มารู้จักประเภทของกลิ่นต่างๆ จากน้ำหอม เปิดกรุความหอมที่สาวซิสควรรู้ น้ำหอมแบบไหนที่ใช่สำหรับตัวเอง หอมจนคนข้างๆ ทัก

เลือกอ่านตามหัวข้อ
มาทำความรู้จักกับประเภทของกลิ่นต่างๆ กันก่อนดีกว่า
ประโยชน์ของกลิ่นจากวัตถุดิบที่ใช้ปรุงน้ำหอม
กลิ่นของน้ำหอมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ คืออะไรกันนะ
ระดับความเข้มข้นของหัวน้ำหอม
อาการแพ้ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากน้ำหอม
การเลือกน้ำหอมที่เหมาะกับผิวของเรา
ทริคเล็กๆ สำหรับความหอม ได้กลิ่นแล้วต้องทัก เผลอรักทันทีทีได้ไกล้
*: (=' :') :: CrystalBunny :::::::::::::::::::::
ชะวิ้ง ! ~ .. แฮ่! (*≧▽≦)☆ สวัสดีค่ะสาวๆ ชาว SistaCafe ทุกคน ช่วงนี้เช้าๆ ขึ้นรถไฟฟ้าออกไปทำงานแล้วต้องพบกับความฟินทุกเช้าเลย หลายๆ คนขยันอาบน้ำแต่งตัวมาทำงาน กลิ่นสะอาดๆ กลิ่นน้ำหอมลอยคละคลุ้งไปมาเบาๆ เดินผ่านคนโน้นคนนี้ทีก็อยากจะเดินตามไปดมไปตอมเขานะ แต่กลัวโดนโบกกลับมาซะก่อน ก็ได้แต่แอบฟินอยู่คนเดียว ทำไมตัวหอมกันจังเลย ~
ไหนสาวซิสคนไหนชอบน้ำหอมบ้าง ( พรึ่บพรั่บ! ) สาวๆ หลายคนก็คงชอบใช่ไหมล่ะคะ เวลาที่เจอคนเดินผ่านไปแล้วเราได้กลิ่นหอมๆ ก็อยากมีกลิ่นแบบนั้นบ้าง วันนี้เราก็เลยมารวบรวมข้อมูลความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับน้ำหอมมาฝากสาวๆ กัน ว่าแล้วก็อย่าเสียเวลาเลยเราไปดูกันเถอะ!
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
มาทำความรู้จักกับประเภทของกลิ่นต่างๆ กันก่อนดีกว่า
Floral : เป็นกลิ่นหอมจากดอกไม้ค่ะ นิยมเอามาใช้เป็นน้ำหอมกันมากๆ เช่นกลิ่น กุหลาบ มะลิ ลิลลี่ พิโอนี
Fruity : กลิ่นแบบผลไม้ หวานอมเปรี้ยว เป็นกลิ่นที่เด่นชัดมากๆ เมื่อนำมาทำเป็นน้ำหอม แต่ก็จางไวมากค่ะ
Aquatic : เป็นกลิ่นดอกไม้และสมุนไพรหลายชนิดรวมกันให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็น สะอาดๆ สบายๆ มีความสดใสนิดหน่อย
Oriental/Amber : กลิ่นจำพวกเครื่องเทศ กลิ่นเผ็ดแบบซ่าๆ ออกหวาน ซึ่งกลิ่นจะค่อนข้างแรง แต่ก็ติดทน ที่สามารถเห็นบ่อยๆ ก็คือ Musk และ Vanilla ค่ะ
Chypre : เป็นโทนกลิ่นที่คลาสสิค หรูหรา และทำให้ดูมีอายุมากขึ้น จะออกกลิ่นแป้งๆ ผสมเคมีนิดหน่อยและติดทนนาน
Fruity : กลิ่นแบบผลไม้ หวานอมเปรี้ยว เป็นกลิ่นที่เด่นชัดมากๆ เมื่อนำมาทำเป็นน้ำหอม แต่ก็จางไวมากค่ะ
Aquatic : เป็นกลิ่นดอกไม้และสมุนไพรหลายชนิดรวมกันให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็น สะอาดๆ สบายๆ มีความสดใสนิดหน่อย
Oriental/Amber : กลิ่นจำพวกเครื่องเทศ กลิ่นเผ็ดแบบซ่าๆ ออกหวาน ซึ่งกลิ่นจะค่อนข้างแรง แต่ก็ติดทน ที่สามารถเห็นบ่อยๆ ก็คือ Musk และ Vanilla ค่ะ
Chypre : เป็นโทนกลิ่นที่คลาสสิค หรูหรา และทำให้ดูมีอายุมากขึ้น จะออกกลิ่นแป้งๆ ผสมเคมีนิดหน่อยและติดทนนาน
Aldehydic/Modern : กลิ่นเหมือนไม้ และแป้งผสมกัน ทำให้ดูมีความทันสมัย เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกหรูหรา แต่อ่อนๆ ไม่แก่เกินไป
Green/Fresh/Balsms : กลิ่นนี้จะเป็นโทนเดียวกับดอกไม้ค่ะ แต่กลิ่นจะแหลมกว่า ออกเขียวๆ นิดนึง กลิ่นใบไม้ มอส หญ้า ทำให้สดชื่น
Green/Fresh/Balsms : กลิ่นนี้จะเป็นโทนเดียวกับดอกไม้ค่ะ แต่กลิ่นจะแหลมกว่า ออกเขียวๆ นิดนึง กลิ่นใบไม้ มอส หญ้า ทำให้สดชื่น
Tobacco/Leather : กลิ่นเหมือนไม้ เป็นกลิ่นอุ่นๆ นุ่มๆ แต่ไม่หวาน กลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ มักถูกใช้เป็นน้ำหอมผู้ชาย
Fougere : กลิ่นสดชื่น เป็นกลิ่นพวกสมุนไพรต่างๆ เช่นกลิ่นลาเวนเดอร์ ที่เป็นกลิ่นเย็นๆ นุ่มนวลอ่อนโยน แต่ไม่หวาน
Citrus : เป็นกลิ่นเย็นๆ ซ่อนเปรี้ยวค่ะ แต่จะเปรี้ยวกว่ากลิ่นผลไม้ทั่วไป เป็นผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยวจัดอย่าง มะนาว มะกรูด ส้ม และมีความสดชื่นมากๆ
Fougere : กลิ่นสดชื่น เป็นกลิ่นพวกสมุนไพรต่างๆ เช่นกลิ่นลาเวนเดอร์ ที่เป็นกลิ่นเย็นๆ นุ่มนวลอ่อนโยน แต่ไม่หวาน
Citrus : เป็นกลิ่นเย็นๆ ซ่อนเปรี้ยวค่ะ แต่จะเปรี้ยวกว่ากลิ่นผลไม้ทั่วไป เป็นผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยวจัดอย่าง มะนาว มะกรูด ส้ม และมีความสดชื่นมากๆ
ประโยชน์ของกลิ่นจากวัตถุดิบที่ใช้ปรุงน้ำหอม
***เนื่องจากจริงๆ แล้วมีหลายสิ่งที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงน้ำหอมมีหลาย เราเลยจะขอยกตัวอย่างเฉพาะตัวที่ถูกนำมาใช้บ่อยๆ แล้วกันนะคะ
กลิ่นลาเวนเดอร์ : ลดความรู้สึกกดดันต่างๆ ทำให้รุ้สึกสบายขึ้น ประบอารมณ์และความรู้สึกให้คงที่
กลิ่นส้ม : บรรเทาความรู้สึกเศร้า ทำให้มีความสดชื่น ร่าเริงขึ้น
กลิ่นมินต์ : ทำให้สติอยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้น ตื่นตัว และช่วยให้สดชื่น
กลิ่นวานิลลา : ทำให้รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ลดความตึงเครียด
กลิ่นกุหลาบ : เสริมความมั่นใจ รู้สึกอุ่นใจ ลดความกดดันต่างๆ
กลิ่นมะลิ : ระงับความกระวนกระวายใจ ช่วยให้รู้สึกสงบนิ่งมากขึ้น
กลิ่นคาโมมายล์ : ลดความอ่อนล้า ลดความเครียด ช่วยให้ใจสงบ
กลิ่นมะกรูด : ทำให้สมองปลอดโปร่ง สดชื่อ ลดอาการตึงเครียดจากความกดดันรอบตัว
กลิ่นของน้ำหอมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ คืออะไรกันนะ
กลิ่นของน้ำหอมที่ถูกสร้างขึ้นมา จริงๆ แล้วถ้าเป็นน้ำหอมที่ดีควรจะ มี 3 ระดับค่ะ ซึ่งแต่ละระดับก็จะเรียกว่า " โน้ต " อารมณ์เหมือนเป็นจังหวะของกลิ่น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ละระดับก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ อย่างนุ่มนวล ทำให้กลิ่นน้ำหอมไม่น่าเบื่อ และสำหรับน้ำหอมที่มีกลิ่นแรงๆ ก็จะไม่ทำให้มึนหัวหรือฉุนมากเกินไปค่ะ
ซึ่ง 3 ระดับที่ว่าก็จะถูกเรียกว่า Top Notes, Middle Notes, Base Notes
Top Notes : เป็นกลิ่นเปิดตัวของน้ำหอม มักจะมีกลิ่นสดชื่น อย่างพวกกลิ่น Fruity หรือ Citrus อยู่ได้นานแค่ 10 – 20 นาทีแรกหลังจากที่พรมน้ำหอม
Middle Notes : เป็นกลิ่นหลักของน้ำหอม เช่น กลิ่นดอกไม้ต่างๆ หรือกลิ่นสมุนไพร ใบหญ้า อยู่ได้นาน 3 – 6 ชั่วโมง
Base Notes : เป็นกลิ่นสุดท้ายหลังจากที่น้ำหอมแห้งไปกับผิว เป็นช่วงที่กลิ่นจะเรียบๆ ไปฉุน อ่อนนุ่มกว่า 2 ระดับแรก มักจะเป็นกลิ่นเครื่องเทศอย่าง Musk วานิลลา กลิ่นไม้ต่างๆ อยู่ได้เกือบทั้งวันแล้วแต่บุคคล
Top Notes : เป็นกลิ่นเปิดตัวของน้ำหอม มักจะมีกลิ่นสดชื่น อย่างพวกกลิ่น Fruity หรือ Citrus อยู่ได้นานแค่ 10 – 20 นาทีแรกหลังจากที่พรมน้ำหอม
Middle Notes : เป็นกลิ่นหลักของน้ำหอม เช่น กลิ่นดอกไม้ต่างๆ หรือกลิ่นสมุนไพร ใบหญ้า อยู่ได้นาน 3 – 6 ชั่วโมง
Base Notes : เป็นกลิ่นสุดท้ายหลังจากที่น้ำหอมแห้งไปกับผิว เป็นช่วงที่กลิ่นจะเรียบๆ ไปฉุน อ่อนนุ่มกว่า 2 ระดับแรก มักจะเป็นกลิ่นเครื่องเทศอย่าง Musk วานิลลา กลิ่นไม้ต่างๆ อยู่ได้เกือบทั้งวันแล้วแต่บุคคล
*** และมีกลิ่นระดับที่ 4 Bridge ซึ่งจะเกิดขึ้นตามลักษณะกลิ่นเฉพาะตัวของผู้ใช้หลังจากที่น้ำหอมระเหยเกือบไปจนหมด และเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือผสมไปกับกลิ่นธรรมชาติของผู้ใช้เอง เช่นเหงื่อก็มีผลทำให้กลิ่นระยะ Bridge แตกต่างออกไป
ระดับความเข้มข้นของหัวน้ำหอม
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดไลฟ์สไตล์)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe