆ เอาจริงๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สำหรับใครที่ไม่ชอบฝน ก็คงจะไม่ชอบอยู่ดีนั่นแหละ แต่บางที การได้ไปติดฝนที่ต่างประเทศ มันก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน ไม่จับเจ่าเหมือนตอนที่หนีฝนอยู่แต่ในบ้านเหมือนกันนะ
แต่พอพูดถึงที่ไหน ที่ทำให้หน้าฝนกลายเป็นฤดูที่โรแมนติก มันก็อดจะนึกถึงซีรีส์เกาหลีไม่ได้เลย อย่างเรื่อง Something in the rain ถ้าใครได้ดูคงจะรู้สึกว่า บางครั้งฝนที่ตกลงมามันก็ช่วยชะล้างอะไรบางอย่างในใจ และเป็นสถานการณ์ที่ฟ้าประทานมาให้พร้อมกับเม็ดฝนจริงๆ
สำหรับประเทศเกาหลี หลายคนอาจจะรู้จักแค่เฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างโซล ไม่ก็ปูซาน ที่กลายเป็นภาพยนตร์โด่งดังไปเมื่อปีก่อน ซึ่งแน่นอนว่ากลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทุกคนต้องไม่พลาด แต่ครั้นจะไปแต่ที่เดิมๆ ถึงจะสนุกแค่ไหน ก็คงไม่เบิกบานเท่าได้ไปเปิดหู เปิดตาในสถานที่ใหม่ๆ จริงมะ ซึ่งหลายคนก็ต้องอยากรู้แน่นอนเลยว่า นอกจากโซล ปูซาน เกาะนามิแล้วเนี่ย เกาหลีมีอะไรให้ไปอีกมั้ยน้อ อยากรู้แต่ก็ไม่อยากเสี่ยง งั้นไปเที่ยวที่อื่นแทนดีกว่า ( เย้ย! )
เดี๋ยวก่อน! เพราะทุกประเทศย่อมมีอัญมณีที่ซ่อนอยู่ และเกาหลีเองก็เช่นกัน ต่างจังหวัดในเกาหลีที่คนไม่ค่อยคุ้นเคยก็มีสถานทีท่องเที่ยวมากมาย ที่เปรียบเสมือนดังอัญมณีที่ถูกซ่อนเอาไว้ และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เราก็มีโอกาสดีๆ ได้ไปทำการค้นหาสมบัติที่เป็นพิกัดสวยๆ มาฝากเพื่อนๆ ทุกคนแล้ว กับทริปที่จะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมเกาหลีที่บ้านนอก อยากบอกว่าได้ลองแล้วจะหลงรัก!
สำหรับประเทศเกาหลี หลายคนอาจจะรู้จักแค่เฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างโซล ไม่ก็ปูซาน ที่กลายเป็นภาพยนตร์โด่งดังไปเมื่อปีก่อน ซึ่งแน่นอนว่ากลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทุกคนต้องไม่พลาด แต่ครั้นจะไปแต่ที่เดิมๆ ถึงจะสนุกแค่ไหน ก็คงไม่เบิกบานเท่าได้ไปเปิดหู เปิดตาในสถานที่ใหม่ๆ จริงมะ ซึ่งหลายคนก็ต้องอยากรู้แน่นอนเลยว่า นอกจากโซล ปูซาน เกาะนามิแล้วเนี่ย เกาหลีมีอะไรให้ไปอีกมั้ยน้อ อยากรู้แต่ก็ไม่อยากเสี่ยง งั้นไปเที่ยวที่อื่นแทนดีกว่า ( เย้ย! )
เดี๋ยวก่อน! เพราะทุกประเทศย่อมมีอัญมณีที่ซ่อนอยู่ และเกาหลีเองก็เช่นกัน ต่างจังหวัดในเกาหลีที่คนไม่ค่อยคุ้นเคยก็มีสถานทีท่องเที่ยวมากมาย ที่เปรียบเสมือนดังอัญมณีที่ถูกซ่อนเอาไว้ และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เราก็มีโอกาสดีๆ ได้ไปทำการค้นหาสมบัติที่เป็นพิกัดสวยๆ มาฝากเพื่อนๆ ทุกคนแล้ว กับทริปที่จะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมเกาหลีที่บ้านนอก อยากบอกว่าได้ลองแล้วจะหลงรัก!
เรื่องจริงที่อยากบอก "เกาหลีที่บ้านนอก" ได้ลองแล้วจะ "หลงรัก" !
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ เราจะเดินทางไปสู่จังหวัด ชอลลานัมโด จังเป็นจังหวัดทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ เรียกอีกอย่างว่าชอลลาใต้ แน่นอนว่าถ้ามีชอลลาใต้ ก็ต้องมีชอลลาเหนือ แต่จะมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ชอลลาบุกโด
สำหรับการเดินทางมาที่จังหวัดชอลลานัมโดนี้ อาจจะยังไม่ค่อยมีเที่ยวบินที่ไหนเยอะนัก แต่เราใช้วิธีเดินทางมาที่สนามบินมูอัน ซึ่งมีเที่ยวบินของ เจจูแอร์ ซึ่งราคาไม่แรงมาก แต่ประสบการณ์ที่เราได้รับรองว่าอื้อหือ โอ้โห เบิกบานใจแน่นอนจ้า
สำหรับการเดินทางมาที่จังหวัดชอลลานัมโดนี้ อาจจะยังไม่ค่อยมีเที่ยวบินที่ไหนเยอะนัก แต่เราใช้วิธีเดินทางมาที่สนามบินมูอัน ซึ่งมีเที่ยวบินของ เจจูแอร์ ซึ่งราคาไม่แรงมาก แต่ประสบการณ์ที่เราได้รับรองว่าอื้อหือ โอ้โห เบิกบานใจแน่นอนจ้า
Day 1 ◑

เริ่มวันแรก แพลนการเดินทางจะมีโลเคชั่นอยู่ที่เมืองกวางจูซะเป็นส่วนใหญ่ เราจึงมาลงที่สนามบินมูอัน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าทริปนี้จะต้องมีอะไรที่ประทับใจแน่นอน ก็เริ่มจากตั้งแต่เครื่องบินเริ่มเข้าเขตย่านทะเลก่อนถึงสนามบินเลยค่ะ
บอกเลยว่าวิวสวยมาก ทุกแหล่งล้อมรอบไปด้วยทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา และสีสวยมาก มีเรือจอดเทียบท่าอยู่เยอะด้วย แทบจะมองเห็นอาชีพหลักๆ ของคนในเขตนี้เลย จนบางทีแอบหวั่นว่า นี่เราต้องนั่งเรือเข้าโซลรึเปล่านะ เพราะมองไม่เห็นทางเชื่อมระหว่างโซลกับมูอันที่เป็นอย่างอื่นนอกจากแม่น้ำเลย ( รู้สึกโง่กะทันหัน ฮ่าๆ )
บอกเลยว่าวิวสวยมาก ทุกแหล่งล้อมรอบไปด้วยทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา และสีสวยมาก มีเรือจอดเทียบท่าอยู่เยอะด้วย แทบจะมองเห็นอาชีพหลักๆ ของคนในเขตนี้เลย จนบางทีแอบหวั่นว่า นี่เราต้องนั่งเรือเข้าโซลรึเปล่านะ เพราะมองไม่เห็นทางเชื่อมระหว่างโซลกับมูอันที่เป็นอย่างอื่นนอกจากแม่น้ำเลย ( รู้สึกโง่กะทันหัน ฮ่าๆ )

สนามบินมูอัน ถือว่าไม่ใหญ่มาก มาพร้อมกับบรรยากาศเงียบสงบ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเกาหลีด้วยกันเองที่เดินทางมา ( บางคนก็จะพกอุปกรณ์ดำน้ำมาด้วย น่าจะมีกิจกรรมอะไรแบบนี้อยู่เหมือนกัน ) แต่สำหรับใครที่เดินทางมาเดี่ยวๆ อาจจะต้องมีหลักฐานที่น่าเชื่อถืออยู่สักหน่อย เพราะเจ้าหน้าที่ก็ค่อนข้างเข้มงวด แต่ก็ใจดีนะคะ เข้าใจในมุมของเขาว่ายังไม่ใช่เมืองที่การท่องเที่ยวบูมแบบโซล ปูซาน หรือเกาะนามิที่เราคุ้นเคย
เมื่อเข้ามาถึงด้านในก็พบกับไกด์นำเที่ยว ของฮานะทัวร์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้คิดว่าเป็นเรื่องดีอีกอย่าง คือได้ไกด์ที่เป็นชาวเกาหลีแท้ แต่สามารถพูดไทยได้ ข้อดีคือเราจะได้ข้อมูลแน่นๆ จากชาวเกาหลี ในภาษาที่เข้าใจได้ง่าย จริงๆ หากฟังอังกฤษก็เหมือนได้ฝึกภาษา แต่สำหรับสถานที่ใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย การได้เข้าใจง่ายๆ ก็สำคัญเหมือนกันเนอะ
หลังจากพบไกด์แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการทำธุระให้เรียบร้อยด่วนๆ เลย สิ่งที่ชอบก็คือ แม้จะเป็นต่างจังหวัด แต่ห้องน้ำที่นี่ก็สะอาด และมีระบบฉีดน้ำด้วย เป็นอะไรที่คนไทยน่าจะขาดไม่ได้เหมือนกัน ต่อจากนี้ก็เดินทางโดยรถบัส สู่เมืองกวางจูเลยจ้า สำหรับการนั่งรถทัวร์ของที่นี่ แม้จะเดินทางใกล้หรือไกล ก็ต้องคาดเข็มขัดตลอดเวลานะจ๊ะ เพราะความปลอดภัยก็สำคัญที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว ไกด์ย้ำสักรอบสองรอบ ครั้งต่อไปชิน จิตใต้สำนึกสั่งให้รัดเข็มขัดเองทุกครั้งที่ขึ้นรถเลย
เมื่อเข้ามาถึงด้านในก็พบกับไกด์นำเที่ยว ของฮานะทัวร์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้คิดว่าเป็นเรื่องดีอีกอย่าง คือได้ไกด์ที่เป็นชาวเกาหลีแท้ แต่สามารถพูดไทยได้ ข้อดีคือเราจะได้ข้อมูลแน่นๆ จากชาวเกาหลี ในภาษาที่เข้าใจได้ง่าย จริงๆ หากฟังอังกฤษก็เหมือนได้ฝึกภาษา แต่สำหรับสถานที่ใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย การได้เข้าใจง่ายๆ ก็สำคัญเหมือนกันเนอะ
หลังจากพบไกด์แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการทำธุระให้เรียบร้อยด่วนๆ เลย สิ่งที่ชอบก็คือ แม้จะเป็นต่างจังหวัด แต่ห้องน้ำที่นี่ก็สะอาด และมีระบบฉีดน้ำด้วย เป็นอะไรที่คนไทยน่าจะขาดไม่ได้เหมือนกัน ต่อจากนี้ก็เดินทางโดยรถบัส สู่เมืองกวางจูเลยจ้า สำหรับการนั่งรถทัวร์ของที่นี่ แม้จะเดินทางใกล้หรือไกล ก็ต้องคาดเข็มขัดตลอดเวลานะจ๊ะ เพราะความปลอดภัยก็สำคัญที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว ไกด์ย้ำสักรอบสองรอบ ครั้งต่อไปชิน จิตใต้สำนึกสั่งให้รัดเข็มขัดเองทุกครั้งที่ขึ้นรถเลย
อุทยานแห่งชาติ มูดึงซัน
สถานที่แรกของวันแรกก็คือ อุทยานแห่งชาติมูดึงซัน โดยกิจกรรมที่น่าสนใจที่นี่ก็คือ การขึ้นเขาที่มีความสูงถึง 1186 เมตร ซึ่งมีสตอรี่ที่คล้ายๆ กับแหล่งท่องเที่ยงดังๆ อย่างตึก 63 ถ้าไปไม่ถึงชั้นบนสุด ก็เหมือนไปไม่ถึงใช่มั้ยล่ะ ที่นี่ก็คือกัน หากมาถึงแล้วก็ต้องไปให้ถึง 1186 เมตร ฉะนั้นวันนี้คนกลัวความสูงอย่างเรา ก็จะต้องไปนั่งเคเบิลคาร์ขึ้นภูเขากันค่ะ!

ราคาบริการก็จะมีให้เลือกหลายแบบอยู่ค่ะ สำหรับเรานั่งเจ้าสิ่งที่เรียกว่าลิฟต์ ในราคา 9,000 วอน ซึ่งจะได้ทั้งนั่งไป และนั่งกลับ อีกแบบที่น่าสนใจก็คือโมโนเรล ซึ่งช่วงที่เราไปเขาปิดปรับปรุงอยู่ก็อดลองกันไปสวยๆ
มาพูดถึงการนั่งลิฟต์ขึ้นเขา เห็นเรียกว่าลิฟต์แบบนี้ ไม่ได้หมายถึงอยู่ในตู้ปิดแล้วเลื่อนขึ้นไปเฉยๆ นะ แต่เป็นการเลื่อนเหมือนกับเคเบิลคาร์ ซึ่งเป็นที่นั่งได้ทีละ 2 คน คนกลัวความสูงอย่างเราได้ยินก็สั่นสิจ๊ะ คิดว่าคงจะเป็นตู้กระจกใสๆ แล้วนั่งได้ทีละ 2 คน แล้วคนที่จะนั่งด้วยกัน ก็กลัวความสูงเหมือนกัน สภาพที่นึกไว้คือ คงจะพากันกลัวแน่นอน แต่เมื่อเราไปถึงต้นทาง และได้เห็นเจ้าสิ่งที่เรียกว่าลิฟต์จริงๆ ก็สั่นหนักกว่าเดิมจ้า เพราะมันไม่ใช่ตู้แต่เป็นเก้าอี้!
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดท่องเที่ยว/คาเฟ่)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe